Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เปิดใจครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ‘พล.ต.ต.ปวีณ’ อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ ชาวโรฮิงญา

ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่เกิดขึ้นในวันที่ 17-18 ก.พ. ที่ผ่านมา 1 ประเด็นที่ถูกพูดถึงต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้คือการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โรฮิงญา ที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกัน “ตำรวจ” ที่ทำคือนี้คือ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กลับต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียนานกว่า 6 ปี

ซึ่งวันนี้ (19 ก.พ. 2565) พล.ต.ต.ปวีณ ได้ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก ผ่านทางไลฟ์สดที่เพจเฟซบุ๊กของพรรคก้าวไกล และนี่คือความในใจของ พล.ต.ต.ปวีณ

วันนี้ครับเป็นวันแรกที่ผมได้มีโอกาสได้พบกับพี่น้องสื่อมวลชน หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 6 ปี ก่อนที่ผมจะให้พี่น้องสื่อมวลชนตั้งคำถามสอบถามผม ที่ผมมีโอกาสพบกับพี่น้องสื่อมวลชนครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ผมจากประเทศบ้านเกิดมา วันนี้ผมจึงมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะกล่าวความในใจของผมที่ยังอยากพูดถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจผมให้ทุกคนได้รับทราบ ดังนี้นะครับ

วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดวันหนึ่ง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ติดค้างคาอยู่ในใจ ที่สร้างความทุกข์ระทมขมขื่น ทั้งเครียด ทั้งกลัว และบั่นทอนจิตใจนับตั้งแต่ผมหลบหนีออกจากประเทศไทยจนถึงวันนี้นานถึง 6 ปี 3 เดือน 3 วัน จากการที่ผมปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล รวมทั้งผู้มีอำนาจ เพราะเรื่องราวทั้งหมด ได้รับการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาให้คนไทย และทั่วโลกได้รับทราบ ในการอภิปรายเมื่อวานนี้โดยรังสิมันต์ โรม จากพรรคก้าวไกล ผมขอยืนยันว่า นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีคนกล่าวหาว่าผมสร้างเรื่อง วางแผนเพื่อที่จะใช้ชีวิตในต่างประเทศ แต่ผมกลับต้องมาใช้ชีวิตแบบผู้ลี้ภัย เหมือนคนทั่วไป มาเรียนภาษา แบบคนที่หนีภัยสงคราม เหมือนชาวซีเรีย เลบานอน เหมือนคนอีรัก เหมือนคนพม่า เมื่อเรียนแล้วก็ต้องทำงานหางานเลี้ยงชีพ ผมไม่รู้ตัวมาก่อน ไม่เคยใช้ชีวิตในต่างประเทศ ภาษาผมก็ไม่ได้ ทรัพย์สินก็ไม่มีอะไร วันนี้จึงเป็นการพิสูจน์หักล้างเรื่องการวางแผนว่า จะมาอยู่ต่างประเทศตามที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด

ถึงเวลานี้ผมรู้สึกได้รับความเป็นธรรมกลับมาครึ่งหนึ่งแล้ว แต่อีกครึ่งหนึ่งนั้นมันขาดหายไป ผมเสียดาย ถ้าวันนั้น ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารทุกระดับที่อยากให้ประเทศไทยเราใสสะอาด มีความซื่อสัตย์ และมีความกล้าหาญ ให้กระบวนการยุติธรรม ดำเนินไปอย่างเที่ยงตรง เหมือนนานาอารยประเทศ และปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมมันดำเนินไปจนสุดทาง ชีวิตราชการของผมที่ยังเหลืออยู่อีก 3 ปี ประกอบกับความรู้ความสามารถในการสืบสวนสอบสวน และประสบการณ์ของผม ผมมั่นใจว่า ผมจะสาวไปถึงปลาตัวใหญ่ได้อีกหลายตัวอย่างแน่นอน ส่วนจะใหญ่แค่ไหน ท่านทั้งหลายไปคิดกันเอาเอง หลังจากที่ฟังการอภิปรายเมื่อวาน ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกของผมที่อยากจะบอกทุกคนครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้สอบถาม พล.ต.ต.ปวีณ ว่า หลังการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม แล้วได้เห็นท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีอะไรอยากฝากถึง รวมทั้งข้าราชการตำรวจหรือไม่

