Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เปิดบทสัมภาษณ์ นักแสดง-ผู้กำกับจากภาพยนตร์ ‘Seoul Vibe  ซิ่งทะลุโซล ปลุกกระแสเรโทรจากเกาหลียุค 80

 

Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล (Seoul Vibe) พร้อมแล้วที่จะพาเราย้อนไปสู่เกาหลีใต้ในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังวิ่งไล่ตาม American Dream ในรูปแบบของเกาหลีเอง โดยมี “ซังกเยดงซูพรีมทีม” แก๊งนักซิ่งวัยรุ่นสุดฮิปแห่งยุคสมัย มาเป็นตัวหลักในการเดินเรื่อง หลังจากพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้จากอัยการอัน และจับพลัดจับผลูเข้าไปพัวพันกับคดีเงินทุนสกปรกของกลุ่มคนระดับวีไอพี

 และแน่นอนว่างานนี้ workpointTODAY PLAY ก็ไม่พลาดที่จะหยิบบทสัมภาษณ์จากงานแถลงข่าวของ ทีมนักแสดง ยูอาอิน, โกคยองโพ, อีคยูฮยอง, พัคจูฮยอน, องซองอู, มุนโซรี และผู้กำกับ มุนฮยอนซอง ที่จะมาพูดคุยเล่าถึงเบื้องหลังการทำงาน การเตรียมตัวสำหรับบทบาท และเคมีระหว่างนักแสดง ก่อนไปชมภาพยนตร์แบบเต็มๆ ได้แล้ววันนี้ ทาง Netflix

Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับอะไร

 ยูอาอิน: Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล เป็นภาพยนตร์ที่เล่าย้อนกลับไปยังกรุงโซลในปี 1988 ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่สดใส สนุกสนาน และลุ้นระทึกของวัยรุ่นแก๊งซิ่งรถที่เต็มไปด้วยแพชชั่นครับ

อะไรคือเหตุผลที่ผู้กำกับเลือกปี ค.ศ.1988 เป็นพื้นหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง: อย่างที่หลาย ๆ คนน่าจะทราบกันดี ผมคิดว่าปี 1988 เป็นยุคที่ประชาชนในสังคมเกาหลีขัดแย้งกันอย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีการร่วมมือกันมากที่สุด ถ้าได้เพิ่มคอนเซ็ปต์ หรือไอเท็มที่มีกลิ่นอายฮิปฮอปเข้าไป น่าจะเกิดเป็นภาพยนตร์ที่แปลกใหม่ และเหนือความคาดหมายก็ได้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ ผมอยากให้ลองชมว่าพื้นหลังของยุคสมัยนั้นจะเข้ากันได้ดีกับคอนเซ็ปต์ที่พวกเราวาดไว้อย่างไร แล้วผู้ชมน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับว่าทำไมพวกเราถึงเลือกพื้นหลังเป็นปี 1988

ช่วยเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจร่วมแสดงในผลงานเรื่องนี้

ยูอาอิน: ดูจากตัวผลงานแล้วผมรู้สึกว่ามันท้าทายมากครับ ถึงจะไม่ทราบแน่ชัดว่าความท้าทายครั้งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบไหน แต่ผมอยากให้เป็นบรรยากาศที่ท้าทาย หลังจากการรอคอยอันแสนนาน ผมก็ได้ทราบข่าวว่าจะได้มีโอกาสแสดงร่วมกับนักแสดงทีมนี้ และถ้าเป็นพวกเขาก็น่าจะทำออกมาได้ดี จึงได้ตัดสินใจตอบตกลงอย่างกระตือรือร้นครับ

กคยองโพ: ทันทีที่ได้ทราบข่าวว่านักแสดงยูอาอินตอบตกลงรับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติ และดีใจมากที่จะได้ร่วมงานกับเขา ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้ร่วมงานด้วยกันก็ตามครับ ผมได้ลองใช้ชีวิตในยุค 1988 มาแล้วจากผลงานเรื่อง Reply ผมเลยอยากลองใช้ชีวิตในยุคนั้นอีกครั้งในแบบที่แปลกใหม่ออกไป จึงได้ตกลงรับบทในเรื่องนี้ครับ

อีคยูฮยอง: เป็นครั้งแรกที่ผมได้ร่วมงานกับนักแสดงทุกท่านในเรื่องนี้ พอได้ทราบไลน์อัปนักแสดงผมก็คิดว่าน่าจะสนุกไม่น้อยถ้าได้แสดงร่วมกับนักแสดงทีมนี้ จึงได้ตอบตกลง  และมันก็สนุกอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ ด้วยครับ

