Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

นายกฯ บอกอย่าสนใจเวทีดีเบต ผู้ว่าฯ กทม.ปลุกกระแสรัฐประหาร เชื่อไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ส่วนมาตรการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มใช้น้ำมันเบนซิน จะพิจารณาช่วยผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ ก่อน

วันที่ 17 พ.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า รัฐบาลเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ รวมทั้งการฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้มีมาตรการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ภัยแล้ง โรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และมีเป้าหมายจะช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด โดยได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงบูรณาการกันเพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) ให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยจะต้องมีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต เพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุน รวมทั้งการติดตั้งสถานีวัดอากาศเพื่อลดความเสี่ยงจากสภาพอากาศ การจัดทำ Big Data ภาคการเกษตร การพัฒนาแพลตฟอร์ม สนับสนุนให้เกษตรกรทำเกษตรแปลงใหญ่ และจัดให้มีการเช่า การแชร์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร ตลอดจนการขยายไปสู่ตลาดออนไลน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นทางรอดและทางรุ่งของภาคเกษตรกรรมของไทย รวมทั้งจะต้องแสวงหาความร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานต่าง ๆ ทุกภาคส่วน ทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานทุก 3 เดือน ด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความห่วงใยที่ประเทศไทยเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องดูแลกลุ่มผู้สูงอายุให้ดีที่สุด ให้คนกลุ่มนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีรายได้ที่เพียงพอ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหลักประกันที่มั่นคงและเป็นพลังร่วมกันในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป เพราะกลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่มีคุณค่าแก่สังคมไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนด้านราคาพลังงานว่า รัฐบาลรับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และวันนี้ ครม. ได้มีการพิจารณาขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นความจำเป็นที่จะต้องดูแลพี่น้องประชาชนและภาคการผลิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นไปตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน สินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับตามต้นทุนค่าขนส่ง ทั้งนี้ มีอีกหลายมาตรการที่กำลังหารือร่วมกันอีก

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมีหลายอย่างที่ดีขึ้น แม้บางอย่างยังลดลงอยู่เนื่องจากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและเรื่องของสงคราม ซึ่งคาดหวังว่าจะสิ้นสุดลงได้โดยเร็ว และการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับน้ำมันดีเซลเพราะถือเป็นต้นทุนภาคการผลิตด้านการขนส่งด้วย ส่วนกรณีน้ำมันเบนซินจะพิจารณาต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันประหยัดพลังงานในส่วนที่สามารถช่วยกันได้ ในส่วนของรัฐบาลแม้ว่าการจัดเก็บรายได้จะลดลง แต่ก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทับซ้อนกลับมาในอนาคต

  • เมื่อถามถคงมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเบนซิน

นายกรัฐมนตรี ตอบว่า จะมีการพิจารณาเฉพาะกลุ่ม ถ้าทำทั้งหมดจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่รู้จะเอามาจากไหน ที่ให้ความสำคัญน้ำมันดีเซล เพราะเป็นต้นทุนในการผลิต ทั้งการขนส่งสินค้า การบริการ และการขนส่งมวลชน

“การช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเบนซินจะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ ที่เหลือถ้าพอช่วยกันได้ก็ช่วยเหลือกันไปก่อนเถอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรเราจะสามารถช่วยกันประหยัดพลังงานลงไปได้ จะได้ลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไปบ้าง รัฐบาลอยากช่วยทุกวัน ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลมีรายได้อย่างไร ใช้งบประมาณไปมากน้อยแค่ไหนในการแก้ปัญหาต่างๆ คือ เรายังให้ทุกอย่างอยู่ ไม่ได้หยุดอะไร ถึงแม้จะมีโควิดเข้ามาก็ตาม ถึงแม้มาตรการเก็บรายได้จะลดลงก็ตาม ถ้าเราทำอย่างไม่ระมัดระวังวันหน้าปัญหาจะทับซ้อนกลับมา” นายกฯ กล่าว

• ใครจะรัฐประหารให้ย้อนไปดูพฤติกรรมที่แต่ละคนทำไว้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าถึงการที่เวทีดีเบตหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. มีการนำเรื่องรัฐประหาร มาถาม มาแสดง ความคิดเห็นว่า ก็เป็นเรื่องของเขา นายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีเพียงสิทธิ 1 เสียงที่จะเลือกแค่นั้น ถ้าใครพูดอะไรมา ก็อยากให้ไปดูเรื่องเก่าๆ ของเขาด้วยว่า แต่ละคนทำอะไรมา

ผู้สื่อข่าวบอกว่าเหมือนเป็นการปลุกการต่อต้านรัฐประหาร นายกฯ บอกว่า ก็อย่าไปสนใจ ใครจะรัฐประหาร ทำมาเมื่อไร ทำมาเพราะอะไร ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมสมัยก่อนละกัน บ้านเมืองอยู่มาวันนี้ได้ สงบแบบนี้ได้เพราะอะไร ใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่มีหรอก ผมก็ไม่อยากทำ ส่วนการปาฐกถาพิเศษอนาคตประเทศไทยที่จะมีขึ้นใน 19 พ.ค.นี้ ยืนยัน ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการเสวนาให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาล รับฟังความคิดเห็นและตอบคำถาม

ส่วนการปาฐกถาพิเศษอนาคตประเทศไทยที่จะมีขึ้นใน 19 พ.ค.นี้ ยืนยัน ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็นการเสวนาให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาล รับฟังความคิดเห็นและตอบคำถาม

เมื่อถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการพระสงฆ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปกครองสงฆ์มีระเบียบของสงฆ์ดูแลอยู่เหมือนกัน มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ไปติดตามเรื่องเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือประชาชนอย่าไปทำให้ท่านเสียหาย ถ้าท่านทำเสียหายด้วยตัวเองก็แจ้งเข้ามาเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ พระก็มีการปกครองของพระอยู่

สรุปผลประชุม ครม. https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/54659

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า