ใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนฟื้นตัว ธุรกิจไทย-จีน ผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโคโรนา

จากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แพร่ระบาด ศูนย์กลางจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหู่เป่ย ประเทศจีน นอกจากความวิตกกังวลต่อสุขภาพแล้วผลกระทบที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ “ภาคธุรกิจ” ที่ไทยและจีน มีความเกี่ยวข้องและมีเม็ดเงินหมุนเวียนกันมหาศาล (คลิป)

ณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมดิจิทัล ประเทศไทย ผู้ก่อตั้งลาซาด้า ในฐานะนักธุรกิจไทยในประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับ Workpoint News ถึงผลกระทบต่อธุรกิจไทย-จีน จากวิกฤติไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ระบาดว่า ในทางธุรกิจปีนี้เหมือนชัตดาวน์ (Shut down)

ในธุรกิจทัวร์ มาจากจีนจะเรียก “บริษัททัวร์จีน” แล้วก็มีบริษัทที่คอยอยู่ฝั่งไทย คอยรับบริการลูกค้าจีน เขาจะเรียกว่า “แลนด์ไทย” ขณะนี้ฝั่งจีนที่ได้รับผลกระทบก็คือเจ้าของทัวร์จีน แต่เขายอมทำเพื่อรักษาชื่อเสียงประเทศไม่ให้เอาเชื้อไปแพร่คนข้างนอก ส่วนฝั่งไทยหรือ “แลนด์ไทย” และคนที่มีอาชีพเกี่ยวกับทัวร์ทั้งหมด เรียกว่าเจ๊งแน่นอน เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวจีนมา

นอกจากธุรกิจทัวร์แล้ว ธุรกิจในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารได้รับผลกระทบตามมาเช่นเดียวกัน รวมทั้งการส่งออกสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว ทุเรียน เพราะขณะนี้จีนก็ชะลอการซื้อ ยังรวมถึงภาคบริการ พนักงานที่เจ้าของธุรกิจจ้างมาต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ในเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวมาตรงนี้ก็จะได้รับผลกระทบด้วย ตามด้วยหนี้เสียเพราะคนไม่มีกำลังชำระหนี้ เลิกจ้าง และปิดกิจการ ซึ่งล่าสุดก็ได้ทราบว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนได้ออกมาแถลงแผนฟื้นฟูประเทศ หลังผ่านพ้นวิกฤติไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019

ณัฐพร กล่าวว่า ตอนที่ดูตัวเลขของการท่องเที่ยวสัปดาห์หนึ่งคนจีนมาไทยใช้จ่ายเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมเงินที่นักท่องเที่ยวจีนแลกมาเป็นบาทตามสนามบินแล้วก็มาใช้จ่าย คิดว่าเยอะกว่านั้น ถ้ารวมเงินหมุนเวียนทั้งระบบไม่เฉพาะเงินที่คนจีนนำมาใช้ไทย สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ก็น่าจะกระทบเป็นแสนล้านบาท

“การจะซื้อของฟุ่มเฟือยอย่างทุเรียนลูกละ 1,000 บาท ก็อาจจะต้องรอสักพัก ซึ่งเราจะส่งเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมอยู่แล้วเป็นปกติ แต่คนซื้อจะซื้อน้อยลง”

ธุรกิจไทยในประเทศจีน

ส่วนธุรกิจที่ทำโรงงานในจีนก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะแรงงานถูกสั่งให้หยุดอยู่ที่บ้าน ยกเว้นโรงงานผลิตเวชภัณฑ์, ธุรกิจโลจิสติกส์ การขนส่งอาหาร น้ำดื่ม และธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคม โดย 3 ธุรกิจนี้ยังอยู่ได้ รวมทั้งโรงงานสิ่งทอที่ทำเฉพาะหน้ากากอนามัย มีอยู่ 1-2 บริิษัทในมณฑลหูเป่ย  แต่โรงงานอื่นๆ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นคิดว่าน่าจะปิดกิจการ นอกจากว่าจะปรับเปลี่ยนมาเป็นการผลิตชุดป้องกันเชื้อโรค

“ฟังจากข่าวรัฐบาลจีน บอกว่า 40 วัน นับจากวันที่ 21 เป็นวันกำหนดเส้นตายที่ต้องผลิตวัคซีนออกมาให้สำเร็จ โดยตรรกะ (logic) แล้ว ประเทศจีนหรือรัฐบาลจีน เขาจะไม่ประกาศหรืออะไร ถ้าเขาไม่รู้ว่ามันจะได้แน่ๆ อย่างนี้เขาน่าจะรู้แล้วว่า “กุมภาพันธ์” เขาจะได้วัคซีน แต่ที่ผมบอกว่า 3 เดือนหลังจากได้วัคซีน ก็คือเสร็จแล้วก็ต้องผลิตเพื่อให้พอเพียงกับความต้องการของคนในประเทศก่อน ซึ่งขั้นตอนการผลิตมันก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์เพื่อผลิตแล้วก็แจกจ่าย แล้วก็ให้ประชาชนมารับวัคซีนได้ตามสถานพยาบาลครับ ก็เลยเข้าใจว่า ความเห็นส่วนตัวนะครับ ช่วงปลายมีนาคมถึงจะเรียบร้อยเข้าสู่ระบบปกติ”

ท้ายที่สุด นักธุรกิจที่คว่ำหวอดในการทำธุรกิจทั้งในประเทศจีนและไทยรายนี้ เชื่อว่า จีนจะฟื้นตัวและกู้เศรษฐกิจ จากวิกฤติไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019  ได้รวดเร็วกว่าตอนที่เผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคซาร์สที่ตอนนี้ใช้เวลาฟื้นตัว 2 เดือนครึ่ง โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เมื่อได้รับวัคซีนแล้วน่าจะใช้เวลาฟื้นตัวหลังจากนั้น 2 สัปดาห์ แต่คนจีนที่อยู่ในจังหวัดห่างไกลไม่มีศูนย์การแพทย์ทันสมัยก็อาจจะใช้เวลามากกว่า

ทั้งนี้เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ค.ศ. 2003 จีนเคยเผชิญกับวิกฤติโรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง ที่เกิดจากเชื้อในตระกูลโคโรนาไวรัสเช่นกัน

(ณัฐพร วุ้นกลิ่นหอม นายกสมาคมดิจิทัล ประเทศไทย ผู้ก่อตั้งลาซาด้า ในฐานะนักธุรกิจไทยในประเทศจีน)