อุ๊งอิ๊ง – จากลูกสาวติดพ่อ ที่ยืนยัน ‘ลงเลือกตั้งเพื่อประเทศ ไม่ใช่ครอบครัว’

“จริงๆ แล้วชื่ออุ๊งอิ๊งเป็นชื่อที่ครอบครัวเรียก มีแค่คุณพ่อคุณแม่ที่ใช้ เพื่อนๆ ทุกคนเรียกอิ๊งค์ว่า ‘อิ๊งค์’ เฉยๆ”

ถ้าพูดถึงแพทองธาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นเหมือนเงาที่คอยสะท้อนอยู่ด้านหลังในทุกๆ ครั้งและทุกๆ สถานที่ที่เธอปรากฏตัว 

และดูเหมือนบทบาทที่ทับซ้อนกันระหว่างการเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย และการเป็น ‘ลูก’ ของ ‘พ่อ’ จะเป็นทั้งความภาคภูมิใจและภาระอันหนักอึ้งของลูกสาวคนเล็กของตระกูล  

เด็กติดพ่อ–ที่ต้องห่างพ่อ

คงไม่ต้องเท้าความย้อนกลับไปนานนัก ผู้อ่านหลายคนคงจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวชินวัตร จนทำให้วันนี้พ่อ-ภรรยา-และเหล่าลูกๆ ต้องแยกย้ายกันอยู่มานานราว 20 ปี แต่กับสถานการณ์นี้ จะใช้คำว่า “บ้านแตกสาแหรกขาด” กับชินวัตรเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ 

เพราะแพทองธารเล่าให้ฟังว่าทุกวันนี้ บ้านเธอยังคงอบอุ่นไม่ต่างจากเมื่อก่อน เพียงแค่ต้องเปลี่ยนจากพูดคุยกันต่อหน้า ไปสื่อสารกันผ่านเครื่องมือสื่อสารแทน ยิ่งกว่านั้น เธอยังกระซิบให้ฟังว่า ทุกครั้งที่มีปัญหากับคุณทักษิณ คุณแม่-คุณหญิงพจมาน ก็ยังเป็นผู้ห้ามปรามไม่ต่างจากหลายปีก่อน

“ครอบครัวของเราสนิทกันมากค่ะ ด้วยความเป็นครอบครัว อิ๊งค์รู้สึกตลอดว่า พวกเราจัดการได้ คุณพ่อไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยมาจะ 20 ปีแล้ว ดังนั้น มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร”

“ทุกครั้งที่อิ๊งค์ต้องบอกลาคุณพ่อแล้วบินกลับมาไทย อิ๊งค์ร้องไห้ทุกครั้ง ทุกครั้งที่ว่าหมายถึงทุกเดือน แต่สุดท้าย อิ๊งค์ก็เลิกร้องไห้ได้ ถึงอย่างนั้น อิ๊งค์ก็ยังอยากให้คุณพ่อกลับบ้านด้วยกัน แต่อิ๊งค์เข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น มันก็เลยง่ายขึ้นสำหรับอิ๊งค์”

แม้จะไม่ได้ดูคลิปสัมภาษณ์ประกอบ แต่ผู้อ่านหลายคนคงแอบเดาว่า เมื่อพูดถึงเรื่องสุดแสนละเอียดอ่อนอย่างครอบครัว ต่อให้บนเวทีปราศรัยจะเข้มแข็งเพียงใด แต่เด็กสาวที่เคยติดพ่อคนนี้คงต้องแอบหลั่งน้ำตาออกมาบ้าง 

แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอยืนยันว่าจะไม่ร้องไห้ (ซึ่งเธอนิยามว่าน้ำตาคือตัวแทนของมัน) ให้ที่สาธารณะเห็น แต่ขณะเดียวกัน เธอเองก็เป็นมนุษย์ที่มีมุมอ่อนแอ เพียงแต่เลือกจะแสดงให้คนที่สนิทใจได้เห็นเท่านั้น

จากลูกสาว สู่การเป็นแม่และภรรยา

อิ๊งค์ แพทองธาร ในวัย 36 ปี ไม่ได้มีหน้าที่เป็นเพียงลูกสาวของพ่อและแม่ แต่เธอยังมีบทบาทเป็นภรรยาของ ปอ-ปิฎก สุขสวัสดิ์ และแม่ของลูกสาวและลูกชายที่เพิ่งให้กำเนิด

สำหรับบทบาทภรรยา เธอเล่าว่า ตอนที่เจอสามีเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกว่าผู้ชายตัวสูงคนนี้คือคนที่ ‘พอดี’ กับเธออย่างแท้จริง ในขณะที่เธอมีความเป็นตัวของตัวเองในแบบของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผู้ชายคนนี้กลับรับเธอได้ในทุกรูปแบบที่เธอเป็นเธอ ผู้ชายคนนี้ทำให้ทุกเรื่องในชีวิตง่ายขึ้น

