Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ โต้กระแสข่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ปฏิเสธ บริษัท วัคซีน ‘ไฟเซอร์’ ที่เสนอให้ไทยถึง 4 รอบ เผย จองซื้อแล้ว 10 ล้านโดส เล็งฉีดให้กลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป

วันที่ 27 เม.ย. 2564 นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีข่าวลือเกี่ยวกับการเจรจาจองซื้อวัคซีนโควิด-19 ของ บริษัท ไฟเซอร์ ซึ่งได้มีการส่งต่อในโซเซียลมีเดีย จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับประชาชน ว่า มี 3 ประเด็น ที่สถาบันวัคซีนฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลกับบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย แล้วพบว่า ไม่เป็นความจริง

1.กรณี ‘ไฟเซอร์’ เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดส นั้น ไม่เป็นความจริง ตัวเลข 13 ล้านโดส เป็นตัวเลขที่ บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย ใช้ในการนำเสนอบริษัทแม่ เพื่อเตรียมหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่จำนวนที่เสนอขายให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าว เกิดจากการประมาณการของบริษัท โดยอ้างอิงจำนวนจากแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เดิมในปี 2563 ที่เคยตั้งไว้ว่า จะจัดซื้อวัคซีนแบบทวิภาคีคิดเป็น ร้อยละ 10 ของจำนวนประชากร หรือ ประมาณ 6.5 ล้านคน ฉีดคนละ 2 โดส จึงรวมได้ประมาณ 13 ล้านโดส

2.กรณี การซื้อวัคซีนจาก ‘ไฟเซอร์’ ไม่ต้องใช้เงินซื้อมีวัคซีนให้ใช้ก่อนค่อยจ่ายทีหลัง นั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งการจัดซื้อวัคซีนของ ‘ไฟเซอร์’ ต้องมีการจ่ายเงินจองตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา และไม่มีข้อเสนอในการจัดส่งวัคซีนให้ใช้ก่อนแต่อย่างใด กรณีนี้ผู้ที่ส่งต่อข้อมูลทางโซเซียลฯ น่าจะตั้งข้อสงสัยแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่จะมีบริษัทไหนให้ใช้วัคซีนก่อน โดยไม่ต้องเสียเงิน ท่ามกลางสถานการณ์ การแย่งชิงวัคซีนทั่วโลก

3.กรณี ‘ไฟเซอร์’ เสนอขายวัคซีนให้กับรัฐบาลถึง 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ นั้น ไม่เป็นความจริง โดยที่ผ่านมา ‘ไฟเซอร์’ ได้เข้ามานำเสนอข้อมูลผลการวิจัยในระยะต่างๆ รวมถึง ผลการใช้จริงในต่างประเทศ ให้แก่สถาบันวัคซีนฯ และกรมควบคุมโรค เป็นระยะ ไม่เคยมีการปฏิเสธการเข้าพบ ซึ่งเดิมวัคซีนของ ‘ไฟเซอร์’ ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และเก็บใน 2-8 องศาเซลเซียส ได้เพียง 5 วัน ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกกับประเทศไทย ในการจัดเก็บและขนส่ง  เนื่องจาก มีสถานที่จัดเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส จำนวนน้อย การจะนำวัคซีนมาใช้ในวงกว้างเป็นไปได้ยาก ซึ่งต่อมามีผลการศึกษาเพิ่มเติมของบริษัทแสดงให้เห็นว่า การจัดเก็บและการขนส่งวัคซีนทำได้สะดวกขึ้น และมีข้อมูลสนับสนุนว่า วัคซีนสามารถใช้ได้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป รวมทั้งเงื่อนไขที่บริษัทสามารถส่งวัคซีนให้ใช้ได้ภายในปี 2564 จึงมีการเจรจาต่อเนื่อง เพื่อจองซื้อวัคซีนจาก ‘ไฟเซอร์’ โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมประชากรในกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา

“การจองซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ของประเทศไทย เพื่อนำมาใช้ปิดช่องว่างฉีดให้กับเด็กกลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนที่มีแนวโน้มระบาดเป็นกลุ่ม เนื่องจาก ขณะนี้เป็นวัคซีนตัวเดียวที่มีผลการศึกษาในกลุ่มอายุดังกล่าว ขณะที่ ตัวอื่นมีข้อจำกัดให้ใช้ในอายุ 18 ปีขึ้นไป จึงเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทำให้มีการจองซื้อ และหากได้จำนวนมาก ก็จะฉีดให้กลุ่มประชากรอื่นด้วย”

นพ.นคร กล่าวด้วยว่า วัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ที่จะเริ่มทยอยฉีดให้ประชาชนในช่วงเดือน มิ.ย. นี้  เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เบื้องต้น จะเน้นฉีดในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยและเสียชีวิต แต่ไม่ใช่ว่า จะไม่ฉีดให้คนกลุ่มอื่น เนื่องจาก วัคซีนจะฉีดตามความสมัครใจ ดังนั้น หากคนในกลุ่มเป้าหมายมีความต้องการฉีดน้อย ก็ต้องเร่งทยอยนำวัคซีนไปฉีดให้คนกลุ่มอื่น

