วิเคราะห์ DESTINY TOKEN เหรียญ ‘บุพเพ 2’ กับการปฏิวัติวงการหนังไทย

‘บุพเพสันนิวาส’ ละครโทรทัศน์ขวัญใจมหาชน กำลังจะกลับมาอีกครั้งเร็วๆ นี้ แต่ครั้งนี้มาในรูปแบบภาพยนตร์ ‘บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny the Movie)’ เป็นความร่วมมือกันของบริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า และ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น

ความพิเศษของภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 คือ การเสนอโทเคน ‘เหรียญบุพเพ 2’ หรือ DESTINY TOKEN ถือเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยกับการเปิดระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล

วันนี้ workpointTODAY มีโอกาสพูดคุยกับ ‘จินา โอสถศิลป์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด หรือ GDH ถึงที่มาที่ไป และมุมมองการนำภาพยนตร์มาออกเป็นสินทรัพย์ระดมทุน

ที่มาที่ไปของ DESTINY TOKEN

ตอนที่เราทำหนังบุพเพสันนิวาส เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันน่าจะเป็นหนังที่สร้างปรากฏการณ์อีกเรื่องหนึ่ง หลังจากที่เราเคยประสบความสำเร็จมาจากพี่มาก…พระโขนง เมื่อตอนปี 2556 คือพี่เชื่อว่าหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นหนังขวัญใจของคนไทยทั่วประเทศ และเราอยากพาหนังไทยของเราออกไปทั่วโลก

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายขึ้นในโลกเศรษฐกิจและโลกเทคโนโลยี เราเริ่มมาคิดว่าเราควรทำอะไรในโลกปัจจุบันนี้กับส่วนของเราที่เราเรียกว่าเป็น ‘โลกของความคิดสร้างสรรค์’

เราคิดว่าโลกของความคิดสร้างสรรค์จะอยู่โดดๆ ไม่ได้แล้ว เราคิดแค่ว่าเราทำของดี แล้วก็ได้รายได้มา ไม่ได้อีกต่อไป เราจึงเริ่มศึกษาโลกของการเงินและโลกของเทคโนโลยีเพื่อเรียนรู้ และเริ่มมีความคิดว่าจะทำอย่างไรให้โลกทั้ง 3 มาบรรจบกันได้

พอเรามีโปรเจกต์บุพเพสันนิวาส เราทำแล้วเราค่อยๆ อิน เพราะว่าหนังบุพเพสันนิวาส 2 เราไม่ได้เอาละครมารีเมค เราเอาแค่ความเป็น ‘พี่หมื่น’ กับ ‘แม่หญิงการะเกด’ มา ซึ่งเราเขียนเรื่องใหม่ทั้งหมด หนังบุพเพ 2 เล่าเรื่องราวความรักในชาติภพใหม่ของภพ (โป๊ป-ธนวรรธน์) และเกสร (เบลล่า-ราณี) ที่ทั้งคู่ได้กลับมาเกิดใหม่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น 

เราอ่านบทแล้วเรารู้สึกว่ามันสนุกมาก เป็นหนังที่มีทั้งความรักและความสนุกสนาน เป็นหนังที่อลังการงานสร้างมากๆ และเป็นหนังที่ใช้ทุนมากที่สุดของบริษัท

เราเลยมีความคิดว่า จะทำอย่างไรให้ผู้ชมได้เข้ามามีส่วนร่วม?

เช่น การทำคราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) ให้ผู้ชมมาเป็นนักลงทุน เราจะทำได้ด้วยวิธีไหน ถ้าเป็นสมัยก่อนก็มีการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ที่เป็นกระดาษ แต่ปัจจุบันมีโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล และการระดมทุนผ่านโทเคนดิจิทัลเกิดขึ้นมา

แต่ต้องบอกก่อนตรงนี้ว่า DESTINY TOKEN ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี เพราะมีลักษณะคล้ายกับหุ้นกู้ แต่เป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีกระดาษ กล่าวคือคล้ายๆ กับหุ้นกู้ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล นักลงทุนเอาเงินให้เรากู้ยืม มาลงทุนกับโปรเจกต์หนังของเรา ส่วนเราให้ดอกเบี้ย ให้ผลตอบแทน โดยที่เราก็คืนเงินต้นให้ครบทั้งหมดเมื่อจบโครงการ

นอกจากนี้ ยังมี ‘สิทธิประโยชน์ (Utility)’ แถมเข้าไปอีก ซึ่งมีตั้งแต่การให้นักลงทุนได้ดูหนังฟรีก่อนใคร หรือเสื้อที่ทำร่วมกับโครงการพัฒนาดอยตุง

