SHARE

คัดลอกแล้ว

เกิดอะไรขึ้นกับวงแคลช วงร็อกระดับตำนานของประเทศไทย ที่ประกาศแยกทางกันเป็นรอบที่ 2 พร้อมมีการ “แบ่งขั้ว” กันอย่างดุเดือด สำนักข่าว TODAY จะสรุปไทม์ไลน์ให้เข้าใจแบบง่ายที่สุด ใน 17 ข้อ

1) แคลช (Clash) เป็นวงดนตรีที่ประกอบด้วย เพื่อน 5 คน จากโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ที่มีอายุไล่เลี่ยกัน สมาชิกทุกคนเกิดในช่วง พ.ศ.2524 – 2525

2) สมาชิก 5 คนประกอบด้วย แบงค์-ปรีติ (ร้องนำ), แฮ็คส์-ฐาปนา (กีตาร์), พล-คชภัค (กีตาร์), สุ่ม-สุกฤษณ์ (เบส) และ ยักษ์-อนันต์ (กลอง) พวกเขาตั้งชื่อวงดนตรีตอนสมัยเรียนว่า “ลูซิเฟอร์” และเข้าร่วมแข่งขันฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด ก่อนจะคว้าตำแหน่งรองแชมป์ได้สำเร็จในปี 2541 และแบงค์-ปรีติ ได้รับรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมของรายการด้วย

หลังจากแจ้งเกิดจากฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด วงได้เปลี่ยนชื่อจากลูซิเฟอร์ เป็นแคลช และได้รับข้อเสนอจากหลายค่ายเพลงทั่วไทย แต่สุดท้ายพวกเขาเลือกไปอยู่แกรมมี่ ที่จะสนับสนุนความเป็นวงร็อคให้ก้าวไปไกลได้มากที่สุด โดยเปิดตัวอัลบั้มแรก One ในปี 2544

3) แคลช ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล พวกเขาปล่อยอัลบั้มมาเรื่อยๆ พร้อมทั้งมีเพลงฮิตอย่าง กอด, หนาว, ขอเช็ดน้ำตา, เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ฯลฯ คือ “เพลงตลาด” ติดหูทุกซิงเกิ้ล แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่ดังอย่างเดียว แต่มีคุณภาพด้วย ในอัลบั้มแรก ซิงเกิ้ลชื่อ Love Scene ได้รางวัลเพลงร็อคยอดเยี่ยมแห่งปี จากสีสันอวอร์ดส อีกต่างหาก

ขณะที่ออกอัลบั้มปกติ วงแคลชก็จะมีอัลบั้มอคูสติก ที่เรียบเรียงดนตรีใหม่ด้วย เช่น Soundcream, Smooth Clash และ FAN ซึ่งยอดขายก็ถล่มทลายทุกอัลบั้ม โดยเฉพาะชุด Soundcream ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ Re-Arrange ได้ดีที่สุดของวงการเพลงร็อคไทย

4) นับจากอัลบั้มที่ 3 Brainstrom แบงค์-ปรีติ ทำการ “เปลี่ยนทรงผม” จากที่เคยมีผมยาวเซ็ตตั้งๆ จนเป็นเทรนด์ให้เด็กยุคนั้นทำตาม เขาเปลี่ยนมาตัดผมสกินเฮด ขณะที่การแต่งตัวก็มีความเป็นฮิปฮอปมากขึ้น เช่นเดียวกับกลิ่นอายของเพลง ก็มีความเป็นฮิปฮอป เช่นเพลง “โรคประจำตัว” (ประโยคติดหูคือ เฮ้ วัน ทู ทรี ไม่ได้เป็นคนที่เกเร แค่อยากจะบอกไม่ได้เจ้าชู้ ถ้าเธอเข้าใจก็โอเค)

พออัลบั้มที่ 4 Emotion และ อัลบั้มที่ 5 Crashing แบงค์กลับไปไว้ผมยาวอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนกลับมาตัดสกินเฮดอีกและใช้ทรงผมนี้ไปอีกหลายปี เขาอธิบายเหตุผลว่า “ทรงสกินเฮดไม่ใช่เรื่องของสไตล์ แต่เป็นเรื่อง Culture ไม่ต้องถามผมว่าทำไมไม่ไว้ผมยาวอีก คุณคงไม่ถามพี่กอล์ฟทีโบนเช่นกันว่าพี่ถักทรงเดรดล็อกทำไม” ถึงตรงนี้ทุกคนจึงเข้าใจได้ว่า ตัวแบงค์มี “ความอิน” กับความเป็นฮิปฮอป ทั้งแนวเพลงและวิถีการใช้ชีวิต

