Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘สมศักดิ์’ วิ่งแจง 2 กมธ. แทน นายกฯ ‘เศรษฐา’ ปมฝากตั้ง “ผู้กำกับฯ ใหม่” ชี้คำพูดอยู่ที่คนตีความ แต่หลักการฝ่ายการเมืองแทรกแซงการแต่งตั้งไม่ได้ ยันไม่มีตั๋วแต่งตั้งตำรวจ

ที่รัฐสภา วันนี้ (7 ธ.ค. 66) มีการประชุม คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน กมธ. มีวาระพิจารณากรณี ปรากฎข่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พูดในที่ประชุม สส. พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการว่า ในที่ประชุมนี้อาจมีทั้งคนสมหวังและไม่สมหวัง เป็นเหตุให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า จะมีการใช้อำนาจก้าวก่ายหรือแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจหรือไม่

ซึ่งนายเศรษฐา ได้มอบหมายให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงแทน เนื่องจากติดสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ จ.นครราชสีมา

นายชัยชนะ กล่าวว่า ประเด็นที่นายกรัฐมนตรีพูด ไม่ใช่เรื่องกระทำผิดตามเอกสาร แต่เป็นคำพูดของนายกฯ ดังนั้น คนที่ชี้แจงได้ดีที่สุด คือนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นการพูดภายใต้จิตสำนึกของนายเศรษฐา ข้อเท็จจริงอยู่ในตัวเอง เมื่อนายกรัฐมนตรี ติดภารกิจที่สำคัญมากกว่าประเทศ คือสัมมนาพรรคเพื่อไทย ดังนั้นของให้รองนายกรัฐมนตรี พูดภายใต้รกบอกฎหมาย แต่ขอฝากถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่าหากไม่สะดวกมาที่สภาผู้แทนราษฎร แต่ทางกมธ.จะขอไปเจอที่ทำเนียบรรัฐบาล เพื่อสอบถามสิ่งที่พูดดังกล่าวหมายถึงอะไร

นายสมศักดิ์ ชี้แจงต่อกมธ. ตอนหนึ่งว่า การแต่งตั้งใครไม่ใช่ใช้ความรักหรือความชอบ เพราะต้องทำตามกรอบของรัฐธรรมนูญ 2560 มีกรอบตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และแนวทางตามกรอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ ซึ่งกำหนดหลักการไว้คือ ข้าราชการการเมืองไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงแต่งตั้งโยกย้าย โอน เลื่อน ย้าย ข้าราชการ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากนั้นแล้วการโยกย้ายข้าราชการต้องคำนึงถึงหลักคุณธรรม ความรู้ความสามารถ ความเหมาะสม ซึ่งตนมองว่ากลไกที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจ ที่ทำให้เกิดการปฏิรูประบบราชการตำรวจ นั้นมีความน่าเชื่อถือที่จะตอบสนองความเป็นธรรม คุณธรรมด้านต่างๆ

“คำพูดของนายกรัฐมนตรี ตามที่วิจารณ์กันไปนั้น มองอาจมองได้หลายแง่มุม แล้วแต่คนที่จะคิด แต่การทำงานที่ชัดเจนตามกรอบกฎหมาย หากมองว่านายกรัฐมนตรี พูดนั้นไม่ใช่ แต่นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันแล้วว่าภาพรวมที่ สส.ได้เจตนาให้นายกรัฐมนตรี ทำงานแก้ปัญหายาเสพติด โดย สส.กดดันให้นายกรัฐมนตรี ต้องหาคนดี มีคุณธรรม และขาวสะอาดเพื่อไม่ให้มีปัญหาการรับเงินรับทอง นายกรัฐมนตรี บอกว่าตอบสนองทุกคนไม่ง่าย เพราะเป็นเรื่องที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพียง 2 เดือน แต่ในภาพรวมอยากให้ได้คนดีมาแก้ปัญหายาเสพติด และหนี้นอกระบบ ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกลุ่มพูดคุยที่ตรงกันคือปัญหายาเสพติด ส่วนคนที่จะคิดอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ทราบในข้อเท็จจริงตามกฎหมายในอนาคต” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี เรื่องตั๋วตำรวจและการปราบยาเสพติด ตามที่ปราากฎเป็นข่าวคำให้สัมภาษณ์ของ ผบ.ตร. วันที่ 23 พ.ย. 66 ยืนยันว่า ไม่มีระบบตั๋ว รวมถึงคำสัมภาษณ์ของนายกฯ ในฐานะประธาน ก.ตร. ที่ขอให้ ก.ตร. การสร้างระบบคุณธรรมในราชการตำรวจ เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ประชาชนพึงพอใจ ต้องรับฟังประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่การขอบุคคลรายใดรายหนึ่งเพื่อมาดำรงตำแหน่ง

นายชัยชนะ กล่าวตอบว่า ตนขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ถึงการปราบปรามปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน ส่วนประเด็นการโยกย้ายนั้น เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรี ควรมาชี้แจงต่อ กมธ.ด้วยตนเอง เพราะเมื่อครั้งที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยังเคยมาชี้แจงกับกมธ.ตำรวจ ดังนั้นนายเศรษฐา อย่าหนีการชี้แจงเพราะนายกรัฐมนตรีเป็นลูกผู้ชายตัวจริง

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เข้าชี้แจงต่อ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานกมธ. ซึ่งมีวาระพิจารณาในประเด็นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้ซักถามถึงประเด็นที่นายเศรษฐา พูดกับที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งที่ระบุว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการ ในที่ประชุมนี้อาจมีทั้งคนสมหวังและไม่สมหวัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบตั๋วยังคงมีอยู่ และแปลได้ว่าหมายถึง สส. ทั้งนี้เมื่อผลการแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้นพบว่ามีบุคคลใกล้ชิดของผู้หญิงคนหนึ่ง และมีฐานะเป็นหลาน ได้พบความมสมหวัง ดังนั้นควรระบุให้ชัดเจนว่ามีหลักเกณฑ์วัดความสามารถอย่างไร เหนือกว่าบุคคลอื่นหรือไม่และทำให้สังคมเข้าใจว่ามีตั๋วผู้กำกับ

นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า ตนยืนยันว่าไม่มีตั๋วแต่งตั้ง เพราะถูกกำกับโดยกฎหมาย แต่หากมีระบบตั๋วเกิดขึ้น ตามกฎหมายจะมีกลไกคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ตามกฎหมายตำรวจ ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ส่วนความถูกใจหรือไม่เป็นเรื่องของคนหมู่มาก ทั้งนี้คำพูดที่นายกรัฐมนตรี พูดนั้น เป็นการตีความกันไปกันมา แต่เจตนาของนายกรัฐมนตรี ตามที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไม่เป็นเช่นนั้น

ระหว่างการประชุม กมธ. นายรังสิมันต์ ได้ถามย้ำถึงความสมหวังหรือไม่สมหวังตามคำพูดที่นายกฯ พูดในที่ประชุมสส. โดยระบุว่า “ท่านสมศักดิ์ สมหวังหรือไม่” ทำให้นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “คำว่าสมหวัง หรือไม่สมหวัง ผมมองว่า สส. ส่วนใหญ่อยากแก้ปัญหายาเสพติด และอยากได้คนดี คนที่ไม่รับเงินใต้โต๊ะไปแก้ปัญหาในพื้นที่ หากได้คนดีเท่ากับว่าเป็นความสมหวัง ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่ได้ตั๋ว”

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า