พล.ต.ต.ปวีณ ตอบว่า บางครั้งผมได้ติดตามข่าวสารจากเมืองไทยเป็นบางครั้งบางนัยยะ ตลอดระยะเวลาถึง 6 ปีที่ติดตามข่าวสารมานั้น ความรู้สึกของผม ที่ผมมีความรู้สึกต่อผู้นำของประเทศ และจะให้ผมกล่าวฝากไปนั้น ในความรู้สึกขณะนี้ ถ้ากล่าวจากจริงใจ “ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องฝาก กับบุคคลอย่างนี้ครับ”

แต่ผมอยากฝากถึงพี่น้องข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นเพื่อนที่มีอาชีพเดียวกันกับผมและจะต้องประสบพบกับระบบที่เลวร้าย ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ผมยังรับราชการอยู่ และผมเชื่อว่า ณ ปัจจุบันนี้ก็ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ผมยังรับราชการอยู่ ซึ่งอาจจะเลวร้ายกว่า ในยุคของผม ขอให้ทุกพึงตระหนักถึงหน้าที่ ที่ทำเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชนจริงๆ ประเทศชาติในที่นี้ คืออะไร ประเทศชาติในที่นี้ผมหมายถึงประชาชนคนไทยทุกคน ประโยชน์ของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้มีอำนาจ คนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อประชาชนโดยยึดหลักของกฎหมายอย่างแท้จริง เหมือนกับผมที่เคย ยึดถือปฏิบัติมาตลอด

ในการทำหน้าที่ ไม่ว่าจะทำการสืบสวน คดีต่างๆ เรื่องใดก็แล้วแต่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กฎหมายที่เรามีอำนาจหน้าที่ จะต้องปฏิบัติหน้าเที่ยงธรรม เที่ยงตรง ประการที่สำคัญที่สุดเลย ก็คือจะต้องมีจิตใจที่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อวิชาชีพของตนเอง จะต้องไม่กลั่นแกล้ง บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตรงไปตรงมา และมีพยานหลักฐานยืนยันพิสูจน์ได้ว่า สิ่งนั้นเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาอย่างถูกต้องไม่ไปกลั่นแกล้งใคร และเป็นการพิสูจน์ในชั้นพนักงานสอบสวน ในชั้นอัยการ และในชั้นศาล

และที่สุดแล้วสังคมทั้งหมดจะยอมรับนับถือในวิชาชีพของตนเอง หากเราไม่คำนึงถึงสิ่งนี้ ความเสื่อมโทรม ความน่าเชื่อถือ มันก็จะลดน้อยถอยลงไป เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตัวเราเองก็จะไม่มีค่าอะไร เราก็อาจจะเหมือนคนที่ขาดความน่าเชื่อถือ ขาดการยอมรับ ไม่มีความหมายในสายตาของประชาชน รวมทั้งนานาอารยประเทศ ที่สุดแล้วนั่นคือการทำลายตัวเอง การทำลายสถาบันของเราเอง การทำลายประเทศชาติเราเอง และผลสุดท้าย ภาพรวมทั้งหมดก็คือ ความเสียหายของประเทศของเราเอง นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ มากกว่าจะฝากให้บุคคลที่เป็นผู้นำของประเทศครับ

นอกจากนี้ ระหว่างการแถลง พล.ต.ต. ปวีณ ยังเผยความในใจว่าอยากจะมีโอกาสเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพราะคนที่รัก ครอบครัวยังอยู่ที่นี่ พร้อมกับตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ “ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาผมไม่อยากเปิดเผย ผมพูดเปรยกับพี่น้องสื่อมวลชนหลายสำนัก แต่กลับไม่มีใครนำไปเปิดเผย เมื่อไม่มีการตอบรับ การพูดไปนั้นเปล่าประโยชน์ ผมรอเวลามานาน ใครที่จะรับข้อมูลของผมไปเปิดเผย หากเปิดเผยไปแล้วไม่มีใครขยายต่อ เผยแพร่ต่อ มันก็ไม่มีความหมาย ส่วนคำถามที่ว่าผมลี้ภัยเพราะอะไร ใบสมัครแผ่นนั้นเป็นคำตอบทั้งหมดที่ทำให้ผมตัดสินใจง่าย” ปวีณ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวภายในงาน

“การทำหน้าที่แต่ละฝ่ายไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือสื่อมวลชน สิ่งที่ต้องมีก็คือจริยธรรม ผมมองว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถขัดขวางได้คือความกล้าหาญ ถ้าเรากลัว มันก็ทำหน้าที่ไม่ได้ ถ้าพี่น้องสื่อมวลชนตำรวจ ประชาชน กล้าหาญ ยึดถือในความถูกต้อง หน้าที่อย่างพร้อมเพรียง การสู้กับผู้มีอำนาจก็เป็นไปได้ เช่น ไม้ไผ่หลายก้านรวมกัน งอเท่าไหร่ก็ไม่หัก” ปวีณกล่าว พร้อมย้ำว่าตนเชื่อว่าการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้ประเทศดีกว่าที่เป็นอยู่

ผู้สื่อข่าวในงานยังได้สอบถาม รังสิมันต์ โรม และ พล.ต.ต.ปวีณ ว่า มีความเห็นอย่างไร ที่ถามรัฐบาลจนนำไปสู่การที่ประธานในที่ประชุมเชิญ รังสิมันต์ โรม ออกนอกห้อง หลังจากไม่ถอนคำพูด “นายกฯ ใจดำ อำมหิต”

รังสิมันต์ โรม : ผมยืนยันคือผมนึกไม่ออกว่า การที่ผมใช้คำว่าใจดำอำมหิต มันผิดตรงไหน ก็มันเป้นแบบนั้นจริงๆ การค้ามนุษย์เกิดขึ้น ผมเอาพยานหลักฐานทั้งหมดที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างไรต่อการที่คุณปวีณต้องลี้ภัย ต่อการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นต่อการช่วยเหลือพวกพ้องปกปิดพยานหลักฐานทั้งหมดมันอยู่ตรงหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ผมแสดงหลักฐานทั้งหมด แต่สิ่งที่ผมได้รับคือ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามเรื่องอื่น แล้วอยู่ๆ ตัวท่านก็ไม่ตอบในส่วนของผม ณ เวลาที่ผมของให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่บนบัลลังก์ กำลังโค้งคำนับประธาน ผมก็หวังจริงๆ ว่า บางทีท่านอาจจะลืมมั้ง แล้วผมก็ถามเพื่อสะกิดว่าคนที่เป็นนายกฯ ถูกผู้แทนถามแบบนี้จะตอบคำถามหน่อยไหม อย่างน้อยที่สุดประชาชนที่เขาติดตาม เขาก็ควรที่จะได้รับข้อมูลจากฝั่งรัฐบาลเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมเจอคือว่า ก็เดินออกไป สะบัดบ๊อบเดินออกไปลงจากบัลลังก์

ผมเลยรู้ว่า การค้ามนุษย์มันร้ายแรงขนาดนี้ มันคือความผิดปกติที่เราเห็น แล้วทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถามนี้ การไม่ตอบคำถามนี้ ราวกับต้องการจะส่งสัญญาณว่า การค้ามนุษย์แบบนี้ การที่เจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวข้องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ส่วนตัวผม ผมรับไม่ได้ ยิ่งผมเห็นคลิปวิดีโอที่ชาวโรฮิงญาถูกทิ้งแล้วต้องประทังชีวิตด้วยการกินใบไม้ผมรับไม่ได้ การที่เขาต้องอยู่ในคอก แย่ยิ่งกว่าสัตว์ เราไม่ทำกับสัตว์เลี้ยงของเราแบบนั้นด้วยซ้ำ แต่มนุษย์ผมรับไม่ได้ ผมเลยไม่รู้จะอธิบายด้วยคำไหน เลยใช้คำว่าใจดำอำมหิต ซึ่งใจดำ ประธานสภาเห็นด้วย แต่อำมหิตไม่เห็นด้วยซึ่งผมก็แปลกใจว่ามาตรฐานความรู้สึกของผมกับประธานสภาไม่เหมือนกัน ส่วนตัวผมที่เกิดขึ้นสภา ในรัฐบาลนี้ คุณยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรทั้งๆ ที่มีอำนาจขนาดนี้ แล้วคุณชอบบอกว่าอำนาจพิเศษคือยาสารพัดนึกสามารถใช้แก้ปัญหาได้ทำไมคุณแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ละ แสดงว่าอำนาจพิเศษไม่ได้ช่วยให้เรารอดพ้นจากการค้ามนุษย์ คุณปวีณต่างหากที่ช่วย แล้วอำนาจพิเศษต่างหากที่ทำลายตำรวจดีๆ อย่างคุณปวีณ