5) แคลช อยู่มา 10 ปี ในวงการเพลง แล้วออกอัลบั้มที่ 7 ชื่อ Nine Miss U 2 โดยบรรยากาศของอัลบั้มนี้ เหมือนจะเป็นการ “แยกทาง” ของวง เพราะแต่ละคนจะมีซิงเกิ้ลพิเศษของตัวเอง เช่น แฮ็คส์ ก็มีซิงเกิ้ลชื่อ กรง ซึ่ง feat. กับมือกีตาร์ขั้นเทพ ป๊อป เดอะซัน หรือ แบงค์ก็มีซิงเกิ้ลชื่อ Let me give it to you ที่เป็นฮิปฮอปเต็มรูปแบบ เหมือนว่าทุกคนจะได้ปล่อยตัวตนออกมาเลยในอัลบั้มนี้

6) ในปี 2554 ปีที่ 11 ของวง แคลชจัดคอนเสิร์ตอำลา ในชื่อ “CLASH REBIRTH THE FINAL CONCERT” ที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม และพอคอนเสิร์ตจบก็ไม่ได้มีการยุบวง แต่ทั้ง 5 คนตัดสินใจแยกย้ายไปทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ในแนวทางของตัวเอง

ตัวอย่างเช่น พล-คชภัค ไปทำค่ายเพลงบ็อกซ์ มิวสิค (มีศิลปินเช่น อิ้งค์ วรันธร, Serious Bacon, โอ ปวีร์) หรือแฮ็คส์-ฐาปนา ไปเปิดวงดนตรีชื่อ SDF ทำแนวเพลงร็อคเหมือนเดิม ส่วน สุ่ม-สุกฤษณ์ กับ ยักษ์-อนันต์ ไปเปิดวงใหม่ชื่อ Shade มีเพลงฮิตอย่าง “รอพี่ก่อน” ที่มียอดวิวมากกว่า 60 ล้าน ซึ่งในเวลาเดียวกัน สุ่ม ก็ไปเอาดีทางการปั่นจักรยาน ตั้งทีมของตัวเองเป็นเรื่องเป็นราวด้วย

ขณะที่แบงค์-ปรีติ ตัดสินใจลุยเส้นทางฮิปฮอปเต็มตัว ด้วยการใช้ชื่อ Bankk Ca$h และทำเพลงฮิปฮอปจำนวนมาก เช่น ไปร้องเพลง “หลงเลย” feat. กับ ไทยเทเนียม หรือ ร้องเพลง “นัมเบอร์วัน” feat. กับหญิงลี เป็นต้น ดูๆ แล้วก็เป็นการจบที่แฮปปี้เอ็นดิ้ง ไม่มีความขัดแย้งกัน ต่างคนต่างมูฟออน ไปในเส้นทางที่ตัวเองชอบ

7) หลังจากหายไป 7 ปี อยู่ๆ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ในช่วงพักครึ่งของนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 (พ.ศ. 2561) ระหว่าง ฝรั่งเศสกับโครเอเชีย สมาชิกวงแคลชทั้ง 5 คน อยู่ๆ ก็ Live ขึ้นมาเฉยๆ ร่วมกันร้องเพลงฮิต อย่าง กอด, ขอเช็ดน้ำตา, ยิ้มเข้าไว้ เป็นต้น และอยู่ๆ ก็ประกาศว่าจะกลับมารวมวงกันอีกครั้ง พร้อมจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ชื่อ “CLASH AWAKE CONCERT” ที่ไบเทค บางนา แน่นอนว่า บัตรขายหมดเกลี้ยงในพริบตาเดียว

8 ) ถ้าถามว่า “จุดแข็ง” ของวงแคลชคืออะไร คำตอบที่เด่นที่สุดคือ ซาวด์ดนตรี และ เสียงร้องของแบงค์ มันเข้ากันพอดี การแต่งเนื้อเพลงที่เข้าใจง่าย ฟังง่าย ติดหู นอกจากนั้นยังมีบรรยากาศความเป็นเพื่อน นี่เป็นเพียงวงร็อกไม่กี่วงในยุค 90 ที่ยืนหยัดด้วยไลน์อัพชุดเดิม ไม่มีการเปลี่ยนนักร้อง หรือนักดนตรี แม้แต่ครั้งเดียว (ยกเว้นตอนที่ยักษ์มือกลอง ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ มีคนมาเล่นแทนช่วงสั้นๆ แต่พอยักษ์หาย ก็กลับมาตีกลองต่อเช่นเดิม)

9) วงแคลชกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ทำให้แฟนเพลงรู้สึกดีใจมาก และพวกเขาออกอัลบั้มที่ 8 – Loudness ในปี 2563 ทิศทางของวงตอนนั้นก็ดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี พวกเขาเดินหน้าลุยคอนเสิร์ตอีกครั้ง ซึ่งก็มีงานเข้ามาอย่างล้นหลาม

10) วันที่ 31 ธันวาคม 2565 วงแคลช รับงานเล่นคอนเสิร์ตที่ งานบางแสน เคาน์ดาวน์ ทั้ง 5 คน โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ด้วยความเซอร์ไพรส์ นั่นคือคอนเสิร์ตสุดท้ายที่พวกเขาได้เล่นด้วยกัน โดยไม่มีสัญญาณอะไรบอกให้คนทั่วไปได้รู้มาก่อนเลย ว่าวงจะไม่ไปต่ออีกแล้ว

11) วันที่ 1 มกราคม 2566 แฮ็ค มือกีตาร์ของวง ได้ลงคลิปในเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยกล่าวว่า “นี่อาจจะเป็นวันสุดท้ายของผมในการเล่นดนตรี กับเพื่อนๆ วงแคลชด้วยนะครับ เนื่องจากพี่แบงค์อยากจะไปทำอัลบั้มเดี่ยวอีกครั้ง ผมก็เลยรู้สึกว่า เรารอไม่ได้แล้ว รอการกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่” พร้อมทั้งอันฟอลโลว์อินสตาแกรมของแบงค์ไปด้วย

นอกจากอันฟอลโลว์ไอจีแล้ว แฮ็คยังโพสต์รูปสมาชิกของวงแคลชแต่ไม่มีแบงค์ในรูป แล้วเขียน text ว่า “เมื่อ 1 คนเลือกที่จะไป แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม”

12) เมื่อแฮ็คพูดแบบนี้ ทำให้สังคมโจมตีแบงค์ทันที ว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว แทนที่จะมาลุยเพลงร็อคเหมือนเดิม แต่จะกลับไปทำฮิปฮอป ทำให้วันที่ 3 มกราคม แบงค์ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่ออธิบายทันที โดยกล่าวว่า “เขาไม่เคยเสนอให้แคลชพักวงหรือยุบวงเลย” และที่วงไปต่อไม่ได้ เพราะมีสมาชิกบางท่านไม่มีเวลาเพียงพอที่จะมาเล่นคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มที่ต่างหาก

ดังนั้นสมาชิกทั้งวงได้ประชุมกันแล้วว่า จะออกทัวร์ไปอีก 2 ปี แล้วไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ก่อนจะกลับมารวมกันเป็นวาระไป ซึ่งเมื่อวงตัดสินใจพัก แบงค์ก็ต้องไปทำงานเดี่ยวเป็นธรรมดา เพราะอาชีพของเขาคือนักร้อง

แบงค์ตอบโต้แฮ็คว่า “สุดท้ายนี้ผมไม่โกรธอะไรพี่แฮ็คนะครับ แค่งงเล็กน้อยว่าทำไมเขาถึงโพสต์พุ่งเป้ามาที่ผมแบบนั้น จากนี้ไปขอให้สมาชิกในวงทุกท่านโชคดีในเส้นทางที่ตัวเองต้องการและเหมาะสมกับตัวเองอย่างมีความสุข” ซึ่งเมื่อแบงค์โพสต์เสร็จ แฮ็คก็ตอบโต้ด้วยการโพสต์ว่า “ดูดีอยู่คนเดียว”

13) วันที่ 4 มกราคม 2556 พล มือกีตาร์อีกคนของวงแคลช ที่ตอนนี้เป็นผู้บริหาร Boxx Music ด้วย ออกมายอมรับว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากเขาเอง ที่ไม่มีเวลาในการทัวร์คอนเสิร์ต เพราะตำแหน่งผู้บริหารก็มี และยังมีครอบครัว มีลูกสองคน ภารกิจเยอะไปหมด จึงแจ้งกับทางวงว่า สามารถหาแบ็คอัพมาเล่นแทนเขาได้เลยนะ ไม่โกรธอะไรเลย เพราะรู้ตัวเองว่าทำได้แค่ไหนจริงๆ ก่อนสุดท้ายพลจะยืนยันว่า ขอรับงานถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เท่านั้น มันถึงเวลาที่เขาจะวางทุกอย่างลงแล้ว

