SHARE

คัดลอกแล้ว

“สิ่งที่เราสู้รบกัน จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าผมซื่อสัตย์ต่อภรรยาผมตั้งแต่ต้น” ข้อความตอนหนึ่ง ในโพสต์ล่าสุดของ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ที่ใช้ขอโทษเพื่อร่วมวงการ ที่กำลังได้รับผลกระทบ จากการกระทำที่ผ่านมาของเจ้าตัว อาจกลายเป็นบทสรุปสำคัญของเรื่องนี้

 

ตั้งแต่ 15 ม.ค. บนเวทีคอนเสิร์ต Wednesdaysong concert Vol.1 ที่ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข เล่าถึงเหตุผลที่ห่างหายวงการนับปี ว่าถูกคุกคาม และขู่ยัดข้อหาทางการเมือง แถมมีผู้ก่อกวนไม่ต่างกับซาแซง ตามติดภรรยาและครอบครัว

แต่แล้ว คนในวงการเพลงบางส่วน แสดงความเห็นอีกด้าน ถึงรายละเอียดระหว่างบรรทัดที่ยังตกหล่นไป จึงกลายประเด็นสาธารณะที่ถูกขยายความออกไป จากเหตุตั้งต้นที่ว่า เขานอกใจภรรยา 

ทำไมการโยนหินป้องกันตัว ถึงกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ในวงการเพลงได้ ไปไล่เรียงกัน

1) แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ศิลปินเพลงรัก อารมณ์ดี ขึ้นเวที คอนเสิร์ต Wednesdaysong concert Vol.1 เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ก่อนจะใช้ช่วงหนึ่ง เล่าสาเหตุที่หายหน้าไป ระบุ มีผู้หญิงคนหนึ่ง คุกคามเขาและภรรยา ไม่ต่างกับซาแซง จนเป็นคดีฟ้องร้อง บทสรุป คือ เขาชนะและ ‘คู่กรณี’ ต้องชดใช้เงินรวม 1 ล้านบาท 

“ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมันจะปกป้องชีวิตในครอบครัวผมได้ถ้าผมออกมาสู่แสงสว่าง เพราะว่าภรรยาผมถูกโจมตีในที่มืดมานานไปแล้ว ผมหายไปเพื่อฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกรุกเข้ามาถ่ายวิดีโอแบล็กเมลภรรยาผมหลังเวที ในปี 2567 ซึ่งผมไปฟ้องร้องเขามา”

เขาลงรายละเอียดของเหตุการณ์ปะทะกันในหลายครั้ง อ้างถึงสิทธิพิเศษที่คู่กรณีได้รับ จากการเป็นแฟนของหนึ่งในทีมงานวงดนตรี ทำให้สามารถเข้าประชิดตัวเขาและภรรยาได้ ลามให้ไม่สามารถร่วมงานกับวงดังกล่าวได้  

ใจความโดยสรุป แสตมป์ พยายามอธิบายว่า อีกฝ่ายจงใจตามติดคอยก่อกวนเขาและภรรยา รวมถึงการเข้าพบผู้ใหญ่ในวงการ สร้างความเข้าใจผิดๆ ให้คนรอบตัวมองว่าภรรยาของเขาไม่ปกติ ก่อนที่ การปะทะคารมกันครั้งหลังๆ ปี 2566 ผนวกกับข้อความเหน็บแนมที่ยังปรากฏในออนไลน์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ในศาล 

2) เรื่องราววันนั้น นอกจากวิธีการติดตามที่แสตมป์อ้างถึง ที่ทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมแล้ว ประเด็น ‘พ่อนายพล’ ของคู่กรณีเข้ามามีส่วน ทำให้ครอบครัวของเขารู้สึกไม่ปลอดภัย   

“ในปี 2567 เรื่องที่น่ากลัวที่สุดเกิดขึ้นกับครอบครัวผม เริ่มขึ้นจากตรงนี้ครับ ระหว่างที่ไปศาล พ่อของจำเลยท่านนี้ เป็นทหารยศพันตรีจากพิษณุโลก มาขึ้นศาลแทนลูกของเขา และก็แบกเอกสารชิ้นใหญ่ในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับยศ ผลงาน เครื่องราชย์ และก็บอกว่าเขากำลังบรรจุเป็นองครักษ์ขอให้ผมกับภรรยาถอนฟ้องลูกของเขา ไม่เช่นนั้นผมจะโดนคดีทางการเมือง”

คำพูดของ แสตมป์ ตอนนี้เอง ทำให้ผู้คนจำนวนหนึ่ง มองว่านี่อาจไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว แต่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือไม่

