รู้จัก “แอนน์ บุญช่วย” ตัวละครนำเชื้อสายไทยคนแรกของดิสนีย์

“AMPHIBIA” คือแอนิเมชันเรื่องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อราวเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยทำเป็นซีรีส์ความยาว 20 ตอน ออกฉายทางช่อง Disney Channel และสิ่งที่ทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นที่สนใจอย่างมากในบ้านเราก็คือ ตัวละครนำของเรื่องนั้นคือเด็กสาวซึ่งมีชื่อว่า “แอนน์ บุญช่วย” แน่นอนว่า เธอมีเชื้อสายไทย! และเป็นตัวละครนำเชื้อสายไทยตัวแรกของดิสนีย์

“แมตต์ บราลีย์” (Matt Braly) โปรดิวเซอร์ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ผู้เนรมิตตัวละคร แอนน์ บุญช่วย

โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นมาจากไอเดียของ “แมตต์ บราลีย์” (Matt Braly) โดยเขากล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครนำอย่างแอนน์มาจากภาพถ่ายในวัยเด็กของคุณยาย และด้วยประสบการณ์ที่เคยเดินทางมากรุงเทพฯ ในวัยเด็ก ทำให้เขามีความตั้งใจจะเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในซีรีส์ชุดนี้ผ่านการผจญภัยของเธอ

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อกล่องเพลงปริศนาทำให้แอนน์หลุดเข้าไปยังโลกของชาวกบ อันเป็นสถานที่ที่เธอได้พบกับมิตรภาพครั้งใหม่และได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย ซึ่งเธอพยายามผูกมิตรกับพวกเขาด้วยอาหารและวัฒนธรรมไทย ดังจะเห็นได้จากการเปิดร้านอาหารไทยในดินแดนกบ (ซึ่งขายเมนูขึ้นชื่ออย่างลาบและส้มตำ) หรือจะเป็นการแต่งชุดไทยและกล่าวต้อนรับลูกค้าด้วยคำว่า “สวัสดีค่ะ”

นอกจากพฤติกรรมของแอนน์ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้น รูปลักษณ์ภายนอกของเธอเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยสีผิวคล้ำและผมที่ดูรุงรัง ทำให้ดูแตกต่างจากชาวตะวันตกผิวขาวหรือแม้แต่ชาวกบเอง กระนั้น เธอก็ยังคงมอบมิตรภาพที่ดีให้กับชาวกบแห่งเมือง Wartwood โดยที่ไม่ได้สนใจในความแตกต่างใดๆ เสมือนการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของคนไทย ที่มักจะมอบรอยยิ้มและความประทับใจให้ผู้มาเยือนอยู่เสมอ

อีกพฤติกรรมของแอนน์ในเรื่องนั้นก็คือ แอนน์เป็นเด็กสาวที่ติดโทรศัพท์อย่างมาก แม้อยู่ในโลกของชาวกบเอง เธอก็ยังคงใช้โทรศัพท์ของเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะใช้ถ่ายรูป ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งดูซีรีส์! ซึ่งถึงแม้จะเป็นพฤติกรรมที่น่าจะพบได้ทั่วไปในวัยรุ่น แต่เมื่อมองในความเป็นคนไทยแล้ว พฤติกรรมการติดโทรศัพท์ถ่ายรูปตลอดเวลานั้นก็ดูจะเป็นอะไรที่มีความเป็นไทยในยุคสมัยนี้มากเหมือนกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น ก็คือมิตรภาพระหว่างแอนน์และสปริกก์ กบตัวแรกที่เป็นเพื่อนกับเธอและให้ที่พำนักแก่เธอในภายหลัง ซึ่งตัวเธอเองก็มีน้ำใจช่วยเหลือบ้านของสปริกก์ในหลายๆ เรื่อง ชวนให้นึกถึงวิถีชีวิตการช่วยเหลือตอบแทนกันของคนไทย และยังมีเรื่องของความมีน้ำใจระหว่างเพื่อนบ้านที่พบเห็นได้บ่อยในชุมชนของไทย แต่อาจไม่บ่อยนักในสังคมตะวันตก ที่ดูจะมีความ ‘ต่างคนต่างอยู่’ มากกว่า

อาจจะมีเสียงติติงมาบ้างว่า การนำเสนอวัฒนธรรมไทยของแอนน์นั้น เป็นอะไรที่ดูจะผิวเผินและสามารถพบได้เป็นการทั่วไปอยู่แล้ว แต่เมื่อพิจารณาว่าตัวอนิเมชั่นเองมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็ก การนำเสนอผ่านบทสนทนาในชีวิตประจำวัน หรืออาหารไทยซึ่งเป็นหนึ่งในของขึ้นชื่อที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ก็เป็นการง่ายที่เด็กๆจะได้เรียนรู้และเข้าถึงความเป็นไทยได้มากขึ้น และอาจทำให้หลายๆคน เริ่มที่จะสนใจและศึกษาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ความเป็นไทยเพิ่มเติมโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากอนิเมชั่นเรื่องนี้

ในส่วนผลตอบรับของผู้ชมในต่างประเทศเองก็เป็นไปในทิศทางบวก เมื่อได้รับเสียงชมจากเว็บไซต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์รวมชาวเน็ตอย่าง Reddit หรือแม้แต่คำวิจารณ์จากเว็บไซต์อย่าง Collider, IMDB ก็ล้วนแต่เป็นไปในทางที่ดีทั้งสิ้น โดยส่วนของผู้ปกครองนั้นก็แนะนำแอนิเมชันเรื่องนี้ว่าเหมาะสมที่จะรับชมกันพร้อมหน้าพร้อมตาในครอบครัว ขณะที่ความเห็นของกลุ่มวัยรุ่นเองก็ชื่นชอบโดยบอกว่าตัวละครแอนน์นั้นมีบุคลิกที่น่ารัก เรื่องราวน่าสนใจ และคาดหวังว่าหากซีรีส์ได้รับไฟเขียวจากทางช่องให้ทำซีซั่นต่อๆ ไป จะมีการนำเสนอวัฒนธรรมไทยที่หลากหลายมากขึ้น

และสุดท้าย แม้สิ่งที่แอนน์ บุญช่วย ได้แสดงให้เห็นในการผจญภัยกว่ายี่สิบตอนนั้น จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญของการนำวัฒนธรรมไทยออกสู่สายตาชาวโลก ผ่านผลงานของสตูดิโอที่มีชื่อเสียงอย่างดิสนีย์ ซึ่งเมื่อดูจากความสำเร็จของซีรี่ส์ Amphibia แล้ว ก็ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า การเดินทางของความเป็นไทยกับดิสนีย์นั้น จะไม่จบลงเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน