Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กลุ่มประมงพื้นบ้านและองค์กรภาคประชาสังคมได้ออกมาเคลื่อนไหวกับกรณีที่เกิดขึ้นโดยแถลงร่วมกันในนามภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่ออาหารทะเลที่เป็นธรรมและยั่นยืน 14 องค์กร เรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ไขช่องโหว่ปัญหาแรงงาน เพื่อให้ได้สิทธิพิเศษทางการค้าคืืน

องค์การอ็อกแฟม ซึ่งเป็นองค์การประชาสังคมข้ามชาติเพื่อแก้ปัญหาความยากจนกล่าวว่านานาชาติมีแนวโน้มที่จะใช้เรื่องแรงงานเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายแบบปกป้องผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ หากประเทศไทยแก้ปัญหานี้ได้ก็จะไม่มีช่องโหว่ให้ถูกลดสิทธิพิเศษทางการค้า ”การส่งออกเป็นแกนหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยที่เรามีแรงงานข้ามชาติเป็นกำลังการผลิตสำคัญ ดังนั้นตราบใดที่เรายังไม่ปรับปรุงประเด็นสิทธิแรงงานให้มีความเสมอภาคและเป็นสากล ตราบนั้นเสถียรภาพในการส่งออกรวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวมก็เกิดยาก” นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้จัดการด้านนโยบายและรณรงค์ กล่าว

“ต้องไม่ลืมนะครับว่าคู่ค้าต่างๆของเราต่างมีความต้องการปกป้องการผลิตภายในประเทศของเขาทั้งนั้น แต่หากประเทศไทยไม่มีจุดอ่อน ก็จะไม่มีใครจะมาดำเนินมาตรการอะไรกับเราได้ง่ายๆ ที่จริงมีเครื่องมือซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอยู่แล้ว คืออนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 ซึ่งไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ถึงที่สุด นี่เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ ทั้งเรื่องการเข้าสู่เศรษฐกิจมาตรฐานสูง และเรื่องการเข้าใจความมั่นคงที่สอดคล้องกับโครงสร้างการผลิตที่เป็นจริงของประเทศ การกีดกันแรงงานในระบบการผลิตของไทยมิให้มีสิทธิที่เท่าเทียมในการรวมตัวหรือเจรจา​ ถึงที่สุดแล้ว ไม่ใช่การป้องกันปัญหาแต่เป็นการกดซ่อนความเสี่ยงที่รอวันระเบิด ดังเช่นการผละงานที่เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีช่องทางการสื่อสารระหว่างนายจ้างและคนงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลลบทั้งต่อชีวิตแรงงานไม่ว่าชนชาติใด และต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา องค์กรภาคประชาสังคมและกลุ่มแรงงานพยายามผลักดันให้มีการรับรองอนุสัญญาดังกล่าวแต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากรัฐบาล องค์การอ็อกแฟมกล่าวว่า “รัฐบาลอ้างว่าการอนุญาตให้มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ”

ขณะที่นางสาวสุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติกล่าวถึงจุดยืนสำคัญของภาคีเครือข่ายฯคือการสนับสนุนให้ประเทศไทยรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ 2 ฉบับนี้ “รัฐควรรับรองอนุสัญญาฉบับที่ 87 และ 98 ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องรอให้สหรัฐฯ หรือประชาคมโลก ต้องมากดดันเรา เพราะการรวมกลุ่มเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยตั้งแต่เกิด ภาครัฐไม่ควรกังกลเรื่องเศรษฐกิจหรือความมั่นคง เนื่องจากคนงานเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างประโยชน์ต่อประเทศมหาศาล” นางสาวสุธาสินีกล่าว

มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแรงงานที่โดนละเมิดสิทธิ ยังได้ถ่ายทอดประสบการณ์การเป็นประจักษ์พยานต่อความยากลำบากของแรงงานในประเทศไทย  “แม้ว่าประเทศไทยจะมีการปรับปรุงกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะในบริบทประมง แต่สิ่งที่เรายังเจอคือ แรงงานไม่กล้าจะลุกขึ้นมาร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐโดยตรง ยังเลือกที่จะไม่ร้องเรียนถ้าทนได้หรือถ้าทนไม่ได้ก็ไปร้องเรียนกับเอ็นจีโอ แรงงานยังกังวลว่าถ้าหน่วยงานรัฐเอาไปพูดกับนายจ้างแล้วตัวคนร้องจะโดนอะไรบ้าง ดังนั้นการให้สิทธิในการรวมกลุ่มและเจรจาต่อรองจะทำให้แรงงานรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว” นางสาวชลธิชา ตั้งวรมงคล จาก HRDF กล่าว

“นอกจากนี้กรณีที่รัฐบาลไทยปล่อยให้บริษัทเอกชน ฟ้องคดีเพื่อปิดปากแรงงานหรือสมาชิกสหภาพแรงงาน ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทาง AFL-CIO ระบุชัดว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ซึ่งในเอกสารเผยแพร่สาธารณะได้ชี้ถึงประเด็นบริษัทหนึ่งในประเทศไทยฟ้องร้องแรงงานเพื่อตอบโต้แรงงานที่ลุกขึ้นมาร้องเรียน มีการฟ้องร้องแรงงานทั้งข้อหาแจ้งความเท็จ หมิ่นประมาท ลักทรัพย์ และฟ้องร้องบุคคลอื่นทั้งนักข่าว เอ็นจีโอ การที่ไล่ฟ้องคดีได้แบบนี้น่าจะแสดงให้เห็นว่ากรอบกฎหมายไทยมีปัญหา หากเรื่องเหล่านี้ยังเกิดขึ้นในประเทศไทย แรงงานที่ไหนจะกล้าร้องเรียน ภาพลักษณ์ของเอกชนในเมืองไทยก็ยังคงดูแย่ในสายตาประชาคมโลก”

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำประกาศ ระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) สินค้าส่งออกบางประเภทจากไทย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท) หรือราว 1 ใน 3 ของสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิ GSP ซึ่งรวมถึงสินค้าประมงและอาหารทะเลส่งออกของไทยทั้งหมดโดยอ้างเหตุผลเรื่อง “ปัญหาด้านสิทธิแรงงานที่ยืดเยื้อมายาวนานในอุตสาหกรรมอาหารทะเลและการเดินเรือ” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 6 เดือน กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาแถลงว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,800 ล้านบาท จากรายการสินค้าที่ถูกระงับสิทธิ GSP จำนวน 573 รายการ ที่ต้องเสียภาษีในอัตราปกติประมาณร้อยละ 4.5

โดยการประกาศดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่สมาพันธ์แรงงานและสภาอุตสาหกรรมแรงงานสหรัฐฯ (American Federation Labor & Congress of Industrial Organization: AFL-CIO) ยื่นคำร้องให้ตัดสิทธิ GSP ไทย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2556 และวันที่ 16 ตุลาคม 2558 เนื่องจากเห็นว่าไทยมิได้คุ้มครองสิทธิแรงงานตามมาตรฐานระหว่างประเทศ แม้ที่ผ่านมากระทรวงแรงงาน มีความพยายามจะแก้ไขและจัดทำร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฉบับใหม่ ทว่าเนื้อหาในพระราชบัญญัติก็ยังไม่สอดคล้องกับหลักการและมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ส่งผลให้สหรัฐฯ มองว่าไทยยังมิได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า