ก่อนที่ตอนท้าย แสตมป์ ย้ำว่า พ.ค. 2567 ภรรยาชนะคดีไป ด้วยการรับสารภาพโดยจำเลยเอง เพราะจำนนต่อหลักฐาน เลยต้องจ่ายค่าชดใช้ให้ภรรยาของเขาหลักแสนทุกเดือน แต่นั่นไม่ได้ทำให้สถานการณ์นอกศาลจบ เขายังเจอคำขู่ของของนายพลท่านนั้น

“ผมฝากไปถึงท่านนายพลนะครับ ผมเข้าใจท่านดี ผมนับถือท่านที่ท่านปกป้อ’ ครอบครัวของท่าน ผมเองก็ทำเช่นนั้นอยู่” นอกจากผู้ชมสด ในโรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ที่ได้ยินสิ่งที่แสตมป์ เล่าไว้ด้วยหูตัวเอง คลิป 21 นาที ที่เผยแพร่ออกมา ทำให้คำพูดดังกล่าว กลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลฯ 

และต้องยอมรับ ในตอนนั้นกระแสสังคม ให้น้ำหนักกับการที่แสตมป์ และครอบครัวถูกคุกคามเป็นอย่างมาก

3) แถลงการณ์ จาก Tilly Birds ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 18 ก.ค. ถึงไม่ต่างกับการแตะเบรก คลื่นความเห็นของผู้คน ด้วยประเด็นสำคัญว่า การฟ้องร้องทั้งหมดเกิดขึ้นจาก ‘คดีชู้สาว’ ไม่ใช้เหตุคุกคามแต่อย่างใด

โดยในแถลงการณ์ตอนนั้น ระบุว่า คู่กรณีเป็นแฟนสาวของ Sound Engineer (FOH) ประจำวง พวกเขาได้ทราบและติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงปี 2566 แต่เนื่องจาก เรื่องราวจากทั้งสองฝ่ายต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนทั้งสองฝ่าย จึงแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันเองให้จบสิ้น เพราะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และทราบภายหลังว่า มีการฟ้องร้อง จนเจรจายอมความกันแล้ว

แต่แล้วในงาน Monster Music Festival 2024 ซึ่งสองฝ่ายมีการเผชิญหน้ากัน ทาง Tilly Birds จึงได้รับการติดต่ออีกครั้ง เพื่อขอให้วงไล่บุคคลดังกล่าวออก ไม่ให้มาทำงาน เนื่องจากตนมีความไม่สบายใจในการพบเห็น ซึ่งกรณีนี้ ทางวงตัดสินใจไม่ทำตามคำขอ เนื่องจากมองว่าการจ้างงานในลักษณะดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกันในเรื่องคดีแต่อย่างใด ย้ำว่าประสงค์จะวางตัวเป็นกลาง ไปจนกว่าคู่กรณีจะสามารถแสดงพยานหลักฐานได้ชัดเจน หากพยานหลักฐานดำเนินการในส่วนที่วงทำได้ 

4) ต่อมา เมื่อบรรดาศิลปินและคนในวงการเพลง มีการแชร์แถลงการณ์ของ Tilly Birds ออกไป พร้อมข้อความที่สื่อสาร ว่ายังมีรายละเอียดอีกมาก ขอให้ฟังทุกฝ่ายให้ครบถ้วนก่อน อย่างที่ จ๋าย ไททศมิตร เขียนข้อความว่า “เอาเป็นว่าพูดไปไม่มีใครได้อะไร เจ็บตัวกันฟรี” แต่ไม่วายถูกทัวร์ลงชุดใหญ่  

โดยตอนนั้น #แสตมป์อภิวัชร์ และ #TillyBirds ติดเทรนด์ข้ามคืนในโลกออนไลน์

5) ค่ำวันเดียวกัน แฟนหนุ่มของคู่กรณีได้เคลื่อนไหว โดยโพสต์ผ่านบัญชีอินสตาแกรม gapjirapat ระบุว่า แฟนสาวของเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกติดต่อมา อ้างคุยเรื่องงาน และย้ำว่าไม่เคยถูกตัดสินว่าผิด ในคดีความคุกคามแต่อย่างใด โจทย์มีการถอนฟ้อง ก่อนที่จะมีการตกลงจ่ายค่าเสียหายเพื่อจบเรื่อง

6) วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. เรื่องราวยิ่งกว่า หนังคนละม้วน เมื่อ ‘ป้อง’ เจ้าของเพจ โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้ ซึ่งมีผู้ติดตามราว 9 หมื่นคน ออกตัวว่าเขาเป็นเพื่อนแสตมป์ แถมยังเป็นพยานคดีชู้สาวในชั้นศาลให้ภรรยาของแสตมป์ แต่ไม่ได้ถูกเรียกให้ปากคำ ได้เล่าข้อมูลที่ตัวเขามองว่า แสตมป์ พูดไม่ครบบนเวที จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม

