‘ชวน’ ตั้งกระทู้ถามสดนายกฯ ปม ‘อุเทนถวาย’ จี้ถามงดรับนักศึกษาปี 1 จริงหรือ ‘เศรษฐา-ศุภมาส’ ยันไม่งด

‘ชวน’ ตั้งกระทู้ถามสดนายกฯ ปม ‘อุเทนถวาย’ จี้ถามงดรับนักศึกษาปี 1 จริงหรือไม่ พร้อมขอให้ดูสถานที่เรียนใหม่เอง ด้าน ‘เศรษฐา-ศุภมาส’ ยันไม่งด แต่ต้องรับให้สอดคล้องแผนย้ายสถานที่เรียน เล็ง 4 พื้นที่ ต้นสังกัดชงของบฯ ปี 68 แล้ว 400 ล้านบาท

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (8 ก.พ. 67) ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจานายกรัฐมนตรี โดยนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามถึงนโยบายการรับนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาและเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับสถานที่ กรณีอุเทนถวาย ถึงความชัดเจนเรื่องข่าวการงดรับนักศึกษา ปี 1 ปีการศึกษา 2567 และแผนการเตรียมสถานที่เรียน หลังอุเทนถวายต้องทำตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้ย้ายออกจากพื้นที่เดิม

ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ได้เดินทางมาร่วมประชุมสภาฯ ในวันนี้ ได้ตอบคำถามของนายชวน โดยสรุปว่า ทั้งอุเทนถวายและปทุมวัน เป็น 2 สถาบันสำคัญ เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ปัญหาที่เกิดขึ้นเรื้อรังมานานแล้ว เกิดจากระยะทางที่ใกล้กัน เราพยายามย้ายวิทยาเขต โดยทาง รมว.อว. มีการพูดคุยกับ กรมธนารักษ์ เพื่อจัดหาพื้นที่เรียน เรื่องที่มีการตีกัน มีการเก็บข้อมูล ตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุและเฝ้าระวัง ระงับเหตุร้าย ตนก็ได้กำชับฝ่ายความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถาบันนี้ให้เพิ่มกำลังเป็นพิเศษ ในวันที่เข้าใจว่าจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่างไรก็ตามมาตรเหล่านี้เป็นเพียงหนึ่งในการป้องกัน แต่ไม่ใช่การแก้วัฒนธรรม ความเชื่อที่สืบทอดกันมาเป็นค่านิยม ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิด ไม่ถูกต้อง จึงต้องตัดปัญหาด้วยการให้ย้ายไปเรียนที่อื่น เพื่อลดการกระทบกระทั่งของ 2 สถาบันนี้ ส่วนเรื่องการสื่อสาร การงดรับนักศึกษา ปี 1 รมว.อว. ไม่ได้บอกว่าจะหยุดรับแต่ให้ย้ายไปที่วิทยาเขตอื่น ซึ่งจะให้ชี้แจงต่อไป

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กระทรวง อว.) ชี้แจงโดยสรุปว่า การไม่ให้รับหรืองดรับ ข้อเท็จจริง อุเทนถวายยังรับนักศึกษา ปี 1 เหมือนเดิม แต่ว่าให้มีการบริหารจัดการการเรียนการสอน เพื่อให้สอดรับกับแผนการย้ายของอุเทนถวาย ซึ่งอุเทนถวายได้ทำแผนการย้ายเข้าที่ประชุมแล้ว ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นข้อเสนอจากที่ประชุม มีมติร่วมกัน โดยเสนอให้อุเทนถวาย ย้ายสถานที่ไปยังวิทยาเขต บางพระ จ.ชลบุรี หรือสถานที่ที่กรมธนารักษ์ จัดหาให้ หรือสถานที่ทางอุเทนถวายแจ้งว่า มีผู้สนใจที่จะบริจาคให้ มทร.ตะวันออก ต้นสังกัด ได้มีการจัดทำแผนการรับนักศึกษา ปี 2567 ในวิทยาเขตอื่นๆ และแนวทางการบริหารจัดการ เรียนการสอนนักศึกษาทั้งหมด 1,129 คน แบ่งเป็นปริญญาตรี 958 คน ปริญญาโท 155 คน และปริญญาเอก 16 คน มทร.ตะวันออก จะนำแผนเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย ในวันที่ 10 ก.พ. ที่จะถึงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวง อว. ติดตามและกำชับให้มีการดำเนินการตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัดต่อไป

