Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

 สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อภิปรายเปิด ซัด ‘ประยุทธ์’ ไร้ศีลธรรม “ค้าความตาย” คือความอับอายของประเทศ เป็นได้เพียงสิ่งไร้ค่าไร้ความหมายในความทรงจำ แนะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล กลับใจหยุดมองผลประโยชน์ส่วนตนร่วมกันยื่นให้ ประยุทธ์ ลาออก – ปล่อยไก่อ่านชื่อผิดเป็น ‘ประยุทธ์ ยงใจยุทธ’

31 ส.ค.2564 เวลา 09.45น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 151 จำนวน 6 คนประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม2. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข3. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน4. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม5. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ  6. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

โดยที่ประชุมกำหนดเวลาในการอภิปรายทั้งหมด 58 ชั่วโมง 30 นาที ฝ่ายค้านจะใช้ผู้อภิปรายทั้งหมด 34 คน เป็นพรรคเพื่อไทย 19 คน , พรรคก้าวไกล 6 คน , พรรคเสรีรวมไทย 3 คน , พรรคประชาชาติ 2 คน , พรรคเพื่อชาติ 1 คน , พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และยังมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายด้วย ใช้เวลาทั้งหมด 40 ชั่วโมง ส่วนของฝ่ายรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ใช้เวลา 18 ชั่วโมง 30 นาที

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

เริ่มจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวเปิดอภิปรายไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์เป็นรายชื่อแรกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรม และไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน

โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2563 จนถึงปัจจุบัน ได้รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจ และมีอำนาจตามกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จ เช่น พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผอ.ศบค. ศบศ. และผอ.ศบค.กทม. รวมถึงกฎหมายต่างๆ ถึง 40 ฉบับ ที่เป็นอำนาจในคณะรัฐบาลมาไว้กับตนเอง
นอกจากนี้ยังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และข้อสั่งการของตนในลักษณะกลืนน้ำลายตัวเอง ปล่อยปละละเลยต่อมาตรการป้องกัน ควบคุมโรคโควิด จนมีการแพร่ระบาดของโรคเป็นวงกว้างทั่วประเทศยากที่จะควบคุม ถึงขนาดที่ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว
ในเรื่องการจัดหาวัคซีน ทั้งวัคซีนหลักและทางเลือกให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ล่าช้าเลื่อนลอยไม่แน่นอน ปิดบังอำพรา ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ การตรวจหาเชื้อก็ทำได้ในปริมาณน้อย มาตรการไม่แน่นอน เครื่องมือในการตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอไม่ทันกับการแพร่ระบาดของโรคที่เพิ่มขึ้น การจัดหาเครื่องมือเป็นไปโดยทุจริต ส่วนมาตรการควบคุมโรคก็ไร้ทิศทาง ผิดเป้าหมายและแผนงาน และไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนและภาคธุรกิจได้รับผลกระทบและความเสียหายจากมาตรการของรัฐ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ เป็นรัฐบาล ที่บริหารจัดการประเทศอย่างไร้องค์ความรู้ไร้จริยธรรม และไร้ศีลธรรมเป็นรัฐบาลที่กล้า ที่จะค้าความตายส่งมอบความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานให้กับประชาชน อย่างถ้วนหน้าโดยท่านไม่รู้สึกละอายต่อสิ่งที่กระทำไป”
พฤติการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะ “ค้าความตาย” เห็นวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะเหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข โดยหวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพ และคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน เพิกเฉยละเลยทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่หลากหลายและทั่วถึง ภายใต้โครงการโคแวกซ์ Covax จนกระทั่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องออกมาขอโทษประชาชน เมื่อประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่เอาผิดกับประชาชนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน
นายสมพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหม ยังเห็นชอบและปล่อยปละละเลยให้มีการเสนอและใช้จ่ายงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีสถานการณ์การสู้รบใดๆ เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ทำให้ประเทศไทยถึงจุดที่เรียกว่าตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์และกลายเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัยในสายตา
“ผู้นำเช่นพลเอกประยุทธ์ คือความอับอายของประเทศ ไม่ใช่ผู้นำของปัจจุบัน ไม่ใช่ผู้นำของอนาคต พลเอกประยุทธ์ เป็นได้เพียงสิ่งไร้ค่าไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อไปเท่านั้น”
ทั้งนี้ขอให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หยุดมองผลประโยชน์ส่วนตน และร่วมกันยืนตามความต้องการประชาชนให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก พล.อ.ประยุทธ์คือความอับอายของประเทศโดยแท้ และฝ่ายค้านเห็นว่าเราไม่อาจไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป

ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงแรกเริ่มจากนายสมพงษ์ เริ่มอ่านญัตติอภิปราย โดยมีการพูดรายชื่อผู้ที่ถูกอภิปราย แต่กลับเกิดข้อผิดพลาด เมื่ออ่านนามสกุลนายกฯ ผิดว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี…” ซึ่งเป็นการนำชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คนปัจจุบัน ไปรวมกับนามสกุลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ

เมื่อเริ่มมีเสียงหัวเราะจากบรรดา ส.ส.ทางผู้นำฝ่ายค้าน จึงพูดแก้ทันทีว่า “ประทานโทษ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม”

แต่ไม่ทันไร เมื่อเข้าสู่เรื่องจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ผู้นำฝ่ายค้านยังพูดชื่อนามสกุลนายกฯ ผิดเหมือนเดิมว่า “เรื่องที่จะอภิปรายมีดังต่อไปนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี และ…” ก่อนจะมีเสียงแทรกขึ้นมาว่า “จันทร์โอชาๆ” เจ้าตัวจึงรีบพูดแก้อีกครั้งว่า “ขอประทานอภัยครับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา”

นอกจากนี้ในช่วงระหว่างอ่านญัตติ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล อย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงอยู่ตลอด จนทำให้นายชวน ได้ห้ามปราม และระบุว่าการลุกขึ้นประท้วงทำให้เสียเวลาในการอภิปราย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า