พล.ต.ต.ปวีณ : ผมจะขอพูดไม่ใช่เอาใจคุณรังสิมันต์ โรม ผมคิดว่าใจดำ อำมหิต ยกกำลังสองด้วยครับ ทำไมพูดเช่นนั้น ผมไม่พูดเลื่อนลอย อย่าลืมว่าผมเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน ทำการสืบสวนสอบสวนเป็นเวลาหลายเดือน ในทางการสืบสวน เราจะสืบสวนล่วงหน้าไปไกลกว่างานสอบสวน พอเราสืบสวนไปได้เราต้องหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนงานสืบสวน ในคดีค้ามนุษย์เรารู้ว่ายังมีกลุ่มนี้กลุ่มนั้นอยู่เบื้องหลังผมรู้นะครับว่าคนที่มีอำนาจจริงๆ ณ เวลานั้น แล้วก็ในอดีตที่ผ่านมาที่ปล่อยให้การค้ามนุษย์มันรุ่งเรือง มันเจริญฟู่ฟ่ามาก   แคมป์ที่กักขังมนุษย์ อย่าคิดว่าโรฮิงญา คือว่าเป็นคนแล้วกัน ผมเห็นคนไทย หมาที่ขึ้นดอยกับนักศึกษาเชียงใหม่ คนเป็นโกรธเป็นแค้นที่ค้นไปฆ่าหมา หรือกรณีเสือดำ แล้วทำไมคนฆ่ากันเองไม่สนใจบ้างหรือ… แต่ปรากฏว่าคนไทยให้ความสำคัญของสัตว์มากกว่าคน

ที่ผมไปเจอมาเขาขังคนยิ่งกว่าสัตว์อีก วิธีการทำ ขนคนลงมาในเรือ 400-500 คน ให้กินข้าวแค่คนละ 2 กำมือ พริกคนละ 2 เม็ด น้ำนิดเดียว ใครขอถูกทุบตี ใครตายก็จับโยนลงทะเลไป นี่คือความอำมหิต ของขบวนการเหล่านี้ แล้วใคร พล.ท.มนัส คงแป้น นายทหารแห่งกองทัพบก ยศสูงถึงเป็นพล.ท.นะครับ แล้วก็เติบโตมาเป็นเวลานาน ทำแบบนี้ แล้วพิสูจน์ให้เห็นเลยว่า ขบวนการของเขา แล้วถึงได้ขัดขวางทุกอย่าง ไม่ใยดี ไม่สนใจใยดีกับทีมงานสอบสวนทั้งหมด คำว่าใจดำอำมหิต ผมว่า ยังน้อยไปนะครับ บางทียกกำลังสองก็ยังน้อยไป ผมไม่ได้เข้าข้างคุณรังสิมันต์โรม แต่คือประสบการณ์ทำงาน ผมจึงแน่วแน่ว่าจะต้องทลายขบวนการนี้ให้ได้ ทำลายความอำมหิต ไม่ว่าผมจะโดนกดดัน ไม่ใช่คำหยาบ ทำไมจะพูดไม่ได้กับคนที่มีลักษณะเช่นนั้น

– คลิปเต็ม พล.ต.ต.ปวีณเปิดใจ ที่นี่ >> ไลฟ์เปิดใจของพล.ต.ต.ปวีณ

– คลิปอภิปรายของรังสิมันต์ โรม วันที่ 18 ก.พ. 2565 

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า