Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

แม้องค์การอนามัยโลกจะยังไม่ประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้แพร่ระบาดไปแล้วอย่างน้อย 10 ประเทศ สร้างความตระหนกให้กับคนทั้งโลก สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นได้รับการยืนยันแล้ว 5 ราย

หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าไวรัสอู่ฮั่นเกิดมาจากงูและคางคาวจริงหรือเปล่า เมื่อเทียงเคียงกับโรคเมอร์ส์และโรคซาร์สที่เคยแพร่ระบาดก่อนหน้านี้มีความรุนแรงแค่ไหน และประเทศไทยจะรับมือได้แค่ไหน จุดไหนบ้างที่เสี่ยงติดเชื้อ

ดร.สพ.ญ.เสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย ผอ.สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในรายการเวิร์คพอยท์ทูเดย์ว่า เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่นเป็นโรคอุบัติใหม่ จากข้อมูลโรคอุบัติใหม่ประมาณร้อยละ 70 มักมีต้นตอมาจากสัตว์ เมื่อเกิดเชื้อโรคชนิดนี้ขึ้นทางการของจีนได้เร่งหาต้นตอของเชื้อว่าเกิดจากสัตว์อะไรที่มีอยู่ในตลาดค้าส่งอาหารทะเลหัวหนาน เมืองอู่ฮั่น

“ตอนแรกคิดว่าไวรัสโคโรนาจะแพร่เชื้อเฉพาะสัตว์สู่คน แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดจึงทราบว่า เป็นเชื้อโรคอุบัติใหม่ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนด้วย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งตรวจสอบเพื่อหาที่มาว่าติดต่อจากคนสู่คนได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน”

ยังไม่ฟังธงว่าไวรัสอู่ฮั่นเกิดจากงูที่ไปกินค้างคาว
ดร.สพ.ญ.เสาวพักตร์ กล่าวว่า ทางการยังไม่ฟันธงว่าไวรัสอู่ฮั่นเกิดจากงูสามเหลี่ยมไปกินค้างคาว เป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยที่อยู่ระหว่างการทดสอบเพิ่มเติมว่า ค้างคาวกับงู มาเกี่ยวพันธกันได้อย่างไร จากการทบสอบเรื่องนี้มีบางส่วนของไรวัสที่ไปสัมพันกับงู  แต่ค้างคาวซึ่งปกติแล้วเป็นตัวอมเชื้อโรค มีเชื้ออยู่ในตัวเองที่สามารถนำไปแพร่สู่สัตว์อื่นๆ และเป็นพาหะนำไปสู่คนได้ ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดโรคในลักษณะนี้แล้วจำนวนมาก จึงมีความเป็นไปได้ว่าไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 อาจจะไปสัมพันกับค้างคาวแล้วค้างคาวส่งต่อไปที่งู จากนั้นงูสู่คนที่ไปกัด-สัมผัส หรือรับประทาน แต่ตรงนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า คนไปติดจากงูได้อย่างไร แต่คิดว่าอีกไม่นานจะมีความชัดเจนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจาก คางคาว-งู-คน-คน มีความเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้าง

ความรุนแรงของไวรัสอู่ฮั่นเทียบเคียงโรคเมอร์สและซาร์ส
การติดต่อของเชื้อโรคทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะคล้ายๆ กัน คือ ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ การไอ จาม แต่จุดที่ยังแตกต่างกันคือ ความรุนแรงของโรค ผู้ป่วยโรคเมอร์สและซาร์สเมื่อติดเชื้อแล้วจะป่วยรุนแรงจนเสียชีวิต ซึ่งมากกว่าป่วยจากไวรัสอู่ฮั่น แต่เนื่องจากไวรัสอู่ฮั่นมันเป็นเชื้อตัวใหม่จึงต้องจับตาดูว่าจะมีวิวัฒนาการไปได้มากกว่านี้หรือไม่ มันอาจจะก่อความรุนแรงเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ก็ได้จึงจำเป็นต้องออกมาตรการออกมาเต็มที่ทั้งเริ่องของการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เลี่ยงที่คนเยอะ “ตอนนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าไวรัสอู่ฮั่นจะมีความรุนแรงแค่ไหน เมื่อพบผู้ป่วยจึงต้องนำเข้าห้องคัดแยกความดันลบ เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น”