ส่วนการจัดหาสถานที่เรียนให้นักศึกษาที่จะต้องย้าย เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 66 กระทรวง อว. มีการจัดประชุม หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการยุติข้อพิพาทของอุเทนถวาย เพื่อวางแผนพื้นที่รองรับ เบื้องต้น คือ 1. วิทยาเขต บางพระ พื้นที่ 680 ไร่ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ 2 วิทยาเขต จักรพงษภูวนารถ 3. พื้นที่ที่จะมีผู้บริจาคในย่านมีนบุรี 24 ไร่ 4. พื้นที่ราชพัสดุ จ.สมุทรปราการ 50 ไร่ และว่า ขณะนี้อุเทนถวาย ได้เสนอของบประมาณในปี 2568 จำนวนประมาณ 400 ล้านบาทต่อสำนักงบประมาณ

นายชวน กล่าวต่อ โดยสรุปว่า จากที่ได้ฟังคำตอบ ความชัดเจนในสถานที่เรียน จึงอยากถามว่า จะให้นักศึกษา ปี 1 ได้เรียนในที่ปัจจุบันได้หรือไม่ ซึ่งแล้วแต่ดุลพินิจไม่ได้คาดคั้นอะไร ปัญหาทบวงอุดมศึกษา ถือว่าเป็นกระทรวงที่สำคัญ เป็นกระทรวงที่สร้างคน ดังนั้นนโยบายใดที่จะเป็นอุปสรรคในการให้โอกาสคน จะต้องอย่าให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เช่น การไม่ให้รับนักศึกษาจะต้องไม่มี

“ไม่ว่าใครในห้องนี้รวมทั้งผมด้วย มีโอกาสก็เพราะการศึกษา อะไรที่ทำให้ส่งเสริมการศึกษาได้ ผมคิดว่าเราต้องร่วมช่วยกัน… ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เราก็ลูกชาวบ้าน มีโอกาสมานั่งที่นี่ พูดอะไรได้ ก็เพราะเราได้เรียนหนังสือ จึงได้คิดโครงการให้คนได้เรียนไม่ต้องไปอยู่วัด พวกผมต้องอยู่วัด สมัยเด็กๆ เพราะว่ามันไม่มีทางไปอย่างอื่นครับ บัดนี้สถานการณ์มันเปลี่ยน นายกฯ อาจต้องเข้ามาดูเรื่องนี้ สถานที่นั้น ท่านนายกฯ อาจจะต้องช่วยดูด้วยตัวเองนะครับ…” และว่า “สถาบันเขามีศักดิ์ศรีมีเกียรติมายาวนานเกือบร้อยปี ถ้าจะใช้ที่ก็ต้องเหมาะสมและงบประมาณที่ต้องให้เขาได้มีโอกาสพัฒนาสร้างสิ่งที่ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง”

นายเศรษฐา กล่าวตอบว่า ขอบคุณท่านอดีตนายกฯ ชวน ที่ช่วยย้ำเรื่องการศึกษาอีกครั้งว่า ขอขอบคุณที่มีข้อเตือนเหล่านี้ขึ้นมาสะกิดใจว่าทั้งคณะรัฐมนตรีต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่กระทรวงศึกษาฯ กระทรวง อว. อย่างเดียว เช่น กระทรวงการคลัง ก็ต้องมีส่วนในการหาสถานที่ หลายคนที่นั่งอยู่ในที่นี้รวมถึงตนก็โชคดี แต่ละคนมาจากรากฐานครอบครัวที่แตกต่างกันไป ตนเข้าใจถึงความจำเป็นด้านการศึกษา และสำนึกตลอดเวลาว่าบางคนก็โชคดี อย่างเช่น ลูกของตนได้มีโอกาสไปเรียนสถานที่ศึกษาที่ดีที่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่เคยลืมตรงนี้ และเห็นถึงความสำคัญของชีวิตหลังการศึกษา มีหน้าที่มีงานทำที่เหมาะสม และยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะไปพยายามจะไปหาสถานที่ที่เหมาะสม โดยกรมธนารักษ์ ตนเป็นรมว.คลังด้วย จะไปดูให้เป็นพิเศษ