เพราะฉะนั้นคนที่ถือเหรียญทุกคน นอกจากจะได้ผลตอบแทน 2.99% ต่อปี และถ้าหนังบุพเพ 2 ทำรายได้ตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะได้ผลตอบแทนเพิ่มอีก 2.01% รวมเป็น 5% ต่อปี

แต่สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้คือสิทธิประโยชน์ที่เราทำขึ้นมาเพื่อให้กับผู้ที่ถือ DESTINY TOKEN โดยเฉพาะ

นี่คือการทำให้โลกของความคิดสร้างสรรค์และโลกของการเงินมาเจอกัน เรามองว่าเป็นโอกาสที่ธุรกิจหนังไทยเราจะเติบโตต่อไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนด้วยตัวเอง

‘สิทธิประโยชน์’ ที่นักลงทุนจะได้

เรามีทั้งหมด 3 เหรียญ คือ G D และ H จำนวนรวมทั้งสิ้น 16,087 โทเคน คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนกว่า 265 ล้านบาท ผลตอบแทน 2.99% ต่อปี ระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 2 ปี และได้เงินต้นคืนเมื่อจบโครงการ ได้แก่

1. เหรียญ G ซึ่งเป็นเหรียญเล็กที่สุด ใช้เงินลงทุนเพียง 5,559 บาทต่อโทเคนเท่านั้น จำนวนเสนอขาย 15,559 โทเคน ตัวอย่างสิทธิประโยชน์จากโทเคน I am Glad

– ได้ดูหนังบุพเพ ๒ ก่อนใคร จำนวน 2 ที่นั่ง วันที่ 26 ก.ค. รอบเวลาตั้งแต่ 17:00 น. เป็นต้นไป ที่ SF Cinema ทั่วประเทศ (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

– ได้เสื้อทีเชิ้ตปักกระเป๋าลายดอกรัก Limited Edition by ดอยตุง 

– ได้เซ็ตโปสการ์ดคอลเลกชันพิเศษจากภาพยนตร์ 4 แบบ 4 ลาย 

– ได้ส่วนลดตั๋วหนังบุพเพ 2 มูลค่า 40 บาทต่อที่นั่ง จำนวน 2 สิทธิ

2. เหรียญ D ซึ่งเป็นเหรียญขนาดกลาง ราคา 155,559 บาทต่อโทเคน จำนวนเสนอขาย 459 โทเคน ตัวอย่างสิทธิประโยชน์จากโทเคน I am Delighted

– ได้ร่วมกิจกรรมพิเศษ พบนักแสดงและผู้กำกับ พร้อมดูหนังบุพเพ 2 รอบพิเศษก่อนใคร จำนวน 2 ที่นั่ง รอบวันที่ 26 ก.ค. เวลา 19:00 น. ที่ SF World Cinema เซ็นทรัลเวิลด์  (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

– ได้เสื้อเชิ้ตจากผ้าทอมือ ลายดอกดาหลา Limited Edition by ดอยตุง

– ได้แสตมป์คอลเลกชันพิเศษจากภาพยนตร์ที่จัดทำร่วมกับไปรษณีย์ไทย

– ได้ดิจิทัลโปสเตอร์เวอร์ชันพิเศษ ออกแบบโดย นักรบ มูลมานัส และมีชื่อของนักลงทุนบนโปสเตอร์

– ได้มีชื่อในฐานะ Special Destiny Executive Producer ในเครดิตท้ายภาพยนตร์

ซึ่งขอแจ้งว่าตอนนี้เหรียญ D มีผู้สนใจจองเข้ามาจนเต็มจำนวนไปเรียบร้อยแล้ว

3. เหรียญ H ซึ่งเป็นเหรียญใหญ่ที่สุด ราคา 1,555,559 บาทต่อโทเคน จำนวนเสนอขาย 69 โทเคน ตัวอย่างสิทธิประโยชน์จากโทเคน I am Happy

– ได้ร่วมงานเลี้ยงมื้อพิเศษ ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ ร่วมกับเหล่านักแสดง ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ พร้อมได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

– ได้ดูหนังบุพเพ 2 รอบ World Premiere จำนวน 2 ที่นั่ง วันที่ 25 ก.ค. เวลา 16:00 น. ที่ SF World Cinema เซ็นทรัลเวิลด์ (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

– ได้โถเคลือบเซรามิก ลายดอกปาริชาติ Limited Edition by ดอยตุง

– ได้มีชื่อในฐานะ Special Destiny Executive Producer ในเครดิตท้ายภาพยนตร์

เพราะฉะนั้นทุกคนที่มาลงทุนจะเปลี่ยนจากผู้ดูหรือผู้ชมมาเป็น ‘ผู้ร่วมลงทุน’ ช่วยกันนำพาภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 ต่อยอดไปให้ไกลขึ้น

สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อ DESTINY TOKEN ผ่านแอปพลิเคชั่น Kubix ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 20 มิ.ย. 2565

