โปรเม เอรียา จุฑานุกาล “ล้มได้ล้มไป ใจไม่ยอมแพ้ ยืนหยัดใหม่ได้เสมอ” | START YOUR IMPOSSIBLE

ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ถ้าใจไม่ยอมแพ้ และสักวันหนึ่ง เหรียญโอลิมปิกจากกีฬากอล์ฟที่แฟนกีฬาไทยใฝ่ฝันถึงมาตลอด อาจจะเป็นเอรียาคนนี้แหละ ที่ทำให้ฝันของชาวไทยเป็นจริง

มีคำกล่าวว่า โอลิมปิก ไม่ได้มีความสำคัญแค่การลุ้นเหรียญเท่านั้น แต่อยู่ที่การ “สู้กับตัวเอง” ว่าเมื่อเจอปัญหารุมเร้าเข้ามา คุณจะตอบสนองมันอย่างไร จะยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ หรือฮึดสู้ เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด

นักกีฬาหลายคน ไม่ชนะเหรียญแต่ชนะใจกองเชียร์ เพราะพวกเขาไม่ยอมแพ้กับปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาตรงหน้า

สำหรับการแข่งขันของ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาลก็เช่นกัน แม้จะไปไม่ถึงเหรียญโอลิมปิกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่เธอก็แสดงสปิริตให้โลกได้เห็นว่า นักกีฬาไทยใจสู้ มันเป็นอย่างไร

ย้อนกลับไปในโอลิมปิกที่ริโอ ปี 2016 โปรเม ออกสตาร์ตกอล์ฟหญิงได้อย่างร้อนแรงมาก ด้วยการจบอันดับ 2 ในวันแรก ตามหลังผู้นำ ปาร์ก อิน-บี แค่สโตรกเดียวเท่านั้น

ซึ่ง ณ เวลานั้น พูดตามตรงคือประเทศไทย มีโอกาสลุ้นเหรียญจากกอล์ฟ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

แต่ทว่าโชคร้ายก็มาเยือน อย่างกะทันหัน เมื่อโปรเม ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ในการแข่งวันที่ 2 หลังจากเธอปรึกษากับทีมโค้ชแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่า “ไม่สามารถแข่งต่อได้ไหว” ต้องขอถอนตัวในที่สุด ทั้งๆที่ อยู่ในเส้นทางการคว้าเหรียญทอง

โปรเมเปิดเผยว่า เธอพยายามเต็มที่แล้ว และที่เดินทางมาที่ริโอ ก็เพราะตั้งใจอยากสู้เพื่อประเทศชาติจริงๆ แต่อาการบาดเจ็บมันรุนแรง และเมื่อปรึกษากับทีมแพทย์แล้ว ก็คิดว่า ควรถอนตัวออกไปดีกว่า เพื่อไปเข้ารับการรักษาให้ถูกต้องต่อไป จะได้หายขาด

จากวันนั้น ความฝันในโอลิมปิก ก็เป็นปมในใจของโปรเมมาตลอด เธอตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ก็อยากแก้ตัว ทำผลงานให้ไปถึงเหรียญให้ได้

จากโอลิมปิกที่ริโอ 5 ปีผ่านไป เข้าสู่ปี 2021 โปรเมกลับมามีฟอร์มร้อนแรงมากขึ้น หลังจากแผ่วไปในช่วงปี 2019-2020

โปรเมประเดิมด้วยการคว้าแชมป์ฮอนด้า แอลพีจีเอ ครั้งแรกในชีวิต เป็นการปลดล็อกบางอย่างในใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาตลอด ตามด้วยคว้าแชมป์ ดาวเกรตเลคส์ เบย์ อินวิเทชันนอล ร่วมกับพี่สาว โมรียา จุฑานุกาล เรียกความมั่นใจก่อนโอลิมปิกจะเริ่มขึ้น

ดังนั้นไม่แปลก ที่แฟนๆ ชาวไทย รวมถึงตัวเธอเองจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง ยิ่งในสนามคาสึมิกาเซคิ คันทรี่ คลับ ก็เป็นสังเวียนที่โปรเมเคยเล่นมาก่อนแล้ว จึงน่าจะมีความคุ้นเคยอยู่ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อการแข่งขันเริ่มจริงๆ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ เอรีย่า ฟอร์มหลุดอย่างน่าตกใจในวันแรก ตีเกินถึง 6 โอเวอร์พาร์ อยู่อันดับ 58 ร่วม หรือรองบ๊วย จากนักแข่งทั้งหมด 60 คน

