SHARE

คัดลอกแล้ว

นิตยสาร The Economist ได้ลงบทความเรื่อง “Don’t panic about e-cigarettes: Banning them all will cause far more harm than good” (อย่าตระหนกเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า: การแบนทั้งหมดจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี) ซึ่งพูดถึงนโยบายการแบนบุหรี่ไฟฟ้าในหลายประเทศ รวมถึงการแบนน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ารสชาติต่างๆ ภายในสหรัฐฯ

บทความพยายามจะเสนอว่า การแบนบุหรี่ไฟฟ้าและทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอาจเป็นการตัดทางเลือกของคนจำนวนหนึ่งให้กลับไปใช้บุหรี่ธรรมดาที่มีอันตรายมากกว่าอีกครั้ง รวมถึงทำให้รัฐไม่สามารถควบคุมคุณภาพของบุหรี่ไฟฟ้าที่ประชาชนใช้ให้ปลอดภัยได้ด้วย

ข่าวเวิร์คพอยท์แปลและเรียบเรียงบทความดังกล่าวไว้ดังนี้

ถึงเวลาที่ควรหยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว

คำกล่าวข้างต้นของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาอย่าง ลี นอร์แมน ดูจะสมเหตุสมผล หลังจาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางการสหรัฐอเมริกาพบผู้เสียชีวิตที่คาดว่ามีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 6 ราย และผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอดอย่างรุนแรงมากกว่า 450 ราย

สถานการณ์อันน่ากังวลดังกล่าว ส่งผลให้ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันให้องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration: FDA) ออกมาตรการห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารปรุงแต่งกลิ่นและรสทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา (อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่) อีกทั้งนักการเมืองบางคนได้ออกมาเรียกร้องให้ยุติการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทุกประเภท

นอกจากนี้ หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ (The Centres for Disease Control: CDC) และสมาคมการแพทย์อเมริกัน (the American Medical Association: AMA) ก็ได้ออกมาสนับสนุนการแบนบุหรี่ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนทางการของสหรัฐฯ มองว่าทางออกของปัญหานี้คือการห้ามจำหน่ายหรือการแบนบุหรี่ไฟฟ้า นำมาซึ่งข้อถกเถียงที่ว่ามาตรการต่าง ๆ ที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จะช่วยแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือไม่

การซื้อขายอย่างผิดกฎหมาย

เมื่ออ้างอิงจากหลักฐานที่มีอยู่พบว่า ผู้เสียที่เสียชีวิตจากบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้านที่ถูกกฎหมาย แต่กลับซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านข้างทาง ซึ่งเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกผลิตขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องและไม่ได้มาตรฐาน

โดยผู้ที่เสียชีวิตจำนวน 5 จาก 6 ราย ซื้อผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกทำให้ปนเปื้อนมาอย่างผิดกฎหมาย ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 รายที่เหลือซื้อน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามาจากร้านขายกัญชาที่ถูกกฎหมายในมลรัฐโอเรกอน

ด้านองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกากล่าวว่า ผู้ที่ต้องการสูบบุหรี่ไฟฟ้าควรซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านที่ได้ลงทะเบียนหรือได้รับการรับรองอย่างถูกกฎหมายแล้วเท่านั้น และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์หรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชจำพวกกัญชา

ตัวอย่างหนึ่งที่รัฐบาลไม่สนับสนุนให้ประชาชนบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรองอย่างถูกกฎหมายคือ การไม่สนับสนุนให้บริโภคสุราเถื่อน (moonlight spirits) หรือสุราที่ประชาชนผลิตขึ้นมาเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในประเทศคอสตาริกา พบผู้เสียชีวิตกว่า 25 รายจากการดื่มสุราที่บรรจุอยู่ในภาชนะที่ปนเปื้อนไปด้วยสารเมทานอล

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสุราหรือบุหรี่ไฟฟ้า ทางการควรมีการจำแนกความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายและผลิตภัณฑ์ที่ถูกกฎหมายที่ไม่มีสารปนเปื้อนอื่นๆ

การแบนบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่ทางออก

ตั้งแต่บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการสูบบุหรี่ และเริ่มมีจำนวนผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดการถกเถียงถึงผลดีและผลเสียของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อร่างกาย บ้างก็ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่แบบเดิมที่มีการเผาไหม้โดยตรง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีข้อถกเถียงจำนวนมากที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อร่างกายพอๆ กับบุหรี่ธรรมดาทั่วไป และเรียกร้องให้มีการห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในมลรัฐหรือในประเทศของตน

เหตุผลที่เรียกร้องให้มีการแบนบุหรี่ไฟฟ้าคือการที่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีส่วนประกอบของสารนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่เมื่อได้รับแล้ว ร่างกายจะต้องการสารดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ ในครั้งต่อไป รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆ ของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

อีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญคือ บุหรี่ไฟฟ้าได้ก่อให้เกิด “นักสูบหน้าใหม่” เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเยาวชน และอาจจะนำไปสู่การเสพติดสารนิโคตินที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของบุหรี่ไฟฟ้า โดยจากสถิติพบว่า 1 ใน 4 ของนักเรียนมัธยมปลายในสหรัฐอเมริกาใช้บุหรี่ไฟฟ้า และจากการเปิดเผยสถิติของรัฐมนตรีสาธารณสุข อเล็กซ์ อาซาร์ พบว่ามีเยาวชนอเมริกันกว่า 5 ล้านคนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า

ความกังวลเหล่านั้นทำให้รัฐบาลในหลายประเทศ เช่น อียิปต์ เม็กซิโก สิงคโปร์ ไต้หวัน และบราซิล ประกาศให้การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งการใช้มาตรการที่เด็ดขาดหรือการห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดนั้นอาจจะก่อให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะจะทำให้มีการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหรือถูกผลิตขึ้นมาโดยไม่ได้มาตรฐานมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลแต่ละประเทศจึงควรมีการ “ควบคุม” บุหรี่ไฟฟ้า มากกว่าการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายและห้ามซื้อขายกันโดยทั่วไป อีกทั้งทางการควรมีการควบคุมการผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ดังเช่นหลายประเทศในสหภาพยุโรปที่มีการควบคุมปริมาณสารนิโคตินในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป

นอกจากควบคุมการผลิตแล้ว ทางการควรมีการตรวจสอบการทำการตลาดของบริษัทผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีการทำการตลาดที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่ยังเป็นเยาวชน โดยการผลิตและขายผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติหรือกลิ่นเป็นผลไม้ ลูกอม หรือขนมหวาน ซึ่งเป็นกลิ่นที่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวชื่นชอบ รวมถึงการแจ้งเตือนหรือการประกาศต่างๆ ทางหน่วยงานด้านสาธารณสุขควรมีความชัดเจน ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจง่ายและรับรู้ทั้งผลดีและผลเสียที่อาจจะกระทบต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ได้

ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศ เช่น อินเดีย ไทย ไต้หวัน แต่ก็มีการลักลอบซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือผ่านร้านค้าที่ไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภคอย่างมาก หากมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีการผลิตขึ้นโดยไม่ได้มารตฐานหรือมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเป็นองค์ประกอบ จึงทำให้เกิดคำถามว่า หรือรัฐควรเข้ามาควบคุมตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การซื้อขาย การนำเข้า และการกำหนดมารตฐานต่างๆ แทนการแบนบุหรี่ไฟฟ้าออกไปโดยสิ้นเชิง

ที่มา https://www.economist.com/leaders/2019/09/12/dont-panic-about-e-cigarettes?fsrc=scn/fb/te/bl/ed/dontpanicaboutecigarettestheviceofvaping

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า