Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

รู้หรือไม่ว่า ปีที่แล้ว ‘สิงห์ เอสเตท’ เป็นบริษัทที่พลิกจากขาดทุน กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรเติบโตมากกว่า 200%

แน่นอนว่าปี 2021 สิงห์ เอสเตทขึ้นแท่นบริษัทที่น่าจับตามอง แต่พอมาปีนี้ เป้าหมายใหม่ของสิงห์ เอสเตท ดูท่าจะยิ่งใหญ่และไปไกลกว่าเดิมมาก

เพราะปี 2022 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 13,400 ล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ที่ 7,739 ล้านบาท 

หรือพูดง่ายๆ คือ จากเดิมที่ทำรายได้พันล้าน จะพุ่งสู่หมื่นล้านภายใน 1 ปี คำถามคือ สิงห์ เอสเตท จะทำได้อย่างไร?

เพราะบนสถานการณ์โควิดที่ยังยืดเยื้อ เงินเฟ้อพุ่งสูง มีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ฟังดูแล้วเหมือนไม่ใช่สถานการณ์ที่เอื้อต่อเศรษฐกิจสักเท่าไหร่ ตัวเลขที่ตั้งไว้จึงเป็นตัวเลขท้าทายไม่เบา

 แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือ ‘บุญรอดบริวเวอรี่’ รายนี้จะพิชิตได้

 ถามว่าสิงห์ เอสเตท จะทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย  TODAY Bizview จะเล่าให้ฟัง

 —————

รู้จักธุรกิจอสังหาฯ ของตระกูล ‘ภิรมย์ภักดี’

ก่อนจะไปถึงคำตอบที่ว่า อาจต้องมารู้จักบริษัทนี้กันสักนิด

หากจะพูดถึงธุรกิจเครื่องดื่มในไทย เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จัก ‘เครือบุญรอดบริวเวอรี่’ ของตระกูลภิรมย์ภักดีกันพอสมควร ในฐานะเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มอันดับต้นๆ ของประเทศอย่างแบรนด์ ‘สิงห์’

แต่ถึงอย่างนั้น อันที่จริงเครือบุญรอดไม่ได้ทำธุรกิจเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว แต่ยังขยายอาณาจักรไปสู่ธุรกิจอื่นๆ รวมถึง ‘อสังหาริมทรัพย์’ ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2538 ด้วย

โดยบริษัทที่ทำหน้าที่ดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ของเครือบุญรอด ก็คือ ‘บมจ. สิงห์ เอสเตท’ นั่นเอง

ธุรกิจของสิงห์ เอสเตท ตลอดที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าซื้อกิจการ ลงทุนซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการ โดยแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจหลัก คือ

1) ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ประกอบไปด้วย สิงห์ คอมเพล็กซ์, เอส โอเอซิส (กำลังก่อสร้าง), อาคารซันทาวเวอร์ส, เดอะ ไลท์เฮ้าส์ และเมโทรโพลิศ

2) ธุรกิจโรงแรม ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทย่อยอีกที คือ บมจ. เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR มีโรงแรม 38 แห่ง กระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค 5 ประเทศ คือ สหราชอาณาจักร, ไทย, ฟิจิ, มัลดีฟส์ และมอริเชียส

3) ธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน ตัวย่างโครงการ เช่น สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส, ดิ เอส อโศก, ดิ เอส สุขุมวิท 36 เป็นต้น

———–

เจาะความสำเร็จปี 2021

ที่ผ่านมา ‘สิงห์ เอสเตท’ แม้จะมีช่วงเวลาที่ผ่านร้อนผ่านหนาว แต่ปี 2021 ก็มีตัวเลขที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

คือสร้างได้ 7,739 ล้านบาท กำไร EBITDA ที่ 1,562 ล้านบาท เติบโตขึ้น 213%

ตัวเลขที่สวยงามของปีที่แล้ว หลักๆ มาจากธุรกิจโรงแรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากในมัลดีฟส์ที่สามารถถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ และช่วงไตรมาส 4 ก็มีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) สูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดบริการมา ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศของ UK ก็เริ่มฟื้น