มีการตั้งข้อสังเกตว่า เธอมีอาการบาดเจ็บที่ข้อมือขวา มาตั้งแต่รายการเอวิยองที่ฝรั่งเศส จนมาโอลิมปิกก็ยังเจ็บอยู่ ทำให้เล่นพลาดหลายๆ ช็อต อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งทีออฟ ทั้งพัตต์ เรียกได้ว่าหมดลุ้นแชมป์ไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันแรก

จริงอยู่ว่ากีฬากอล์ฟมันพลิกสถานการณ์กันได้เสมอ แต่การเริ่มวันแรกที่ 6 โอเวอร์พาร์ มันเป็นภารกิจที่หนักหนาสาหัสเกินไปมาก

“วันนี้อากาศร้อนมาก พอช็อตแรกทำให้เล่นในจังหวะต่อไปได้ยาก ยอมรับว่าในโอลิมปิกยังคงรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเดิม แม้ว่าจะเล่นเป็นหนที่ 2 แล้วก็ตาม เพราะรู้ดีว่ากำลังทำหน้าที่ เล่นเพื่อประเทศไทย”

ความรู้สึกของโปรเม คือเครียดและกดดันมากเกินไป จนเล่นไม่ได้อย่างที่ใจคิด ตีผิดฟอร์มไปหมด ถึงตรงนี้ แม้จะน่าเสียดายแต่ก็ต้องยอมรับว่า โปรเมหมดลุ้นเหรียญแล้ว

แต่ในกีฬาโอลิมปิก อย่างที่เราบอกไว้แต่แรก ว่าเป้าหมายของนักกีฬาไม่ได้มีแค่การลุ้นเหรียญเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้กับตัวเอง ว่าจะทำผลงานได้ดีที่สุดแค่ไหน

เมื่อได้สติ โปรเมกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง และเปิดฉากมาแค่ 7 หลุมแรก ก็ทำได้ 3 อันเดอร์พาร์ ก่อนปิดฉาก 18 หลุมในวันที่ 2 โดยเก็บได้ 4 อันเดอร์พาร์

ทำให้รวม 2 วัน จากเดิมเกิน 6 โอเวอร์พาร์ สกอร์ดีขึ้นชัดเจน จนเหลือแค่ 2 โอเวอร์พาร์เท่านั้น

จากนั้นวันที่ 3 โปรเม ยังคงใจสู้ต่อไป เก็บเพิ่มอีก 2 อันเดอร์พาร์ กลายเป็นอีเว่นพาร์ ปิดท้ายด้วยวันที่ 4 แม้จะมีอาการบาดเจ็บ แต่สุดท้ายโปรเม ก็ยังสวมหัวใจสิงห์ ตีเกินไปแค่ 1 โอเวอร์พาร์เท่านั้น

รวม 4 วัน จากเริ่มต้นวันแรกที่ 6 โอเวอร์พาร์ โปรเมจบการแข่งด้วยสกอร์ 1 โอเวอร์พาร์ จากอันดับ 58 ในวันแรก จบที่อันดับ 43 ในวันสุดท้าย ซึ่งถือว่าทำได้ดีแล้ว เมื่อเทียบกับฟอร์มในวันแรก

ถ้าเทียบกับนักกีฬาของชาติอื่นที่อยู่อันดับใกล้เคียงกับโปรเมวันแรก แต่ละคนวันสุดท้ายตีเกินไปเกือบ 20 โอเวอร์พาร์ก็มี แต่โปรเมไม่ยอมให้ตัวเองหลุดไปไกลขนาดนั้น และคัมแบ็กได้อย่างน่าทึ่ง

เรื่องของโปรเม เอรียา จริงอยู่ว่าเธอไม่ได้เหรียญ แต่เธอก็แสดงให้เห็นว่า แม้จะไม่ได้เหรียญ แต่ถ้าตั้งใจเล่นอย่างสุดความสามารถ คุณก็คู่ควรกับเสียงปรบมือจากแฟนๆ กีฬาทั่วโลกได้เช่นเดียวกัน

โปรเม บอกเสมอว่าความฝันของเธออีกหนึ่งอย่าง คือทำผลงานดีที่สุดในสีเสื้อของประเทศไทย ดังนั้น กับโอลิมปิกเกมส์ เธอจะไม่เลิกหวังแค่นี้แน่นอน

ที่ริโอ และที่โตเกียว เธออาจจะพลาดไปก็จริง แต่คนอย่างเอรียา จุฑานุกาล ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และเธอจะคัมแบ็กกลับมาอีกครั้งให้ได้ ในโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส

เหมือนครั้งหนึ่ง เธอเคยหลุดจากมือหนึ่งของโลก แต่เธอก็คัมแบ็กด้วยการเป็นมือหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง ดังนั้น เวทีโอลิมปิก ก็เป็นอีกแค่เป้าหมายหนึ่งของเธอ