เนื้อหา คือ เขาเล่าว่ารับรู้การคบหากันของ แสตมป์ กับผู้หญิงคู่กรณี แม้จะไม่เห็นด้วย แต่เนื่องจากคำกล่าวอ้าง ทำให้เขาเชื่อว่าเพื่อนกำลังไม่มีความสุขกับชีวิตคู่ และถูกจำกัดอิสรภาพ จึงช่วยเหลือในการติดต่อให้เมื่อถูกร้องขอ

7) ช่วงเช้าวันนี้ (20 ม.ค.) ความจริงชัดเจนขึ้น ด้วยโพสต์จากเฟซบุ๊กส่วนตัวของ แสตมป์ ที่ยอมรับว่า เขาเคยนอกใจภรรยาจริง จนกลายเป็นจุดตั้งต้นของเรื่องราวทั้งหมด

แสตมป์ เริ่มต้น ด้วยการขอโทษทุกคนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด “ที่ผมเลือกเว้นประเด็นที่เป็นสาเหตุตั้งต้นที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดที่หลายคนกำลังเดือดร้อนอยู่นี้ นั่นคือ การนอกใจภรรยาของผมเอง”

โดยข้อความดังกล่าว แสตมป์ ชี้แจงต่อว่า มีเจตนาที่จะใช้เวทีนั้นเป็นสื่อกลาง ส่งสารไปยังคนจำนวนหนึ่ง เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า ภรรยาของเขาเดือดร้อน และมีความกังวลจากเรื่องอะไรบ้าง และแจ้งให้คนจำนวนนึงทราบเกี่ยวกับผลของศาลที่แท้จริงที่เราเข้าใจว่าถูกบิดเบือนในสังคมอยู่ในขณะนั้น จึงใช้วิธีการเล่าแบบไม่ได้ระบุชื่อตัวบุคคล หลีกเลี่ยงประเด็นที่เป็นสาเหตุแท้จริง

“เรื่องของคดีความ ผมฟ้องแก๊ปกับแจม ในคดีร่วมกันหมิ่นประมาท แยกเป็นแพ่งและอาญา รวม 3 คดี ผมถอนฟ้องให้ทั้งหมด เนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ซึ่งมีพยานวัตถุเป็นแชท ส่วนภรรยาผมฟ้องคดีมือที่สาม และจบลงด้วยการได้รับค่าชดใช้หนึ่งล้านบาทจากแจม”

พร้อมขอโทษ “น้องๆวง Tilly birds เติร์ด บิลลี่ ไมโล และทีมงาน, คุณโอม Cocktail และนักร้องนักดนตรีทุกคน หรือใครก็ตาม ทีมงาน โบกี้ไลอ้อน วิว โทนี่ วง moving and cut วงมีน พี่จี๊บ LOVEiS คุณ จ๋าย ไททศสมิธ และทุกๆคนที่ติดร่างแหไปจากการเล่าเรื่องของผม 

8 ) อย่างไรก็ดี ช่วงบ่ายที่ผ่านมา แก๊ป แฟนหนุ่ม และเป็นคนหนึ่งที่เกี่ยวพันในฐานะผู้ถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท โดยเขาได้ไล่ย้อนไทม์ไลน์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น ยืนยันว่า แฟนสาวไม่ได้คบหาแสตมป์ 

มีการขู่ด้วย ม. 112 จริงหรือไม่? หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกร ได้ซักถามตรงไปตรงมาในประเด็นนี้ โดยแก๊ป ยืนยันว่าไม่จริง แต่มีการอธิบายต่อว่า การถอดบทสนทนาในแอปฯ พูดคุย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสู้คดี มีเนื้อหาบางตอนที่พาดพิงถึงเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้มีเจตนาเอาผิดด้วยเนื้อหาส่วนนั้น “ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ทนายอาจโทรไป แต่ผมไม่รู้รายละเอียด”

9) ระหว่างการสัมภาษณ์ รายการโหนกระแส ได้โฟนอินหา แจม หญิงคู่กรณี ที่ถูกกล่าวถึง ว่ามีความสัมพันธ์กับแสตมป์ โดยเธอยืนกรานไม่เคยคบหากับนักร้องหนุ่ม แต่อย่างใด และการจ่ายเงินหนึ่งล้านบาท เพราะอยากจบปัญหาทั้งหมดแล้ว  

“เรื่องนี้จบไปนานแล้ว ในชั้นศาลก็จบไปแล้วด้วย หนูก็ตอบได้เท่านี้ เป็นไปตามคำสั่งศาลที่ระบุไว้ด้วย ว่าห้ามนำไปพูดต่อหรือเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ทางหนูและแก๊ปเอง ก็อยากจะแยกย้ายจริงๆ แล้ว”