ขณะที่การเลื่อนคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี ของวงแคลช พลก็ยอมรับว่า เขาคือต้นเหตุเอง เพราะถ้าครบรอบ 20 ปีจริงๆ คือปี 2564 แต่มันจัดคอนเสิร์ตไม่ได้เพราะโควิด ก็เลยต้องเลื่อนมาเป็น 2565 ซึ่งก็จะกลายเป็นวาระ 21 ปี มันเป็นเลขไมล์สโตนที่ไม่สวยเลย นอกจากนั้น แคลชก็มีคอนเสิร์ทอีกมากมายทั้ง The Gentlemen Live และ Big Mountain ดังนั้นจึงไม่สามารถหาเวลาจัดคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปีของวงได้

14) บรรยากาศของแคลชเต็มไปด้วยความตึงเครียด มีการแบ่งทีม เป็นทีมแฮ็ค ทีมแบงค์ ทีมพล กับคำถามว่าใครผิดกันแน่ ถ้าพลยอมรับว่าตัวเองผิด แล้วทำไมแฮ็คถึงไปโจมตีแบงค์ ระหว่างที่มีการโต้เถียงกันของแฟนๆ อยู่นั้น คนที่ทำให้สถานการณ์เบาลงคือ ยักษ์ มือกลอง ที่โพสต์ว่า

“วันนี้มีสิ่งที่ต้องพูดออกมาจากสมาชิกวงแคลชหนึ่งคน อย่างผมบ้างนะครับ ด้วยความเคารพต่อสมาชิกวงทุกคน และพรรคพวกวงแคลชทุกท่าน … ‘ไม่มีการประกาศ ยุบวง ใดๆ ออกมาทั้งสิ้นนะครับ’ ยักษ์ CLASH รักรัก”

เป็นการคอนเฟิร์มสถานการณ์ว่า ต่อให้ขัดแย้งอย่างไร และต่างคนต่างไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่วงยังไม่มีการยุบอย่างเป็นทางการ ยังมีวงอยู่และสักวันอาจจะกลับมาอีกครั้ง

15) ในขณะที่มือเบสของวง “สุ่ม” เป็นคนเดียวที่ไม่มีแสดงรีแอ็กชั่นใดๆ เลย ในเฟซบุ๊กของเขา ที่ชื่อ Zummy the Cyclist โพสต์ 3 เรื่อง เกี่ยวกับจักรยานทั้งหมด

16) เรื่องราวของวงแคลช ก็จบลงที่ตรงนี้ สาเหตุหลักที่แฟนเพลงวิเคราะห์กัน คือในช่วงที่พักวงรอบแรก แต่ละคนก็มีหนทางชีวิตของตัวเองแล้ว พอกลับมารวมวงอีกครั้ง สิ่งที่ตัวเองเริ่มต้นไว้ มันก็ยังอยู่ การจะทำให้เห็นเป้าหมายอย่างเดียวกันเหมือนสมัยเรียนมัธยม มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ อีกแล้ว

ขณะที่ความขัดแย้งส่วนตัว นอกจากสมาชิกวงแล้วคงไม่มีใครตอบได้ ว่าเริ่มไม่พอใจกันตรงไหน หรือว่าจะสั่งสมกันมาเรื่อยๆ

17) ในปรากฏการณ์นี้ เราเห็นภาพความไม่เข้าใจกัน โดยเฉพาะแฮ็คกับแบงค์ และเห็นความเติบโตของพล ที่จากนักดนตรีคนหนึ่งวันนี้เขามีความรับผิดชอบเยอะกว่าเดิมมาก เราเห็นภาพมือเบสที่ปั่นจักรยานได้เร็วที่สุดในประเทศไทยอย่างสุ่ม และเราเห็นคนที่พยายามประคองทุกคนไว้ด้วยกันอย่างยักษ์

นับจนถึงวันนี้ แคลชมีอายุวง 21 ปี คนเราอยู่ด้วยกัน 21 ปี การมีความขัดแย้งกันไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไปคือ วงแคลชในตำนานจะจบแล้วจบเลย หรือ จะมีโอกาสรีเทิร์นกลับมาจับมือกันเป็นรอบที่ 3 ในอนาคต

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า