ขณะที่ บริษัท ผู้ผลิตวัคซีน ‘ซิโนแวค’ อยู่ในระหว่างการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากเดิมที่มีข้อบ่งชี้ให้ฉีดในผู้ที่มีอายุ 18-60 ปี เป็นฉีดตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเหมือนวัคซีน ‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ที่สามารถฉีดในคนอายุ 18 ปีขึ้นไป ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตวัคซีน ‘ไฟเซอร์’ ระบุว่า ขณะนี้ ใช้ได้ในผู้อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่อยู่ในระหว่างการขอยื่นขยายกลุ่มอายุเป็น 12 ปีขึ้นไป ซึ่งหากได้วัคซีน ‘ไฟเซอร์’ มาจะเน้นฉีดในกลุ่มเด็ก

ส่วนจำนวน วัคซีน ‘ไฟเซอร์’ ที่ไทยเจรจาจองซื้อ คือ 10 ล้านโดส ซึ่งผู้ผลิตเห็นว่า เป็นไปได้ น่าจะส่งได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่ยังเป็นตัวเลขคร่าวๆ ที่ต้องมีการเจรจาเพิ่มเติม

เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  โพสต์เฟซบุ๊ก ตอบโต้เรื่องนี้อย่างละเอียด ว่า หยุดกล่าวหาเท็จ หยุดให้ร้ายกระทรวงสาธารณสุข น่าตกใจที่มีข้อมูลว่า ไฟเซอร์ เสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้านโดส แต่รัฐบาลไทย ไม่ซื้อ แม้จะมีเงื่อนไขว่า ให้วัคซีนก่อน จ่ายเงินทีหลังได้ ก็ถูกปฏิเสธ มากไปกว่านั้น ข้อเสนอนี้มาถึงประเทศไทย 4 ครั้ง ก็ยังไม่ได้รับความสนใจ

วันนี้ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงว่า ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเท็จ ผู้กล่าวหา กระทรวงสาธารณสุข ใช้ข้อมูลเท็จ มาสร้างความเสียหาย ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงดังนี้

1.Pfizer เคยเสนอขายวัคซีนให้ไทย 13 ล้าน จริงหรือไม่

ตัวเลข 13 ล้าน เป็นตัวเลขที่ไฟเซอร์ใช้ในการนำเสนอ Head Office เพื่อเตรียมการหารือกับรัฐบาล ไม่ใช่จำนวนที่เสนอขาย ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเกิดจากการกำหนดแผนที่รัฐบาลเคยตั้งว่าจะมีการจัดซื้อวัคซีนแบบ Bi-lateral agreement คิดเป็น 10% ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 6.7 ล้านคน (คนละ 2 โดส รวม ประมาณ 13 ล้านโดส)

2.ไม่ต้องใช้เงินซื้อ มีวัคซีนให้ใช้ก่อนค่อยจ่ายทีหลัง

ไม่จริง การจัดซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ ต้องมีการวางเงินจองตามเงื่อนไขในสัญญา และไม่มีการจัดส่งวัคซีนให้ก่อนแต่อย่างไร

3.ไฟเซอร์ เสนอรัฐบาลไป 4 รอบ แต่ถูกปฏิเสธ

ไม่จริง ที่ผ่านมา ไฟเซอร์ ได้เข้านำเสนอข้อมูลผลการวิจัยในระยะต่าง ๆ รวมถึงผลการใช้จริงในประเทศต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธการเข้าพบผู้แทนบริษัทฯ ที่ผ่านมาคุณลักษณะของวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค อาจมีข้อจำกัดเรื่องการขนส่ง จัดเก็บ และระยะเวลาส่งมอบ

แต่ด้วยการปรับปรุงให้สามารถจัดเก็บได้สะดวกขึ้น การขยายช่วงอายุผู้สามารถรับวัคซีนได้ในกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่ 16 ปี และอีกไม่นานในเด็กอายุ 12 รวมถึงในอนาคต

อีกทั้ง บริษัทฯ ได้มีการขยายกำลังการผลิตออกไป จึงทำให้รัฐบาลให้ความสนใจ และได้เชิญผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ในประเทศไทยเข้าหารือ ในวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งผมร่วมเป็นประธานในครั้งแรก และได้ดำเนินการสั่งจองพร้อมเข้าสู่การพิจารณาร่างเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้สามารถส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด

ขอความกรุณาทุกท่าน หยุดแชร์ข้อมูลเท็จ และหยุดแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองในสถานการณ์โรคระบาด และความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนสร้างความเข้าใจผิดต่อกระทรวงสาธารณสุข และความสับสนแก่ประชาชน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า