ตามคำอ้าง ว่ามีการคุกคามแสตมป์และครอบครัว ด้วยข้อหา ม.112 จากทางคุณพ่อของเธอนั้น เจ้าตัวยืนยัน “ไม่เคยคุกคามในส่วนของคุณพ่อ อาจต้องอยู่ในส่วนทางคุณพ่อชี้แจง การที่จะไปคุกคามที่บ้าน ไม่จริง” 

แจมกล่าวต่อว่า ไม่ทราบเจตนาที่แสตมป์กล่าวว่าคบหากับตน เพราะไม่เคยพูดถึงหรือแสดงตัวใดๆ และหากใครรับรู้ว่าเธอเป็น ‘แฟน’ คงต้องถามกลับไปว่า ได้รับข้อมูลดังกล่าวจากใคร ใช่ตัวเธอหรือไม่

“ถ้าจ่ายแล้วแยกย้ายกันไปได้ หนูก็ยินดีจ่ายไป เพราะเขาอาจจะรู้สึกไม่ดีหรืออะไร ก็อาจเยียวยาสภาพจิตใจไป หนูอยากแยกย้ายไม่อยากยุ่งเกี่ยว” แจมย้ำ

10) คำถามตัวโตๆ ย้อนกลับไปที่ว่า หากเรื่องราวสิ้นสุดแล้ว เหตุใดแสตมป์ถึงได้หยิบขึ้นมาพูดในที่สาธารณะอีกครั้ง จนเกิดกระแสโจมตีเช่นนี้

“ที่ผมพูดบนเวที ผมไม่ได้อยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะชน จะพูดไปถึงคำที่ว่านิวชนะคดีนะทุกคน อย่าไปคิดว่าแจม สุดท้ายมันทำให้ผมเป็นอย่างนี้”

แสตมป์ตอบข้อสงสัยนี้ ในรายการโหนกระแส หลังหนุ่ม กรรชัยโทรศัพท์หาเจ้าตัว โดยมีแก๊ป ร่วมฟังและสักถามในบางจังหวะที่ต้องการความกระจ่าง

เขาเริ่มต้นด้วยการขอโทษทุกคนตามโพสต์ที่เขาเขียนไปก่อนหน้า โดยระบุเหตุผลสำคัญว่า นับตั้งแต่ถอนฟ้อง และมีการตกลงกันว่า แจมต้องชี้แจงความจริงให้แฟนหนุ่มและคนรอบข้างรับทราบนั้น ยังไม่เกิดขึ้นจริง ยังคงมีการพูดถึงในทางไม่ดี จนทำให้นิว ภรรยาของเขา ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

“เขาไม่ใช่สไตลิสต์ เอาจริงคือชู้สาว” แสตมป์อธิบาย ถึงเหตุผลที่เขาเลือกแจมมาร่วมงาน ส่วนที่มีบทสนทนาคล้ายกับทำงานจริง ก็เป็นไปเพราะภรรยาเริ่มระแคะระคาย

“มันเหมือนเราหาเรื่องเขา ในเรื่องที่เขาไม่ได้ทำ” นิว ที่นั่งอยู่ด้วยระหว่างการโฟนอินส่งเสียงตอบ พร้อมย้ำว่า เธอต้องการเพียงให้แจม ยอมรับกับสาธารณะว่ามีความสัมพันธ์กับสามี เธอจริง ไม่ใช่เรื่องที่เธออุปโลกขึ้นเอง

ทั้งนี้ แสตมป์ยังกล่าวถึงกรณี ม. 112 ว่า การที่พ่อของแจมพูดกับตนเอง ว่ามีหลักฐานการพาดพิงของผม ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นต่อหน้าแก๊ป รวมถึงมีการติดต่อกับทนายในประเด็นนี้ ทำให้เขาเกิดความกลัว เป็นเหตุให้ถอนฟ้องในคดีที่เขาเป็นโจทย์ทั้งหมด

สอดคล้องกับที่ ทนายนิด้า ในฐานะทนายของฝ่ายแสตมป์ ตอบคำถามผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก ว่า ได้ให้ความเห็นว่าไม่ผิด แต่เมื่อลูกความเกิดกังวล และตัดสินใจถอนฟ้อง ทนายจะไปตัดสินใจแทนไม่ได้

แม้ทั้งสองฝ่ายจะยังคงมีความเข้าใจที่ต่างกัน นั่นย่อมชัดเจนว่า มีข้อมูลด้านหนึ่งที่เป็นเท็จ อีกทั้งประเด็นการข่มขู่ด้วย ม.112 ก็ยังต้องรอบุคคลในเรื่องยืนยันอีกครั้ง และความกลัวที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การถอนฟ้องก็ไม่ควรเป็นเรื่องปกติ 

อย่างไรก็ดี ความจริงที่อาจประจักษ์ คือ ทั้งหมดนี้มีสารตั้งต้น จากที่สามีคนหนึ่งนอกใจภรรยา จนนำปัญหามาสู่ครอบครัว  

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า