ส่วนธุรกิจที่พักอาศัยก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จอย่างมาก จากโครงการที่เป็นที่กล่าวถึงคือ ‘สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส’ ที่มีราคาขายสูงสุด 250 ล้านบาท ก็สามารถปิดการขายไปได้เรียบร้อยในปีที่ผ่านมา

ด้านธุรกิจสำนักงานให้เช่า ปีที่แล้วอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ ก็ประสบความสำเร็จในการต่ออายุสัญญากับผู้เช่าต่อ ด้วยอัตราการเช่าต่อสูงถึง 95%

แต่นอกจากตัวเลขรายได้ สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในปี 2021 ของสิงห์ เอสเตท คือการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจอื่น คือนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่ จ.ระยอง พื้นที่รวม 2,000 ไร่

นับว่าเป็นก้าวการเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจครั้งใหญ่ของบริษัทเลยก็ว่าได้

———

ปีนี้ต้องนิวไฮ 13,400 ล้าน พร้อมขยายตัวเฉลี่ยปีละ 25% ใน 5 ปี

จากความสำเร็จในกลยุทธ์การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงในปีที่แล้ว และยังคงเดินหน้าในปีนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ‘สิงห์ เอสเตท’ วางเป้าหมายสุดทะเยอทะยานในปีนี้ไว้ที่ 13,400 ล้านบาท โตจากปีก่อนเกือบเท่าตัว พร้อมคาดการณ์โตเฉลี่ยปีละ 25% ใน 5 ปีข้างหน้า

ถามว่าตัวเลขรายได้นิวไฮดังกล่าวจะมาจากอะไรบ้าง ‘ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท อธิบายไว้ดังนี้

-ธุรกิจที่อยู่อาศัย  ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 50% ในปีนี้ จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดพร้อมอยู่ 2 โครงการ คือ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ และ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke)

รวมไปถึงโครงการบ้านแนวราบ ‘สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส’ ซึ่งมีมูลค่า Backlog อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ 70% ในปีนี้

นอกจากนี้ ปีนี้สิงห์ เอสเตท ยังมีแผนขยายโครงการแนวราบเพิ่มเติมอีก 1 โครงการในทำเลพัฒนาการ มูลค่า 2,900 ล้านบาท (ราคาต่อหลังอยู่ที่ 50-80 ล้านบาท) เริ่มการก่อสร้างไปบ้างแล้ว คาดเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้

-ธุรกิจอาคารสำนักงาน กลางปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการ เอส โอเอซิส อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานพร้อมพื้นที่รีเทลแห่งใหม่ล่าสุดย่านลาดพร้าว พื้นที่รวม 55,700 ตารางเมตร โดยตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเช่าพื้นที่ราว 50% ณ ปีที่เปิดให้บริการ

รวมถึงการกลับมาเปิดตัวอีกครั้งของโครงการ เอส เมโทร อาคารสำนักงานหรูย่านพร้อมพงษ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงสถาปัตยกรรมให้ตอบโจทย์ผู้เช่า

-ธุรกิจโรงแรม ปีนี้วางเป้าการเติบโตไว้ในธุรกิจนี้สูงถึง 88% หรือสร้างรายได้แตะ 8,500 ล้านบาท ก้าวเป็นผู้ประกอบการโรงแรมไทยที่มียอดรายได้สูงขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ

โดยหลักๆ ที่คาดว่าธุรกิจโรงแรมจะเติบโตได้ขนาดนั้น เนื่องจากกลยุทธ์การกระจายพอร์ตในไปภูมิภาคที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถรองรับลูกค้าได้ตลอดทั้งปีจากหลากหลายประเทศ

นอกจากนี้ ปีนี้จะใช้งบ 500 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มในโรงแรมที่ดำเนินการอยู่แล้วด้วย ซึ่งจะต่อยอดให้สามารถอัพราคาห้องพักต่อวันได้สูงขึ้นราว 10-20% สร้างกำไร EBITDA เพิ่มขึ้น 40%

-ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่สิงห์ เอสเตท เพิ่งลงทุนไปใน จ.ระยอง พื้นที่รวม 2,000 ไร่ เป็นพื้นที่ขาย 50% หรือ 1,000 ไร่ ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เริ่มขาย คาดว่าจะขายได้ราว 15%

