Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ภาคเอกชน หนุนเร่งตรวจ Rapid Antigen Test kit โดยใช้แนวคิด ‘รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว’ แนะปรับเกณฑ์บริหารจัดการเตียงใหม่ หวั่นเชื้อกลายพันธุ์จนเกิดคลัสเตอร์ใหม่

วันที่ 2 ส.ค. 2564 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้หารือกับภาคเอกชนในเครือข่ายเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ ว่ายังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐจะพยายามตรวจเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อ แต่ก็ยังไม่รวดเร็วและเพียงพอ และการจัดหาและกระจายวัคซีนก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับเชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ ทำให้การระบาดในระลอกที่ 4 นี้ รุนแรงและรวดเร็ว คาดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้ออีก 2-3 เดือน รวมทั้งจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ และชุมชนที่มีแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมและตัดวงจรการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการผลิตและส่งออก ซึ่งเป็นช่องทางสุดท้ายที่เศรษฐกิจไทยเหลืออยู่ อาจจะเกิดการปิดโรงงาน หยุดการผลิต ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เศรฐกิจทั้งประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ หอการค้าไทยและเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ จึงได้เสนอแนวทางและมาตรการที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน โดยมีประเด็นข้อเสนอแนะ ดังนี้

แนวทางที่ภาคเอกชนจะดำเนินการ เพื่อเสริมการดำเนินงานของรัฐบาล โดยภาคเอกชนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ในขณะนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันตรวจหาเชื้อ เพื่อให้ทราบตัวผู้ติดเชื้อก่อน โดยใช้แนวคิด ‘รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว’ โดยภาครัฐจะต้องสนับสนุนการจัดหา Antigen Test Kit ให้มีราคาถูก หลากหลาย มีคุณภาพ และหาซื้อได้ง่าย ทั้งนี้ จะต้องเร่งดำเนินการในเชิงรุก รวมถึงมีการสื่อสารที่ชัดเจน เช่น วิธีการใช้ชุดตรวจทำอย่างไร ทิ้งอย่างไร ตรวจแล้วพบเชื้อต้องดำเนินการอย่างไร โดยอาจมีการทำคู่มือสำหรับประชาชนและสถานประกอบการ โดยทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสร้างความรู้ความเข้าใจของโรคกับประชาชน (Covid Literacy) ให้เข้าใจวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง และทันต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค

ภาคเอกชนหลายบริษัทได้มีการกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติกลาง เพื่อนำไปปรับใช้สำหรับสถานประกอบการหรือโรงงานให้สอดคล้องกับศักยภาพของสถานประกอบการ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ในลักษณะการจัดทำแผนหรือมาตรการดูแลพนักงาน ทั้งกรณีที่ทำงานและที่พักอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน และกรณีที่ทำงานกับที่พักอยู่ต่างที่กัน ทั้งแผน Home Isolation/ Company Isolation นอกจากนั้น ยังพร้อมทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลและโรงแรม เพื่อเป็นที่พักให้พนักงานที่ติดเชื้อ มีการอบรมพนักงานในโรงแรม ให้สามารถช่วยเหลือทีมแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นได้ และให้เอกชนจับคู่กับโรงพยาบาลใกล้เคียงหรือโรงพยาบาลภายใต้ ม.33 เพื่อช่วยให้คำปรึกษาและดำเนินการ เป็นต้น

การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่มีแนวทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม หอการค้าไทยเสนอให้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการทำความเข้าใจ วิธีการป้องกันใหม่ รวมถึงแนวทางการดำเนินการ สำหรับผู้ประกอบการและประชาชน ให้เข้าใจตรงกันและปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ในรูปแบบของพี่ช่วยน้อง นอกจากนั้น เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึง Rapid Antigen Test kit ในราคาที่เหมาะสม หอการค้าไทยได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำคำแนะนำ และช่วยผู้ประกอบการจัดหาชุดตรวจฯ ในราคาที่เหมาะสมต่อไป

พร้อมทั้ง ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐ การจัดหา Rapid Antigen Test Kit ในราคาที่เหมาะสม ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ หรือภาครัฐมีการสนับสนุน หาซื้อได้ง่าย มีคุณภาพตามมาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอ รวมถึงการบริหารจัดการในการกำจัด ปรับระบบการบริหารจัดการเตียงใหม่ โดยแยกประเภทและการใช้ระหว่างกลุ่มเสี่ยง (สีเขียว) และผู้ป่วย (สีเหลือง สีแดง) ให้ชัดเจน ปรับลดเกณฑ์ Hospitel และเพิ่ม Hotel Isolation สำหรับรองรับกลุ่มสีเขียว เพื่อลดการใช้เตียงในโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดง เพิ่มจำนวนสถานที่และเตียง โดยภาครัฐสามารถมาสนับสนุนเอกชนในการทำ Company Isolation หรือ Hospitel โดยติดต่อโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยรัฐบาลช่วยจ่ายค่าที่พัก รวมถึงการลงทุนของโรงแรม ในการปรับระบบการจัดการสถานที่ให้เหมาะสมกับการดูแลผู้ติดเชื้อ การใช้ Telemedicine ควรมี database กลาง และกระบวนการที่ชัดเจน โดยเพิ่มการแนะนำและติดตามอาการผ่านวิดีโอคอล มีแพทย์ให้คำแนะนำดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้ป่วย 25 ศูนย์ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน พร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้วัคซีนเข้าถึงประชาชนได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในระยะถัดไป อาจมีการกลายพันธุ์ของไวรัสอีก ดังนั้น ภาครัฐควรสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด ทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น วัคซีน ยา และ Rapid Test Kit เป็นต้น เพื่อให้มีการผลิตในประเทศไทย โดยสามารถให้เอกชนร่วมกันสนับสนุน

นายสนั่น ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนเรากำลังตามแก้ไขปัญหา ทุกส่วนจึงต้องปรับวิธีการให้เป็นเชิงรุกอย่างจริงจัง หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน ตลอดจนสมาชิกทุกกลุ่มธุรกิจ มีความพร้อมและยินดีที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อหาแนวทางร่วมแก้ไขวิกฤตินี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า