คณะรัฐมนตรีไฟเขียว “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5” เปิดลงทะเบียนกุมภาพันธ์นี้

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5” เปิดลงทะเบียนกุมภาพันธ์นี้ กำหนดให้ 1 คน จะได้รับสิทธิ์สูงสุดไม่เกิน 5 สิทธิ์

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติอนุมัติโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ส่วนที่สอง โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมงบประมาณทั้งสิ้น 3,946 ล้านบาท

โดยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ใช้วงเงิน 2,016 ล้านบาท เป็นการให้จำนวนสิทธิ์ทั้งสิ้น 560,000 สิทธิ์ กลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ 112,000 คน และกำหนดให้ 1 คน จะได้รับสิทธิ์สูงสุดไม่เกิน 5 สิทธิ์ จากเฟสเดิม 1 คน จะได้รับทั้งหมด 10 สิทธิ์ ซึ่งจะเป็นการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่ประกอบด้วยจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์ต่อห้อง โดยที่รัฐจะสนับสนุนให้ 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้อง มีคูปอง E-Voucher ให้อีก 560,000 สิทธิ์เช่นเดียวกัน โดยที่รัฐจะสนับสนุนให้ 40% แต่ไม่เกิน 600 บาทต่อสิทธิ์

โดยโครงการนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2566 ส่วนการกำหนดวันลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com จะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนที่ 2 โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นโครงการที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 รวมถึงเป็นการสนับสนุนประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น วงเงินทั้งสิ้น 1,930 ล้านบาท

โดยโครงการประกอบด้วย 1. การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทย 2. การกระตุ้นนักท่องเที่ยวไทยให้ท่องเที่ยวภายในประเทศ 3. การสื่อสารประชาสัมพันธ์ 4. ยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

ทั้งนี้โครงการเราเที่ยวด้วยกันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพิจารณาแนวทางในการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ ตลอดจนการสนับสนุนกิจการภาคการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ ภายหลังการผ่อนคลายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19