พัคจูฮยอน: ฉันเองก็ชื่นชอบสมาชิกในแก๊งของเรา มีรุ่นพี่นักแสดงที่ทำให้ฉันใจเต้นรัวหลายท่านร่วมแสดงด้วย ตัวละครที่ฉันได้รับเป็นตัวละครที่สร้างสีสัน และฉันมั่นใจว่าถ้าแสดงร่วมกับนักแสดงทีมนี้ ฉันจะสามารถแสดงได้อย่างเป็นกันเองและสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจน เลยตัดสินใจรับบทในเรื่องนี้ค่ะ

องซองอู: ครั้งแรกที่ได้อ่านบทผมรู้สึกตื่นเต้น และดีใจมากเลยครับที่มีผลงานดีๆ แบบนี้เข้ามา พอได้ทราบไลน์อัปนักแสดง ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมากและตั้งตาที่จะได้ทำความรู้จักและสนิทกับพี่ๆทุกคนตั้งแต่ก่อนถ่ายทำแล้วครับ

มุนโซรี: ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงเหตุการณ์ในปี 1988 สามีของฉันได้สร้างหนังที่มีพื้นหลังเป็นปี 1987 ไปแล้ว ตัวฉันเองก็เลยอยากจะลองสัมผัสยุคสมัยของปี 1988 ดูบ้าง นอกจากนั้น ในเรื่องนี้ยังมีทีมนักแสดงสุดฮิปมาร่วมแสดง ฉันเองก็อยากร่วมจอยกับพวกเขาบ้าง อีกอย่างคือฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องรับบทตัวร้ายแล้ว เลยรู้สึกดีใจมากที่ได้รับบทนี้ค่ะ

ช่วยเล่าถึงเหตุผลและความเป็นมาในการแคสติ้งนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง: ความจริงผม และทีมงานทุกคนให้ความสำคัญกับการแคสติ้งไม่น้อยกว่าการถ่ายทำเลยครับ โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ามันเหนือความคาดหมายมากที่นักแสดงทุกคนตอบตกลงอย่างยินดี ต้องขอบคุณทีมนักแสดงทุกคนที่ช่วยทำให้ภาพยนตร์ Seoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล สมบูรณ์แบบมากขึ้นครับ

ช่วยอธิบายเกี่ยวกับบทบาทของตัวละครที่คุณได้รับให้ฟังหน่อยได้ไหม

ยูอาอิน: “ดงอุค” เป็นตัวละครที่แตกต่างจากตัวจริงของผมอย่างลิบลับเลยครับ รูปลักษณ์ภายนอกเขามีความรุงรังด้วยจินตนาการ และใฝ่ฝันเกี่ยวกับกับวัฒนธรรมตะวันตกในสมัยนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นที่พร้อมจะไล่ล่าความฝันของตัวเอง

บทบาทที่ได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้คือนักซิ่งรถ แต่ได้ยินมาว่าในความเป็นจริงคุณไม่ค่อยเป็นมิตรกับรถยนต์กันเท่าไรนัก

ยูอาอิน: ผมมีใบขับขี่รถยนต์แบบธรรมดานี่แหละครับ แต่เพื่อภาพยนตร์ผมก็พยายามทำความคุ้นเคยกับรถอย่างเต็มที่ โดยได้ไปที่สนามเซอร์กิต และเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ และการดริฟท์จากนักดริฟท์ตัวจริง

โกคยองโพ: สวัสดีครับ ผมดีเจ จอห์น อู ครับ! ตัวละครที่ผมได้รับเป็นดีเจที่เรียกตัวเองว่าสายลับครับ เป็นตัวละครสำคัญของภาพยนตร์ที่ขาดไม่ได้ ผมได้ลงทุนซื้อเซตอุปกรณ์ดีเจไว้ที่บ้านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้ อุตส่าห์เซ็ตไว้อย่างดีเลย แต่เนื่องจากตารางถ่ายทำที่ยุ่งมาก เลยไม่ค่อยได้ซ้อมมากเท่าที่ควร ทำให้ตอนเล่นจริงมือแข็งกว่าตอนซ้อมมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจ และหวังว่าสักวันจะได้โชว์การเป็นดีเจให้ทุกคนได้เห็นกันในโอกาสหน้าครับ