พูดง่ายๆ คือสามารถสร้างการเติบโตได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้ 13,400 ล้านบาท จะมาจากธุรกิจที่อยู่อาศัย 25% ธุรกิจอาคารสำนักงาน 8% ธุรกิจโรงแรม 63% และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและอื่นๆ 4%

————–

สร้างความแข็งแกร่งให้สถานะการเงิน

นอกจากที่กล่าวไปแล้ว ‘สิงห์ เอสเตท’ ยังมีการขยายศักยภาพการลงทุนและการพัฒนาโครงการโดยร่วมเป็นพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้แก่

-การร่วมทุนกับฮ่องกง แลนด์ เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างชาติในโครงการคอนโด ดิ เอส สุขุมวิท 36 มูลค่ากว่า 5,900 ล้านบาท

-การร่วมทุนกับ วาย อีโค เวิลด์ ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด (WEWD) เพื่อพัฒนาโครงการรีสอร์ตแห่งใหม่พร้อมวิลล่าหรู 80 หลัง ‘โซ/ มัลดีฟส์’ ที่คาดว่าจะแกรนด์โอเพนนิ่งในไตรมาส 3/2023

-การร่วมกับบี.กริม ถือหุ้น 30% ใน 3 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม โดยโรงไฟฟ้าแห่งแรกมีขนาด 123 เมกะวัตต์ เปิดให้ดำเนินการแล้ว และจะเริ่มรับรู้รายได้ในปีนี้ ส่วนอีก 2 แห่งมีขนาดรวม 280 เมกะวัตต์ คาดจะดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ปีหน้า

-กองรีท สิงห์ เอสเตท ยังวางแผนให้เช่าระยะยาวอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 3 อาคาร คือ สิงห์ คอมเพล็กซ์ เอส เมโทร และพื้นที่ค้าปลีกของซันทาวเวอร์ส แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (“SPRIME”)

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องต่อ กลต. ถ้าแล้วเสร็จก็จะทำให้ SPRIME เป็นกองทรัสต์มีมูลค่าอันดับ 1 กองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงานของไทย

———-

มีปัจจัยเสี่ยง แต่กระจายพอร์ตได้ดี

‘ฐิติมา’ บอกว่า ความเสี่ยงในปัจจุบันมาจากความไม่แน่นอนของการเมืองระหว่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงคือทำให้มู้ดการท่องเที่ยวดร็อปลงไป

แต่ถึงอย่างนั้น มัลดีฟส์เป็นพื้นที่ที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ลูกค้าจากโซนต่างๆ มาเที่ยวได้ในช่วงที่แตกต่างกัน ทำให้ระยะสั้นนี้ธุรกิจโรงแรมยังไม่มีผลกระทบโดยตรง

ส่วนในเรื่องโรคระบาด ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ‘สิงห์ เอสเตท’ มีแนวทางการจัดการได้จนเป็นที่ยอมรับ ทั้งการดูแลอาคาร การให้บริการที่โรงแรม ที่พักอาศัย และการดูแลพนักงานในองค์กร ทำให้ไม่น่ากังวลมากนัก

แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือเรื่อง ‘เงินเฟ้อ’ ซึ่งสิ่งที่ทำได้คือดูแลค่าใช้จ่ายให้มีความเหมาะสม จัดหารายได้ที่ลื่นไหล มีแนวทางการบริหารจัดการรัดกุม เพื่อลดผลกระทบต่างๆ ให้ได้

———-

แผนโต 5 ปี

ส่วนทิศทาง 5 ปีจากนี้ของสิงห์ เอสเตท หลักๆ คือการพุ่งเป้าไปที่การสร้างซินเนอร์จีใน 4 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจใหม่ๆ

ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการมองหาความร่วมมือใหม่ๆ กับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อขยายธุรกิจออกไปนอกขอบ แต่ยังยึดเกี่ยวโยง และเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจหลักทั้ง 4 อยู่ และคาดว่านั่นจะช่วยให้บริษัทไปถึงเป้าหมายโตเฉลี่ย 25% ใน 5 ปีได้นั่นเอง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า