แตกต่างกับคริปโตยังไง เทรดได้ไหม

DESTINY TOKEN ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี และไม่มีการซื้อขายในตลาดรอง ไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ทำให้ไม่มีความผันผวน ผู้ถือโทเคนได้สิทธิรับเงินต้นคืนเต็มจำนวนเมื่อครบอายุโครงการไม่เกิน 2 ปี และรับผลตอบแทนคงที่ 2.99% ต่อปี

เมื่อซื้อขายเปลี่ยนมือไม่ได้จึงไม่มีความผันผวน ซึ่งเรามองว่าเป็นการลงทุนระยะสั้นที่ดี โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีก็มีความผันผวนสูงมาก

DESTINY TOKEN เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก โดยเฉพาะเหรียญ G ที่ราคา 5,559 บาทต่อโทเคน เพราะได้รับผลตอบแทนคงที่ 2.99% ซึ่งเงินฝากออมทรัพย์ในตอนนี้ไม่สามารถให้ได้ ถัดมาคือสิทธิประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าตั๋วหนัง 2 ใบ เสื้อผ้าไทย ของที่ระลึก รวมถึงส่วนลดต่างๆ ซึ่งรวมกันแล้วมีมูลค่าหลักพัน หากคิดเป็นผลตอบแทนรวมกันก็กว่า 20% เลยทีเดียว

แต่ที่จีดีเอชและบรอดคาซท์ ไทยฯ ตั้งใจทำออกมา เพราะอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ อยากให้บุพเพสันนิวาส 2 เป็นที่ประทับตาประทับใจของผู้ชมทุกคน

หากทุกคนมีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ไทย จะช่วยนำพาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ไม่ว่าจะของจีดีเอชหรือค่ายอื่นๆ รวมถึงหนังเรื่องต่อๆ ไป ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้

ราคาต่อเหรียญค่อนข้างสูง

ปกติเวลาเราฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคาร ดอกเบี้ยที่ได้รับจะค่อนข้างต่ำมาก แต่เหรียญบุพเพ 2 เรามองว่าคุ้มค่า เพราะได้ 2 อย่าง คือ 1. เงิน (ผลตอบแทน) และ 2. ของ (สิทธิประโยชน์) แถมได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสิ่งที่เราชอบและเรารักให้เดินต่อไปข้างหน้าอีก

สำหรับเรา คือ ทุกคนได้ประโยชน์ และทุกคนเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหนังไทย และทำให้หนังไทยที่คนชอบพูดว่า อยากดูหนังไทยดีๆ ซึ่งอยากจะดูหนังไทยดีๆ ก็ต้องให้กำลังใจคนที่ทำหนังไทยเดินต่อไปได้

เพราะต้องยอมรับว่ามันมี 2 อย่าง คือ 1. ความคิดสร้างสรรค์ และ 2. เงินลงทุน ซึ่งต้องนี้เราพยายามจับให้ 2 สิ่งนี้มาเจอกัน และหวังว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยจะสามารถเดินไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง

ใครลงทุนได้บ้าง

ใครก็สามารถลงทุนได้ ตามข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดแค่ว่าต้องเป็นคนไทยบุคคลธรรมดาที่มีบัตรประชาชน ก็สามารถสมัครและจองซื้อโทเคนผ่านทางแอปพลิเคชั่น Kubix ได้ ถ้าเป็นนักลงทุนทั่วไปซื้อได้คนละไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth) สามารถซื้อได้ไม่จำกัดมูลค่า

ส่วนช่องทางลงทุน ย้ำว่าต้องจองซื้อผ่าน Kubix เท่านั้น

สำหรับความปลอดภัย เมื่อเราทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชั่น Kubix สามารถมั่นใจได้ว่ามีเพียงตัวเราเท่านั้นที่สามารถจดจำรหัสผ่านได้ และรู้ว่าสินทรัพย์ที่เรามีอยู่คืออะไรบ้าง

เรามองว่าสบายกว่าการลงทุนรูปแบบเดิม เพราะสามารถทำธุรกรรมได้ผ่านมือถือ หรือในกรณีเลวร้ายอย่างโทรศัพท์มือถือหาย หากจำรหัสผ่านได้ก็สามารถเข้าทำธุรกรรมได้ตามปกติ ส่วนเรื่องของสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็สามารถตรวจสอบสิทธินั้นๆ ผ่านมือถือได้เช่นกัน 

สำหรับเรา วิธีการแบบนี้เป็นวิธีการที่ทันสมัยไปกับโลกปัจจุบัน

สิ่งที่ยากคือ ทำอย่างไรให้โลกของความคิดสร้างสรรค์ โลกของการเงิน และโลกของเทคโนโลยี สามารถอยู่ร่วมกันได้

