Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สรุปความเคลื่อนไหว ‘ตะวัน-แบม’ ยืนยันเดินหน้าอดอาหาร-อดน้ำต่อจนกว่าผู้ต้องขังทางการเมือง 14 คน จะได้ปล่อยตัว ขณะที่ พ่อ-แม่ รุดเยี่ยมในวันเสาร์แต่ไม่ได้รับอนุญาต ด้านกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงระเบียบเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้เฉพาะวันเวลาราชการปกติ

กรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และน.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) 2 ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ที่อดอาหารและอดน้ำ เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง มาเป็นเวลากว่าสิบวันแล้ว

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รวมทั้งพ่อแม่ของตะวันและแบม ได้แถลงข่าวที่บริเวณอาคารผู้ป่วยยูงทอง 2 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในวันนี้ (4 ก.พ. 66)

โดยสรุป ทนายกฤษฎางค์ บอกว่า วันเสาร์-อาทิตย์ โดยปกติกรมราชทัณฑ์ไม่ได้ให้เข้าเยี่ยม แต่เนื่องจากเด็กยังอดอาหาร แล้วเสาร์-อาทิตย์ เข้าสู่วันที่ 14-15 ของวันที่อดอาหารเป็นช่วงวิกฤต เราจึงขอเข้าเยี่ยมเป็นกรณีพิเศษไปกับทางกระทรวงยุติธรรม ตอนแรกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) บอกว่า ให้เข้ามาได้ แต่ช่วงหัวค่ำเมื่อวานนี้ตนได้รับโทรศัพท์ว่า ปลัดกระทรวงยุติธรรมปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีระเบียบ

“อยากเตือนข้าราชการ ปลัดกระทรวงยุติธรรมว่า ความตายมันไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ การเจ็บป่วยไม่มี และผมไม่เชื่อว่า จะไม่อนุญาตให้พ่อแม่เข้าไปเยี่ยมเด็กได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งๆ ที่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ มีผู้คุม 4 คน คุมเด็ก 2 คนไว้ ที่กำลังนอนแหมบอยู่กับเตียง” ทนายความ กล่าว

ทนายความกฤษฎางค์ ยังบอกด้วยว่า เมื่อวาน (3 ก.พ. 66) ที่ได้เยี่ยม อาการของทั้งสองคนทรุด ลงนั่งไม่ได้ ก็คือนอนคุย นั่งอยู่สักครู่ก็ขอนอน ซึ่งเป็นธรรมดาของการอดอาหาร ก็เป็นการต่อสู้ของเขาไม่ว่ากัน แต่ผลการตรวจล่าสุดของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ คือค่าโพแทสเซียมต่ำกว่าคนปกติ อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังของทางโรงพยาบาล ขณะที่ ค่าคีโตนสูง คือผลจากการตรวจร่างกายที่ย่อยกล้ามเนื้อ ไขมัน เลือดเนื้อของตัวเองมาเป็นอาหาร ซึ่งคนปกติค่าคีโตนจะไม่สูงขนาดนี้ ร่างกายอาจมีภาวะช็อกได้แต่ก็ยังคาดการณ์ไม่ได้ ทั้งนี้แพทย์ระบุว่า อาจเข้าไปมอนิเตอร์ตรวจร่างกายทุก 2 ชั่วโมง แต่ทางพ่อแม่ของทั้งสองคนขอเป็นให้มอนิเตอร์ตรวจร่างกายทุก 1  ชั่วโมง เพราะปกติจะตรวจทุก 6 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หลังจากได้บอกความคืบหน้าที่เกิดในภายนอกให้ตะวันและแบมรับทราบ ทั้งสองคนยืนยันจะอดอาหารและอดน้ำต่อไป จนกว่าศาลจะยอมให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังหรือจำเลยทางการเมืองที่ถูกขังรวม 14 คน ซึ่งหลายคนถูกกังขังเป็นเวลาเป็นปีแล้ว และขอให้ศูนย์ทนายฯ ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังทางการเมืองดังกล่าว ในวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. อีกครั้งด้วย

[พ่อแม่ของตะวัน-แบม ห่วงจะไม่มีเวลาแล้ว]