มาตรการรับมือไวรัสอู่ฮั่นในไทย
ดร.สพ.ญ.เสาวพักตร์ เปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นที่ได้รับการยืนยันแล้ว 5 ราย แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าคนที่สัมผัสใกล้เคียงกับผู้ป่วยทั้ง 5 คนมีอาการป่วย ดังนั้นในประเทศไทยยังไม่มีหลักฐานว่า การติดเชื้อจากคนหนึ่งจะแพร่ไปสู่อีกคนหนึ่งได้ และตอนนี้มีการแยกผู้ป่วยออก ทำให้ไม่มีการแพร่ระบาด ยืนยันว่า ไทยควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นได้  

ทั้งนี้ การควบคุมเชื้อโรคขึ้นกับหลายปัจจัย แหล่งโรคอยู่ในประเทศจีนซึ่งทางการจีนได้ปิดเมือง ปิดการคมนาคมเข้าออกถือเป็นการป้องกันอย่างดี ทำให้ประเทศปลายทางสามารถตั้งรับได้ ถ้าจำนวนที่เราสงสัยว่าป่วยหรือที่ติดเชื้อลดลง และสถานการณ์ทางจีนเริ่มคลี่คลายลง คนป่วยที่ไทยไม่เพิ่มขึ้นสิ่งนี้จะบอกได้ว่า เราสามารถที่จะป้องกันควบคุมโรคได้

สำหรับการคัดกรองไม่มีอะไรที่เป็น 100% กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการคัดกรองใน 3 ชั้น คือ

1) คัดกรองตั้งแต่สนามบิน คัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะที่มาจากพื้นที่เสียง

2) โรงพยาบาล ผู้ป่ายที่มีอาการไอจาม เจ็บคอ ที่เข้าไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลจะถูกคัดกรองและซักถามประวัตเพิ่มเติม เพื่อทำการคัดแย

3) ชุมชน กรมควบคุมโรคได้เผยแพร่ข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่นไปยังชุมชนที่นักท่องเที่ยวนิยมไป จัดทีมสาธารณสุขจังหวัด อาสาสมัคร และผู้นำชุมชนเฝ้าสังเกตุการณ์และช่วยกันคัดกรอง ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองก็มีแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องการการติดเชื้อจากผู้ป่วยในทุกโรคอยู่แล้ว

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีน ประกาศยอดผู้ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ในประเทศจีนรวม 1,278 คนแล้ว ในจำนวนนี้มี 237 คน อยู่ในภาวะวิกฤต มีผู้เสียชีวิตรวม 41 ราย ขณะที่มีรายงานพบผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้นอีก 1,956 ราย ในต่างประเทศพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกใน 3 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส จำนวน 3 ราย, เนปาล 1 ราย และออสเตรเลีย 1 ราย ขณะที่ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 5 ราย, ฮ่องกง 5 ราย, สิงคโปร์ 3 ราย,ไต้หวัน 3 ราย, เกาหลีใต้ 2 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, สหรัฐอเมริกา 2 ราย, เวียดนาม 2 ราย และ มาเก๊า 2 ราย

ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 5 ราย เป็นคนไทย 1 ราย เเละ ชาวจีนอีก 4 ราย
รายที่ 1 เป็นหญิงสาวชาวไทย มีประวัติเดินทางไปเที่ยวเมืองอู่ฮั่น รับการตรวจรักษาที่ รพ.นครปฐม ขณะนี้อาการดีขึ้นและกลับบ้านเเล้ว
รายที่ 2 เป็นชายชาวจีน ถูกตรวจคัดกรองได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาการดีขึ้นและเดินทางกลับประเทศเเล้ว
รายที่ 3 เป็นหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี อาการดีขึ้นและเดินทางกลับประเทศเเล้ว
รายที่ 4 เป็นหญิงชาวจีน อายุ 74 ปี อาการดีขึ้นและเดินทางกลับประเทศ
รายที่ 5 เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนวัย 33 ปี ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า