จับแกนนำร่วมวางระเบิดบิ๊กซีปัตตานี บิด จยย.หนีแต่ไม่พ้น

จากกรณีมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายอิสมาแอล มอซู อายุ 35 ปี แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ที่มีหมายจับ 4 หมาย ทั้งร่วมกันยิงผู้อื่นเสียชีวิตและลอบวางระเบิดห้างบิ๊กซีเมืองปัตตานีได้แล้ว

วันที่ 15 มิ.ย. พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.43 เปิดเผยว่า การจับกุมตัวครั้งนี้เจ้าหน้าที่ ชป.จรยุทธ์ร่วมกำลังทหารตำรวจในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา มี ร.ท.จักรราช เพขรสุด เป็นหัวหน้าชุดได้เรียกตรวจรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยเป็นชายใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์จาก อ.เทพา มุ่งหน้าเข้า อ.โคกโพธิ์ แต่เมื่อขับใกล้ถึงด่านตรวจประมาณ 100 เมตร ชายดังกล่าวได้วนรถขับหลบหนีไปอย่างเร็ว ร.ท.จักรราช ได้จัดกำลังส่วนหนึ่งไปกับรถยนต์กระบะ เพื่อไล่ติดตามและสามารถสกัดจับไว้ได้ในพื้นที่ บ.ตาแปด อ.เทพา จ.สงขลา จึงได้ควบคุมตัวมายังฐานปฎิบัติการร้อย.ทพ.4315

จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยคือ นายอิสมาแอล มอซู อายุ 35 ปี พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์และของใช้ส่วนตัวหลายรายการ และยังพบเอกสารบางอย่างที่มีความเชื่อมโยงแผนการร้าย  ตรวจประวัติอาชญากร พบว่ามีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 4 หมาย ประกอบด้วย

1.ร่วมกันยิงนายจำนงค์ เจียมจันทร์ เสียชีวิต บนถนนลำไพล-สะบ้าย้อย ม.1 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อ 20 เม.ย.49
2. ร่วมกันยิงนายสมศักดิ์ รักชาติ ปลัดอำเภอ เสียชีวิต ที่ถนนลำไพล-เทพา ม.3 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อ 9 ม.ค.48
3. ลอบวางระเบิดห้างบิ๊กซีเมืองปัตตานี พื้นที่ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงได้รับบาดเจ็บกว่า 60 คน
4.ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง พื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล เมื่อ 16 พ.ย. 60

โดยขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการซักถามขยายยังหน่วยซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี

ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การควบคุมตัวแกนนำสำคัญของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะทนการกดดันจากชาวบ้านในพื้นที่ให้ความร่วมมือและไม่อยากให้มาใช้ชุมชนหมู่บ้านตนเองเป็นแหล่งที่หลบอาศัยของกลุ่มก่อเหตุรุนแรง เพราะนำแต่ความเดือดร้อนและทำลายเรื่องดีงาม จนภายนอกอาจมองเป็นพื้นที่อันตรายและยังส่งผลให้การทำมาอาชีพก็ยิงลำบาก จึงมีการแจ้งข้อมูลมาต่อเนื่องมากขึ้น

อีกทั้งการเปิดแผนจรยุทธ์ที่ผ่านมาจะครบกำหนดตามวงรอบ ซึ่งดูแล้วว่ามีความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องยังคง ชป.จรยุทธ์ไว้คอยทำหน้าที่ แต่อาจปรับให้เป็นการปฏิบัติรูปแบบที่เข้าถึงจิตใจด้วยความจริงใจและขจัดปัญหาความหวาดระแวงกันและกันให้ได้ เพราะทหารคือผู้ที่คอยปกป้องประชาชน จึงอยากขอบคุณทุกชุดปฏิบัติการและรวมทั้งกำลังภาคประชาชน ที่ร่วมกันทำงานจนสามารถกดดันกลุ่มก่อเหตุรุนแรงในหลายท้องที่ต้องคอยอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ และต้องย้ายแหล่งหลบตลอดเวลา