พ่อของตะวัน

ทางด้าน พ่อของตะวัน บอกว่า เป็นกังวล เพราะลูกสาวอดอาหารมาเป็นเวลา 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ร่างกายก็ทรุดลงเรื่อยๆ จากที่นั่งคุยกันได้ตอนแรกร่างกายแจ่มใสกว่านี้มาก ตะวันหน้าตอบลงค่อนข้างเยอะ เห็นกระดูกแล้ว หน้าจากอวบๆ ตอนนี้เป็นสามเหลี่ยมแล้ว คือไม่แน่ใจว่า 2-3 วันนี้ ถ้าเกิดว่าร่างกายดูดไขมันดูดกล้ามเนื้อหมด อะไรมันจะเกิดขึ้น

“ผมเกรงว่ามันจะเหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว มันอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากเจอก็ได้ครับ” พ่อของตะวัน กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

พ่อของแบม

ขณะที่ พ่อของแบม บอกว่า ได้ถามคุณหมอแล้วแต่บอกว่าต้องเป็นวันจันทร์ที่จะให้รายละเอียดได้ตอนนี้เรียกว่าเฝ้าระวัง แต่พ่อแม่เรียกว่าวิกฤติแล้วนะ คนเราไม่ได้กินอะไรมา 2 อาทิตย์ ข้อเท็จจริงไม่ได้กินจริงๆ ไม่ใช่ว่าไปแอบกินทุกคนทราบดี มันส่งผลอยู่แล้วว่า วันนี้วันเสาร์อาทิตย์ที่พ่อแม่เป็นห่วง คุณหมอบอกว่าการที่จะทำอะไรได้ต้องเป็นวันจันทร์

“คือพ่อกับแม่ไม่ได้คิดว่าลูกเราจะเก่งถึงวันจันทร์นะครับ คือ อยากจะวิงวอนท่านผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ เห็นใจเถอะครับถ้า อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าเด็กนะครับ ผมใช้คำแทนลูกผมว่าเป็นคน คนหนึ่งแล้วกันที่มาใช้วิธีนี้ ในการเรียกร้องสิทธิ ที่พึงมีพึงได้ของคนที่บัตรประชาชนเป็นคนไทยทุกคน มันต้องมีติดตัวตั้งแต่วันที่ทำบัตรประชาชนแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องมาเรียกร้องนะครับ ขอวิงวอนท่านผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ โปรดเถอะครับเก็บคนที่เป็นอนาคตของชาติไว้ด้วยความแข็งแรงเถอะครับ อย่าให้เขาต้องมาเป็นอนาคตของชาติที่ต้องฟอกไต ที่ต้องสูญเสียอวัยวะภายใน ไม่สมประกอบ แม้ภายนอกจะดูดีนะครับ คุณหมอบอกว่า ยังโต้ตอบได้ แต่พ่อแม่รู้ว่าลูกเราแค่ไหนที่เคยเห็น วัยนี้เด็กไม่ควรจะมานั่งอดอาหารกัน วัยเด็กนี้เขาควรจะสดใสร่าเริง ก็เข้าใจนะครับลูกเราคงใช้แบบปกติไม่ได้แล้วครับ ในเมื่อเส้นทางชีวิตนี้ มาถึงจุดนี้ ผมคิดว่าอนาคต ผมอยากจะเห็นเขาในสภาพที่เป็นคนที่มาร่วมต่อสู้ เรียกร้องสิทธิทั้งหมดทั้งหลายให้แก่พวกเราทุกคนโดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวใคร โดยที่มีองค์กร มีกระดูกสันหลังที่แข็งแรง พวกเราจะช่วยกันสร้างประเทศที่แข็งแรงได้ต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญทั้งนั้นแหละครับ” พ่อของแบม กล่าว

[แถลงการณ์ฉบับที่ 4 จาก มีภาวะเลือดเป็นกรด] 

โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ออกแถลงการณ์สรุปอาการป่วยของ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม ฉบับที่ 4 ประจำวันที่ 3 ก.พ. 66 ซึ่งเป็นวันที่ 11 ของการรักษา เนื้อหาระบุว่า

ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) ยังคงไม่รับประทานอาหารแต่จิบน้ำ พะอืดพะอมเวลาจิบน้ำ รู้สึกตัวดี ยังมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปากแห้ง ยังมีเลือดออกตามไรฟัน ไม่มีเลือดออกผิดปกติหรือจุดจ้ำเลือดออกที่บริเวณอื่น มีอาการแสบร้อนลิ้นปี่ มีลมในช่องท้อง เวียนศีรษะเวลาเปลี่ยนท่า นอนหลับยาก สามารถโต้ตอบได้ อารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ การตอบสนองทางอารมณ์เหมาะสมกับเรื่องราวที่พูดคุย สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดที่เจาะจากปลายนิ้วยังคงต่ำกว่า 65 mg/d. มีภาวะเกลือแร่ต่ำหลายชนิด มีภาวะเลือดเป็นกรด ค่าคีโตนสูง (serum ketone 5.46 mmoV) เนื่องจากภาวะอดอาหาร ปฏิเสธคำแนะนำเรื่องการดื่มน้ำผสมวิตามินซี เพื่อบรรเทาอาการเลือดออกตามไรฟัน

อรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) ยังคงไม่รับประทานอาหารแต่จิบน้ำ พะอืดพะอมเวลาจิบน้ำ รู้สึกตัวดี ยังมีอาการอ่อนเพลีย หายใจเหนื่อย ปากแห้ง ปวดกรามลดลง มีอาการแสบร้อนลิ้นปี มีลมในช่องท้อง ต้นขาอ่อนแรงเวียนศีรษะเวลาเปลี่ยนท่า นอนไม่หลับ สามารถโต้ตอบได้ อารมณ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ การตอบสนองทางอารมณ์เหมาะสมกับเรื่องราวที่พูดคุย สัญญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดที่เจาะจากปลายนิ้วเริ่มต่ำกว่า 70 mg/dL มีภาวะเกลือแร่ต่ำหลายชนิด มีภาวะเลือดเป็นกรด ค่าคีโตนสูง (serm ketone 5.47 mmolL) เนื่องจากภาวะอดอาหาร ได้รับคำแนะนำให้จิบน้ำเกลือแร่ เพื่อบรรเทาภาวะเลือดเป็นกรด

[กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีข่าว ปลัดกระทรวงยุติธรรมห้ามเยี่ยม ตะวัน-แบม]

น.ส.จุฑารัตน์ จินตกานนท์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า ตามที่มีประเด็นข่าวบิดเบือนว่า นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์  ปลัดกระทรวงยุติธรรม ห้ามไม่ให้เยี่ยมแบมและตะวัน ทั้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอนุญาตแล้วนั้น

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงว่า ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการเยี่ยม การติดต่อของบุคคลภายนอกกับผู้ต้องขัง และการเข้าดูกิจการหรือติดต่อการงานกับเรือนจำ พ.ศ. 2561 กำหนดไว้อย่างชัดเจนในเรื่องของการเยี่ยม หมวด 4 ข้อ 24 ระบุว่า

“…ให้มีการเยี่ยมผู้ต้องขังป่วยในระหว่างวันเวลาราชการตามปกติ โดยให้จัดเยี่ยมในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือ สถานพยาบาลของเรือนจำหรือสถานที่อื่นใด อันสมควรแต่ต้องเป็นสถานที่ ที่ญาติและผู้ต้องขังได้สนทนากัน อย่างใกล้ชิดและเยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน 30 นาที..”

ระเบียบปฏิบัติดังกล่าวได้ยึดถือในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกรายโดยเท่าเทียมกัน โดยในวันศุกร์ที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา บุคคลที่มีรายชื่อ ตามที่แบมและตะวันได้แจ้งความประสงค์ให้เข้าเยี่ยมไว้ ทั้งบิดามารดาทนายความและเพื่อนที่มีรายชื่อ ก็ได้เข้าเยี่ยมตามปกติ ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. เป็นต้นมา ทางทนายความญาติหรือบุคคลที่มีรายชื่อให้เยี่ยมของทั้งสองรายไม่เคยได้เข้าเยี่ยมในวันหยุด จึงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้วในเรื่องระเบียบดังกล่าว

ดังนั้น จึงขอสร้างความเข้าใจต่อสังคมว่า กรมราชทัณฑ์ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เรือนจำและทัณฑสถานปฏิบัติหน้าที่กับบุคคลที่อยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ทุกคน โดยยึดถือกฎ ระเบียบ และมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรือนจำ (SOPs)อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกันในทุกเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศตามสิทธิที่ผู้ต้องขังทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกันและไม่มีการให้อภิสิทธิ์กับใครเป็นพิเศษ พร้อมทั้ง ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวบิดเบือนหรือข่าวปลอมที่อาจสร้างกระแสเพื่อสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า