เงินกว่า 260 ล้านบาท แบ่งทำอะไรบ้าง

ตอนนี้เราสร้างหนังเสร็จแล้ว สิ่งที่เราอยากทำต่อจากนี้คือการต่อยอดการทำสินค้า (Merchandise) รวมถึงการทำอีเวนท์พบปะ (Meet and Greet) และนำพาบุพเพสันนิวาส 2 ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน เราอยากให้โรงหนังทั่วจีนฉายหนังเรื่องนี้

ส่วนอื่นๆ คือการแบ่งเงินไปใช้ในธุรกิจส่วนต่างๆ เราเน้นการฉายหนังมากกว่าขายขาด เพื่อสร้างรายได้ ผลประโยชน์ และชื่อเสียงกลับมาที่ประเทศไทย

เราอยากพาหนังไทยออกไปทั่วโลก

หลังจากเปิดให้จองซื้อไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2565 สำหรับเรามองว่าฟีดแบคดีทีเดียว สังเกตจากสายคอลเซนเตอร์ของจีดีเอชที่มีคนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามค่อนข้างมาก การจองซื้อโทเคนดิจิทัลผ่านช่องทางออนไลน์สำหรับบางคนเป็นสิ่งใหม่ อาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับเรื่องการเงิน ต้องผ่านกระบวนการเหมือนกับตอนเราซื้อกองทุน เช่น ต้องพิสูจน์ใบหน้า หรือต้องพิสูจน์ตัวตน ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ทั้ง Kubix และจีดีเอชเราเปิดคอลเซนเตอร์อธิบายให้ความช่วยเหลือว่าต้องทำอย่างไร

อนาคตจะออกโทเคนหนังเรื่องอื่นอีกไหม

อนาคตก็มีโอกาส แต่เราคงตั้งใจทำโปรเจกต์แรกให้สำเร็จก่อน หากผลตอบรับดี เราเดินทางต่อไปได้ เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นๆ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้รับโอกาสต่อไป

ที่ผ่านมาหนังทางเลือกไม่ค่อยได้รับโอกาสจากนักลงทุน การเป็นหนังทางเลือกไม่ได้แปลว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ รายได้ในประเทศไทยอาจจะไม่มาก แต่สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ในต่างประเทศ การระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัล มันเปิดโอกาสให้ความคิดสร้างสรรค์กว้างมากขึ้น ความกล้าที่จะลงทุนเพื่อทำให้ไทยมีซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแรงมากขึ้น มันมีโอกาส และอีกอย่างคือการพัฒนาคนด้วย ถ้าเรามีโอกาสนำเงินเข้าประเทศ เรามีโอกาสพัฒนาคนใหม่ๆ

ข้อดี vs. ข้อเสีย สำหรับคนทำภาพยนตร์

ปกติเวลาทำหนังหนึ่งเรื่อง เรารอเวลาโปรโมทหนัง ทำหนัง และฉายหนัง เราก็จะมีกลุ่มแฟนที่ชอบเรา แต่วันที่เราเอา DESTINY TOKEN เข้ามา โลกของเรากว้างขึ้น เราไปสู่นักลงทุนบางคนที่เดิมอาจไม่มีความสนใจในธุรกิจภาพยนตร์ หรือบางคนอาจจะสนใจแต่ไม่เคยคิดถึงมูลค่า

สำหรับเราคือ การระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลทำให้ตลาดของจีดีเอชใหญ่ขึ้น

ถ้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ หรืออุตสาหกรรมบันเทิง อย่างที่รัฐบาลพยายามพูดว่าเรามีซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแรง เรามองว่าโลกของตลาดทุนต้องเดินเข้ามา และเราคิดว่ามันมีโอกาส เป็นทั้งโอกาสสำหรับเราและสำหรับตลาดทุน

ต่อไปเราอาจจะมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกโทเคนดิจิทัลลักษณะนี้ก็ได้ เช่น หากเราทำโปรเจค DESTINY TOKEN เสร็จ เรามีความน่าเชื่อถือ เราอาจจะมีเรตติ้งก็ได้

ยอมรับว่าบริษัทอาจต้องควักเงิน ลงเงินในการทำสิ่งเหล่านี้ แต่เรามองว่าเป็นการลงทุนที่เรามีความสุข เราอยากทำให้โปรเจคนี้มันไปไกลกว่าการทำหนังแบบเดิม

ตอนนี้เรารู้สึกว่าคนรู้จักบุพเพสันนิวาสมากขึ้น หลังจากนี้เราก็จะมาดูว่าเขาชอบหรือไม่ชอบหนังของเรา แต่เราดูแล้วเรามั่นใจและภูมิใจในหนังของเรามาก เพราะทั้งสนุก สร้างความสุข และที่สำคัญคือสร้างสำนึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมที่แฝงไว้ในหนัง หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดีอีกเรื่องหนึ่ง