Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ไฮไลต์ ตำรวจแถลงสรุปสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม ไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆาตกรรม แต่มีผู้กระทำโดยประมาท

วันที่ 26 เม.ย. 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดแถลงข่าวสรุปสำนวนคดี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงศ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง ที่เสียชีวิตตกจากเรือลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ตำรวจใช้เวลา 2 เดือน การสอบปากคำผู้กล่าวหา 4 ปาก, ผู้ต้องหา 6 ปาก, พยานบุคคล 124 ปาก (แบ่งเป็นพยานบุคคล 108 ปาก พยานผู้เชี่ยวชญ 16 ปาก), พยานวัตถุ 88 ชิ้น, พยานเอกสารที่เป็นผลการตรวจต่างๆ 47 ฉบับ, คลิปวิดีโอ กล้องวงจรปิด 200 คลิป สำนวนคดีมีเอกสารรวม 2,249 แผ่น (จำนวน 5 ลัง)

การแถลงข่าวนำโดย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี (สอบสวน) และพล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 (สืบสวน)

จึงสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ต่ออัยการจังหวัดนนทบุรี ดังนี้

– ผู้ต้องหาคนที่ 1 นายตนุภัทร หรือปอ เลิศทวีวิทย์

1. กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ป.อาญา ม.291)

2. เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย (พ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ.2456 ม.282)

3. ใช้เรือที่มีใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุ (เปรียบเทียบปรับแล้ว ตามพ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ. 2456 ม.9)

4. ทิ้งสิ่งของปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันจะเป็นเหตุ ให้เกิดการตื้นเขินตกตะกอนหรือสกปรก (พ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ. 2456 ม.119)

5. ไม่ติดชื่อเรือเป็นอักษรไทยและอักษรฝรั่งที่หัวเรือ (เปรียบเทียบปรับแล้ว ตามพ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ.2456 ม.116, 166)

6. แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (ป.อาญา ม.172)

– ผู้ต้องหาคนที่ 2 นายไพบูลย์ หรือ เบิร์ต ตรีกาญจนนันท์

1. กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ป.อาญา ม.291)

2. เป็นผู้ควบคุมเรือ โดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย (พ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ.2456 ม.282)

3. ใช้เรือที่มีใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุ (เปรียบเทียบปรับแล้ว ตามพ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ. 2456 ม.9)

4. ทิ้งสิ่งของปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันจะเป็นเหตุ ให้เกิดการตื้นเขินตกตะกอนหรือสกปรก (พ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ. 2456 ม.119)

– ผู้ต้องหาคนที่ 3 นายวิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์

1. กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (ป.อาญา ม.291)

– ผู้ต้องหาคนที่ 4 นายนิทัศน์ หรือ จ๊อบ กีรติสุทธิสาธร

1. เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้นเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยาน หลักฐานในการกระทำผิด (ป.อาญา ม.184)

2. ทิ้งสิ่งของปฏิกูลใดๆ ลงในแม่น้ำ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันจะเป็นเหตุให้เกิดการตื้นเขินตกตะกอนหรือสกปรก (พ.ร.บ.การเดินเรือฯ พ.ศ. 2456 ม.119)

– ผู้ต้องหา คนที่ 5 น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์

1. เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้นเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยาน หลักฐานในการกระทำผิด (ป.อาญา ม.184)

2. แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (ป.อาญา ม.172)

-ผู้ต้องหาคนที่ 6 นายภีม หรือ เอ็ม ธรรมธีรศรี

1. เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้นเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยาน หลักฐานในการกระทำผิด (ป.อาญา ม.184)

2. เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย (ป.อาญา ม.172)

จากนั้น ตำรวจทีมสืบสวนได้เปิดคลิปวิดีโอ ความยาว 25 นาที ซึ่งเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล, พยานแวดล้อม, พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุฐ, กล้องวงจรปิด CCTV, ความเร็วเรือ, ระบบจีพีเอส, หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้