อีคยูฮยอง: บกนัม เป็นพี่คนโตประจำแก๊งซูพรีมทีมที่คอยดูแลเรื่องสภาพจิตใจ และความเป็นอยู่ของเด็กๆ ในแก๊ง นอกจากนั้นยังรับหน้าที่เป็นเนวิเกเตอร์ประจำกลุ่มอีกด้วยครับ ในสมัยนั้นยังไม่มีเนวิเกเตอร์ แต่ด้วยประสบการณ์การขับรถแท็กซี่ทำให้เขาชำนาญเส้นทางในกรุงโซล เพื่อการนำทางที่เหมาะสมผมได้ลองฟังเสียงเนวิเกเตอร์จากหลายๆ ที่เพื่อที่จะได้สื่อออกมาได้ดีที่สุดครับ

พัคจูฮยอน: ฉันรับบทเป็น ยุนฮี ประธานสมาคมรถจักรยานยนต์แห่งกรุงโซล ในความคิดฉัน ฉันคิดว่ายุนฮีต่อสู้เก่งที่สุดในแก๊งนะคะ เธอเป็นคนมั่นใจ และเถรตรง แต่ก็มีน้ำใจและมีความน่ารักน่าเอ็นดู ถือเป็นตัวละครที่คอยช่วยเหลือพวกพี่ๆในสถานการณ์ที่ต้องใช้พละกำลังค่ะ

ในเรื่องคุณเป็นถึงประธานชมรมรถจักยานยนต์แห่งกรุงโซล คงไม่ง่ายเลยที่จะต้องฝึกขับมอเตอร์ไซค์ ไม่ทราบว่าคุณมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

พัคจูฮยอน: โชคดีที่ฉันขับมอเตอร์ไซค์เป็นอยู่แล้ว เลยคิดว่าไม่น่าจะยากเท่าไหร่ แต่พอได้ไปเห็นนักแข่งตัวจริงที่สนาม ถึงได้รู้ว่ามันคนละชั้นกันเลยค่ะ เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ของตัวเองเป็นรุ่นเดียวกับรถที่ยุนฮีใช้ในเรื่อง ส่วนล้อรถอาจจะไม่เหมือนเป๊ะ แต่ก็พยายามหาที่ใกล้เคียงที่สุดเพื่อทำให้มือ และเท้าคุ้นเคยกับรถให้ได้มากที่สุดค่ะ

องซองอู: จุนกิเป็นน้องเล็กมือทอง (น้องเล็กทองคำ) ที่น่ารักน่าเอ็นดู เป็นทั้งมาสคอตประจำแก๊ง และช่างซ่อมอัจฉริยะฝีมือฉกาจ นอกจากจะเป็นน้องเล็กที่คอยสร้างรอยยิ้มแล้ว ก็ยังรับหน้าที่ดัดแปลงรถให้เท่ห์พร้อมใช้ในภารกิจพิเศษครับ

มุนโซรี: คังฮโยจองเป็นคนจัดสรรเงินทุนของเหล่าผู้มีอิทธิพล และเป็นเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้แห่งมยองดง ฉันได้จ้างแก๊งซูพรีมทีมเพื่อไปส่งของ แต่ระหว่างส่งของดันเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาค่ะ

ผู้กำกับได้กล่าวว่านักแสดงมุนโซรีทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แข็งแกร่งขึ้น ในด้านของการแสดงคุณได้เตรียมตัวเพื่อที่จะถ่ายทอดบทบาทอย่างไรบ้าง

มุนโซรี: ฉันพยายามถ่ายทอดกลิ่นอายของปี 1988 ให้มากที่สุด แต่จริงๆ แล้วแฟชั่นฮิปฮอปในเรื่องนี้ไม่ได้แตกต่างจากแฟชั่นฮิปฮอปในปัจจุบันมากนัก เพราะกระแสนิยมวนกลับมาอีกครั้ง ฉันทำการบ้าน และหาแหล่งอ้างอิงดูจากหลายๆที่ จนตัดสินใจว่าจะทำทรงผมให้เว่อร์วังตามแบบของรุ่นพี่คิมชูจา ภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน คือจะต้องถ่ายถอดตัวละครที่มีอายุมากที่หมกมุ่นอยู่แต่กับเงิน และอำนาจ มีแต่ความโลภออกมาให้ยังคงดูร้ายแต่ก็ยังคงความเท่ห์ไว้ได้อย่างไรค่ะ

คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถ่ายทอดบรรยากาศแบบนิวเรโทร (new retro) ของปี 1988 อยากทราบว่าผู้กำกับได้ทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้อย่างไร

