Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สรุปแถลงพบ ‘ซีเซียม-137’ ในโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ปนเปื้อนในฝุ่นโลหะ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ยืนยันไม่ฟุ้งกระจาย ไม่กระทบคน-สิ่งแวดล้อม

ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรีวันนี้ (20 มี.ค. 66) นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวโดยสรุปว่า หลังจากทางจังหวัดที่ทราบเรื่องที่โรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ ที่อำเภอศรีมหาโพธิ ทำวัตถุซีเซียม-137 (Cesium-137) สูญหายไป จังหวัดได้ระดมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจหาภายในโรงไฟฟ้าฯ อยู่ประมาณ 2-3 วัน ไม่พบจึงออกมาหาด้านนอกโรงงาน รัศมีรอบโรงงาน 2 กิโลเมตร และห่างออกมา เชื่อว่า อาจมีคนไปขายร้านค้าของเก่าและบริษัทที่ส่งของเก่า ตามจังหวัดใกล้เคียงก็ไม่พบ ตลอดเวลา 7 วันก็ยังไม่พบ

จากนั้นเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา จึงมาตรวจโรงงานขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นโรงงานหลอมเหล็ก ในอำเภอกบินทร์บุรี ช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ไปพบที่โรงงานหนึ่ง ตรวจพบสารซีเซียมในกระเป๋าบิ๊กแบ็ค ขึ้นค่าเต็ม 10 และช่วงเย็นได้ตรวจซ้ำก็พบเช่นเดิม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า สารซีเซียม-137  ไม่สามารถเกิดมาได้ด้วยธรรมชาติเอง เป็นสารที่ต้องผลิตด้วยน้ำมือมนุษย์ จึงมีการย้อนกลับไปดูว่ากระเป๋าบิ๊กแบ็คคืออะไร

เจ้าหน้าที่เล่าว่า เป็นส่วนที่เหลือมาจากการผลิตเตาหลอมเหล็กมีความร้อนประมาณ 1,200 องศา จะมีฝุ่นเหล็ก สีแดง อยู่ภายในระบบปิด จังหวัดได้ควบคุมพื้นที่ทันที ไม่ให้เข้า-ออก และให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่า มีสารซีเซียมอีกหรือไม่  ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือวัดห่างออกมาจากโรงงานประมาณ 10 เมตรไม่พบ ขณะที่พนักงานในโรงงานหลอมเหล็กที่มีประมาณ 70 คน ได้ให้หยุดปฏิบัติงาน เช็กสุขภาพ และจะมีตรวจเลือด

ผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันควบคุมซีเซียม-137 อยู่ในเฉพาะพื้นที่

นายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่ลงพื้นที่ตรวจสอบซีเซียม-137 เมื่อวานนี้ บอกว่า ทีมจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ใช้เครื่องมือในการวัดการแผ่รังสี สามารถระบุชนิดของวัสดุกัมมันตรังสี ที่ต้องสงสัย จากการตรวจสอบเราพบ การปนเปื้อนของซีเซียม-137 ในฝุ่นโลหะ ที่ได้จากการผลิตโลหะ

นอกจากนี้ ได้ใช้เครื่องมือตรวจวัดโลหะ ที่เป็นผลผลิตจากการหลอมโลหะปรากฏว่า ไม่พบการปนเปื้อนใดๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักการ จากนั้นได้ใช้เครื่องมือดูดอากาศ ตรวจวัดระดับรังสี บริเวณรอบๆ โรงงาน ในรัศมีที่ครอบคลุม ประมาณ 5 กิโลเมตร เราเก็บดิน น้ำ อากาศ ผลการตรวจสอบไม่พบ ฟุ้งกระจาย ไม่พบการ เปรอะเปื้อน ไม่พบผลกระทบที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด

เพราะฉะนั้นอยากจะยืนยันว่า วัสดุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ปนเปื้อนในฝุ่นโลหะของโรงงานแห่งหนึ่ง ถูกควบคุมและจำกัดอยู่ในพื้นที่เฉพาะ และไม่ได้มีการแพร่กระจาย หรือฟุ้งกระจายใดๆ ออกจากพื้นที่โรงงาน จากข้อมูลที่ทางทีมผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เราได้ทำการตรวจวิเคราะห์เมื่อเช้านี้ ออกพื้นที่ตั้งแต่ 6.00 น.