ทั้งในฐานะคู่รักและสามี เขาไม่เคยทำให้ความเป็นครอบครัวขาดความอบอุ่น หรือเกิดรอยร้าว ยิ่งกว่านั้น เขายังคอยสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเธออย่างไม่มีเงื่อนไขและคอยอยู่ข้างๆ นั่นเป็นอะไรที่มีความหมายกับอิ๊งค์มาก “ฉันคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกต้องที่สุด ที่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้” นั่นคือสิ่งที่เธอพูดออกมา ก่อนจะตามมาด้วยบทบาทของความเป็นแม่

การเป็นแม่สำหรับอิ๊งค์ มีความหมายมากกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นทั้งเหมือนพรและของขวัญที่ได้รับมาในคราวเดียวกัน ในวันที่ให้สัมภาษณ์ (ยังไม่ได้คลอดลูกชายคนที่สอง) เธอเล่าด้วยน้ำเสียงปิติว่า “ธิธารคือความสุข เธอคือทุกสิ่งทุกอย่าง”

แล้วเสริมว่าทุกคนั้งที่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า การได้เห็นลูกวิ่งมาหา เหมือนทุกความทุกข์ยาก และความเศร้าในโลกที่เคยมีหายไปในทันที เพียงแค่ได้เห็นหน้าลูก และนี่คือบทบาทของอิ๊งค์ ในฐานะภรรยา และแม่ของลูกสาวและลูกชาย

ประเทศชาติไม่ใช่ครอบครัว

แม้ในวันนี้พรรคเพื่อไทยจะประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงรวมไทยสร้างชาติ ที่มีข้อกังขาว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำรัฐประหาร และเป็นสาเหตุให้คุณพ่อของแพทองธารต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ แต่ย้อนกลับไปในวันที่สัมภาษณ์ (3 กุมภาพันธ์) 

แพทองธารตอบคำถามที่ว่า “พร้อมจะทำงานกับคนที่พรากพ่อไหม?” ด้วยการประกาศแยกสถาบันครอบครัว ออกจากสถาบันประเทศอย่างชัดเจน ในฐานะลูกสาวและมนุษย์คนหนึ่ง เธอยอมรับว่าเธอเองก็มีความรู้สึกอยู่ข้างใน แต่หากฝ่ายตรงข้ามเป็นกลุ่มคนที่ช่วยประเทศพ้นวิกฤติ (ไม่ได้หมายถึงใครเป็นพิเศษ) 

เรื่องของครอบครัว เรื่องของคุณพ่อ เป็นสิ่งที่ต้องถูกเก็บไว้หลังบ้าน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปข้างหน้า “นั่นคือสิ่งที่อิ๊งค์กับครอบครัวต้องจัดการกันเอง ประเทศไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ประเด็นนี้แยกจากกัน”

“ฉะนั้น ไม่ว่าจะอะไรหรือใคร เมื่อมาถึงบทสรุป เราต้องทำเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้า นั่นคือคำตอบค่ะ คำตอบจริงๆ”

เพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์–หยุดอำนาจไม่ถูกต้อง

“แลนด์สไลด์” เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เข้าไปปักใจกลุ่มคนเชียร์เพื่อไทยมากที่สุด แพทองธารย้ำชัดเจนว่าเป้าหมายของเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งที่ไม่ใช่การจับมือพรรค A B หรือ C แต่คือการแลนด์สไลด์ เพื่อยุติวงจร ส.ว. ที่อาจเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ทำให้ธงประชาธิปไตยของประเทศไม่ถูกชักขึ้นจนสุดเสา

“พวกเขาสามารถตั้งกฎให้เป็นอย่างที่ต้องการ ทุกอย่างอยู่ข้างพวกเขาทั้งหมด คุณไม่เห็นเหรอ ประชาชนในประเทศไม่เห็นเหรอ ว่ากฎทั้งหลายในตอนนี้มันเอื้อพวกเขาหมดเลย 

แพทองธารเชื่อว่า หากได้รับโอกาสเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยมีศักยภาพมากพอที่จะพาประเทศไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา หรือจะแผนและนโยบายที่ถูกเตรียมการไว้อย่างดี ล้วนมีทางมา-ทางไป และมีความเป็นไปได้ที่จะพากราฟ GDP ของประเทศไต่ระดับขึ้นอีกครั้ง

เธอเล่าให้ฟังว่าเป้าหมายหลักของเธอคือการลดความเหลื่อมล้ำ เพราะปัจจุบันแทบไม่เหลือที่ว่างให้คนหาเช้ากินค่ำได้มีโอกาสสร้างเนื้อสร้างตัว นโยบายเศรษฐกิจของเพื่อไทย คือการวางรากฐานให้ประเทศทั้งหมดยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เธอประกาศกร้าวก่อนจบบทสนทนาราว 1 ชั่วโมงว่า “มันไม่มีทางให้ประเทศเดินลงไปมากกว่านี้แล้วค่ะ ทางเดียวที่มีอยู่คือเราต้องทำให้ดีกว่าเดิม”

อุ๊งอิ๊ง – สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ FULL VERSION 

 – https://youtu.be/PuQzw9RHg7c   

อุ๊งอิ๊ง – สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ “Pheu Thai Landslide”

– https://youtu.be/XrIw_2oKEoU 

#สำนักข่าวทูเดย์

#MakeTomorrowTODAY