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง:  ในปี 1988 ผมเองก็ยังเป็นเด็กประถม จึงอาจจะจำรายละเอียดได้ไม่แม่นยำนัก แต่ก็ได้หาข้อมูลบันทึกของสมัยนั้น และทำการบ้านเพิ่มเติมครับ สิ่งที่ยากสำหรับผมคือจะสร้างคอนเซ็ปต์ และดีไซน์พื้นหลังของปี 1988 ในเรื่องให้ออกมามีเสน่ห์ได้อย่างไร แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นพร็อพที่ใช้ หรือสถานที่ต่างๆที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ ผมอยากให้มองว่ามันเป็นปี 1988 ในแบบของ Seoul Vibe : ซิ่งทะลุโซลมากกว่าครับ

ถ้าต้องตัดสินสไตล์แฟชั่นของตัวละครของตัวเองในเรื่องเป็นวลี หรือประโยค คุณจะอธิบายว่าอย่างไร

ยูอาอิน:  ด้วยมุมมองแล้วการแต่งดำทั้งชุดเป็นลุคออลแบล็คอาจช่วยให้ดูกร้านโลก แต่จริงๆ แล้วสร้อยทองคำวิบวับเส้นนั้นเป็นไอเทมสำคัญที่ทำให้ดงอุคดูมีมาดครับ

โกคยองพโย: ตัวละครของผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างมาก หมวกรูปจิงโจ้ที่เห็นเป็นซิกเนเจอร์ของอูซัมเลยกว่าว่าได้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าสมัยนี้เขายังฮิตกันอีกหรือเปล่า แต่ในยุคนั้นนักร้องฮิปฮอปฝั่งอเมริกาสวมหมวกแบบนั้นเยอะมากครับ ถ้าจะให้อธิบายภายในหนึ่งประโยค คงเป็น “เปลือกนอกสำคัญที่สุด” ครับ

องซองอู: “โอลด์สคูล” ครับ ผมเริ่มเต้นและสนใจสไตล์ฮิปฮอปตั้งแต่สมัยมัธยม และก็ได้ดูสารคดีหรือคลิปที่เกี่ยวข้องเยอะ พอเห็นสไตล์การแต่งตัวของพวกนักร้องหรือนักเต้นฮิปฮอปแล้ว ผมเองก็อยากแต่งแล้วดูดีเหมือนพวกเขาบ้าง และก็อยากถือโอกาสนี้ลองเปลี่ยนลุคเป็นลุคที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงครับ

อีคยูฮยอง:  ในรูปผมอาจจะใส่เสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงยีนส์อยู่ แต่ความจริงสีที่ผมใส่บ่อยมากที่สุดในเรื่องคือสีเหลืองครับ ถ้าจะให้อธิบายนิยามแฟชั่นของผมคงเป็น “คุมโทน” เพราะคุมโทนกับสีรถแท็กซี่ที่ผมขับครับ

พัคจูฮยอน: ตามบทแล้วยุนฮีมีความเป็นผู้หญิงสูงมาก ใส่เสื้อพอดีตัว แต่ฉันปรับเปลี่ยนสไตล์ของเธอให้ดูห้าวๆ มีความเกิร์ลครัช ใส่เสื้อตัวหลวมๆกับกางเกงขาบานๆ อะไรแบบนี้ให้เข้ากับลุคของพี่ๆ ในแก๊งด้วยค่ะ

ทราบมาว่าได้ซงมินโฮ (MINO) และ Gaeko จาก Dynamic Duo มาช่วยเรื่องเพลงประกอบภาพยนตร์ ผู้ชมจะได้ฟังดนตรีแนวไหนจากภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง 

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง: มีทั้งเพลงฮิปฮอปที่ฮิตมาก ๆ ในอเมริกาตั้งแต่ก่อนยุคปี 1988 ส่วนช่วงครึ่งหลังของเรื่องก็จะเป็นเพลงฮิปฮอปที่ฮิตในเกาหลีในยุคนั้นครับ พวกเราอยากจะทำมิกซ์เทปออกมาให้หลากหลาย และก็ได้รับความช่วยเหลือจากซงมินโฮ (MINO), Gaeko,​ ดีเจโซลสเคป และทีมทำดนตรีครับ

อะไรคือแมสเสจสำคัญ ที่คุณต้องการถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง:  ไม่ว่าจะเป็นซังกเยดงหรือฉากต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ ทุกอย่างในยุคสมัยนั้นล้วนเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่สำหรับผม ให้เชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ และสร้างโลกสมมติของปี1988 ขึ้นมาใหม่ในแบบของเรา รายละเอียดบางอย่างในภาพยนตร์อาจจะไม่ได้ปรากฏในสารคดีทางประวัติศาสตร์ แต่ถ้าได้ดูซ้ำหลายๆรอบผมคิดว่าทุกคนน่าจะเพลิดเพลินยิ่งขึ้นครับ ส่วนแมสเสจหลักที่ผมอยากถ่ายทอดผ่านผลงานเรื่องนี้คือการที่แก๊งซูพรีมทีมที่ดูวุ่นวายและดูไม่น่าจะเข้ากันได้ต้องมาพัวพันกับภารกิจอันใหญ่หลวง ซึ่งถือเป็นการท้าทายสำหรับกลุ่มคนธรรมดาๆ ทั่วไปครับ