ส่วนตรวจวัดการเปรอะเปื้อนภายนอกร่างกายของพนักงานในโรงงาน ไม่พบการเปรอะเปื้อนใดๆ ของพนักงานที่อยู่ในโรงงานที่เกิดการหลอมโลหะนี้ เป็นข้อมูลทางวิชาการที่ได้ใช้เครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อที่จะยืนยันผลกระทบทางรังสี

นอกจากนี้ กรณีมีข่าวว่ามีฝุ่นเหล็กล็อตก่อนหน้านี้ถูกนำออกไปส่งนอกโรงงาน ก็ได้ส่งทีมเข้าตรวจสอบโรงงานเรียบร้อย ยืนยันไม่มีการเปรอะเปื้อนของซีเซียมในฝุ่นเหล็กล็อตก่อนหน้านี้

“ยืนยันว่า ณ ปัจจุบัน เราได้ควบคุมสถานการณ์และจำกัดการเปรอะเปื้อน การปนเปื้อนของซีเซียม-137 อยู่ในเฉพาะพื้นที่ของตัวฝุ่นโลหะ หรือฝุ่นแดงที่ปนเปื้อนซีเซียมเท่านั้น” หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี กล่าว

นายกิตติ์กวิน อธิบายเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการตรวจว่า ซีเซียม-137 มีค่าพลังเฉพาะ เราสามารถใช้เครื่องมือที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ทำการตรวจสอบได้ ย้ำไม่มีการฟุ้งกระจายสู่สิ่งแวดล้อม ประชาชนรอบพื้นที่โรงงาน ในอำเภอศรีมหาโพธิ์ อำเภอกบินทร์บุรี และจังหวัดปราจีนบุรี ไม่ได้รับผลกระทบ จากกรณีการเปรอะเปื้อนหรือการปนเปื้อนของซีเซียม-137 ในโรงงานหลอมโลหะนี้ และว่า ระดับรังสีจากที่เราประเมิน ปริมาณไม่ได้สูงไปกว่าระดับรังสีของวัตถุที่สูญหาย เพราะฉะนั้นระยะที่ปลอดภัยห่าง 1-2 เมตรปลอดภัยแล้ว รัศมี 2 เมตร ปลอดภัยแน่นอน

เอาผิดโรงไฟฟ้าทำซีเซียม-137 หายแล้วไม่แจ้งทันที

“เราดีใจที่เราเจอ แต่ถ้าเราไม่เจอเราจะเสียใจ ถึงแม้เราจะเจอซีเซียม แต่ไม่ใช่จะสรุปว่ามันมาจากอุปกรณ์นั้นที่หายไปของโรงงาน ทางตำรวจกำลังดำเนินการ”

นาย เพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ หนึ่งในผู้ที่ร่วมให้ข้อมูล การพบวัตถุกัมมันตรังสี ‘ซีเซียม-137’ ที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่ง ในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ในวันที่ 19 มี.ค. 66 ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจในวันนี้

ขณะที่ พลตำรวจตรี วินัย นุชชา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี  กล่าวว่า ตำรวจได้รับแจ้งความในวันที่ 10 มี.ค. 66 ได้จัดชุดสืบสวนลงพื้นที่ ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ขอความร่วมมือเอกชนนำกล้องมาวิเคราะห์ แต่อาจจะเพราะว่า กล้องติดมานานแล้ว บางตัวเก็บภาพได้ บางตัวเก็บไม่ได้ อยู่ระหว่างการสืบสวนว่า ใครเอาออกไป คนธรรมดาเอาออกไม่ได้ นอกจากพนักงานภายใน ซึ่งการเรียกสอบหลายสิบปากแล้ว ยังยืนยันว่าไม่เห็นไม่รู้

ผบก.ภว.ปราจีนบุรี กล่าวด้วยว่า เมื่อวานสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้มาแจ้งความในคดีอาญาแล้ว กรณีผู้ครอบครองวัตถุชิ้นนี้หายไป และไม่แจ้งโดนพลัน

ส่วนการสืบสวนว่า ของออกไปได้อย่างไร ตามที่เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ บอกว่า ของชิ้นนี้ยังไม่รู้ว่า ใช่วัตถุชิ้นนี้หรือเปล่า วัตถุชิ้นนี้อาจจะโดนซีลโดนปิดแล้วค้างอยู่ในบริษัทก็ได้ แต่ที่ทำการสอบสวนสรุปได้ความว่า ของชิ้นนี้ในประเทศไทย ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทั้งหมดแล้ว มีชิ้นเดียวที่หายไป เลยอนุมานว่าอาจจะใช่ก็ได้ ดังนั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต้องโดยสอบสวนทั้งหมด ขณะนี้ มีการตั้งกรรมการชุดใหญ่ของจังหวัดเพื่อดำเนินการในภาพรวมเรื่องนี้แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

สรุปปมพบ ‘ซีเซียม 137’ ที่สูญหาย

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า