คุณยูอาอินได้กล่าวว่าเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจรับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้คือความท้าทาย อยากทราบว่าสิ่งไหนในเรื่องนี้ที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับคุณ

ยูอาอิน: ในชีวิตที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ความท้าทายเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญสำหรับผมครับ ความท้าทายของภาพยนตร์เรื่องนี้คือมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องผสมผสานกัน และมีหลายอย่างที่ผมต้องเตรียมตัวเพื่อการถ่ายทำ มีความท้าทายแปลกใหม่หลายรูปแบบที่ผมได้ลองครั้งนี้ หวังว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความท้าทายจากรายละเอียดในภาพยนตร์ครับ

อยากทราบเหตุผลที่เลือกแคสติ้งซงมินโฮ (MINO)

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง:  ทั้งผมและทีมงานทุกคนได้วาดภาพไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากทำออกมาให้มีกลิ่นอายของฮิปฮอป โชคดีที่ซงมินโฮตอบรับอย่างเต็มใจ ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าจะทำยังไงให้เพิ่มสีสันให้กับภาพยนตร์มากขึ้น ตอนถ่ายทำจริงเขาสนุกอย่างเต็มที่กว่าที่คิดไว้มากเลยครับ

นักแสดงพัคจูฮยอนบอกว่าได้มีการปรับเปลี่ยนสไตล์ของยุนฮี จากที่ผู้กำกับได้วางไว้ อยากทราบว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง: ไม่ว่าจะเป็นตัวละครใดก็ตาม กว่าจะได้คอนเซปต์ของตัวละครนั้นๆ ต้องผ่านการทดลองและการทำการบ้านหลายอย่างมาก แต่เรื่องภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่ตัวนักแสดงเองต้องรับผิดชอบเป็นส่วนหลัก พวกเขาย่อมรู้ดีว่าอะไรที่เหมาะกับตัวละครของตัวเอง และทำให้มันออกมาได้ดีมากกว่าภาพที่ผมจินตนาการไว้ครับ

 

ฝากถึงแฟนๆ Netflix กว่า 190 ประเทศทั่วโลกที่รอชมภาพยนตร์ Seoul Vibe : ซิ่งทะลุโซล

ยูอาอิน: ถึงแม้ตอนนี้จะทั้ง 190 ประเทศอาจจะไม่ได้อยู่ช่วงฤดูร้อนทั้งหมด แต่อยากให้ทุกคนได้รับชมภาพยนตร์อย่างสดชื่นและเพลิดเพลินกับกลิ่นอายในยุคสมัยนั้น และต่อให้คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยุคนั้นเลย ก็อยากให้คุณจินตนาการว่าขึ้นรถร่วมซิ่งและสนุกไปพร้อมกับพวกเราครับ

โกคยองโพ: ภาพยนตร์ของเราเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีเนื้อหาเครียดมากครับ อยากให้ทุกคนรับชมอย่างสดชื่นและรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ขอบคุณครับ

อีคยูฮยอง: ณ เวลานี้ที่เกาหลีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คุณจะได้ย้อนไปสัมผัสกลิ่นอายของกรุงโซลในปี 1988 ขอให้ทุกคนรับชมอย่างสนุกสนานนะครับ

พัคจูฮยอน: พวกเราได้ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานที่ทั้งสดใส และสดชื่น หวังว่าเคมีของพวกเราจะถ่ายทอดไปถึงคุณผู้ชมทั่วโลกกว่า 190 ประเทศนะคะ

มุนโซรี: ภาพยนตร์ของพวกเรา “ซิ่ง” ตั้งแต่ต้นยันจบเรื่องเลยล่ะค่ะ และอยากให้ผู้ชมทั่วโลกร่วมซิ่งไปกับเราด้วยนะคะ

ผู้กำกับมุนฮยอนซอง: พวกเราอยากส่งต่อความร่าเริงของพวกเราให้กับทุกคน และหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมอบความสนุกสนานให้ผู้ชมทุกคนครับ ขอบคุณครับ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า