ส่วนที 1. พฤติกรรมในการเกิดเหตุ

โดยสรุปเหตุการณ์ ในวันที่ 24 ก.พ. 2565 เวลา 22.30 น. เกิดเหตุแตงโม ตกจากเรือในแม่น้ำ เวลา 23.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ พบเจ้าหน้าที่กำลังระดมค้นหา ทราบเพียงแตงโมตกเรือ ระยะเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ยังไม่พบ แตงโม และไม่มีคนบนเรือมาแสดงตัวกับพนักงานสอบสวน เช้าต่อมา วันที่ 25 ก.พ. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเมืองนนทบุรี พบเรือลำที่เกิดเหตุจอดอยู่ที่อู่เรือ NBC Boat Club เป็นเรือสปีดโบ๊ท ยี่ห้อโคบอล สีขาวน้ำเงิน เวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบเรือพบพิรุธ แก้วไวน์บนเรือมีเพียงใบเดียว ไม่สอดคล้องกับจำนวนคนบนเรือที่มีถึง 6 คน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สืบทราบว่า คนบนเรือที่เหลืออีก 5 คน คือ ปอ, จ๊อบ, โรเบิร์ต, กระติก และแซน

ระหว่างนั้นได้มีที่ปรึกษาของกลุ่มคนบนเรือแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะพาทั้ง 5 คนบนเรือมาพบพนักงานสอบสวน ในเวลา 15.00 น. แต่เมื่อถึงเวลาดังกล่าวก็ไม่มาพบตามนัด แม้จะเร่งรัดไปหลายครั้ง จน 18.00 น. นายปอ ได้ติดต่อกลับมาที่พนักงานสอบสวน และเวลา 20.00 น. ทั้ง 5 คน จึงเข้ามาพบพนักงานสอบสวน

วันที่ 26 ก.พ. เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พบร่างของคุณแตงโมที่บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างท่าเรือพิบูลย์สงคราม 235 เมตร โดยลักษณะบาดแผลการเสียชีวิต มีลักษณะการตายอย่างผิดธรรมชาติ ซึ่งจากพฤติกรรมที่ไม่มาแสดงตัวทันทีหลังเกิดเหตุของทั้ง 5 คนบนเรือ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบเรือลำเกิดเหตุเอง ถึงโทรมาแจ้งแสดงตัว ประกอบกับพยานหลักฐานที่ผิดปกติบนเรือ การเสียชีวิตของคุณแตงโม จึงมีเงื่อนงำ มีความผิดปกติ จึงต้องมีการสืบสวนสอบสวนโดยละเอียด

ส่วนที่ 2. ไทม์ไลน์เหตุที่เกิดขึ้น ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ข้อมูลอ้างอิงใช้ภาพจากกล้องวงจรปิด จีพีเอสของเรือ ข้อมูลที่ตรวจสอบจากโทรศัพท์ การโทร แชท ของทั้ง 6 คน

– วันที่ 16 ก.พ.

8.00 น. ปอ ทักไลน์หา กระติก

19.00 น. กระติกไลน์หา แตงโม แจ้งว่า ปอชวนนั่งเรือจิบไวน์ แตงโมตกลง

19.56 น. กระติกส่งข้อความหา ปอ ว่าจะมีแนวร่วมไปด้วย 4 คน กระติก, แตงโม อีก 2 คนวันจริงไม่ได้มา ปอส่งภาพเรือมาให้ดู

– วันที่ 23 ก.พ.

8.00 น. กระติก ส่งข้อความหา แซน ชวนไปขึ้นเรือ แซนตกลง

18.00 น. กระติกส่งข้อความหา ปอ ว่า จะมีแซนไปด้วย ปอส่งพิกัดอู่เรือ NBC มาให้ พร้อมนัดหมายเวลาลงเรือ คือ 24 ก.พ. เวลา 16.00 น.

22.00 น. กระติกส่งข้อความหาแตงโม บอกว่า ปอจะพาขับเรือเส้นอยุธยา จากนั้นได้คุยเรื่องการเลือกชุด

– วันที่ 24 ก.พ. (วันเกิดเหตุ) 

14.00 น. กระติกส่งข้อหาความหาแตงโม ให้เตรียมตัวออกจากบ้านไม่เกิน 15.30 น.

14.26 น. รถของกระติกได้ขับมาที่บ้านของแตงโมและเข้าไปที่บ้าน

15.04 น. อีกฟากหนึ่ง อู่เรือ NBC ปอมาถึง

15.52 น. แตงโมและกระติก ออกจากบ้าน โดยใช้รถของแตงโม ขับ ไปที่อู่เรือ

15.55 น. ที่อู่เรือ NBC จ๊อบเดินทางมาถึง

15.57 น. เบิร์ตถึงอู่เรือ

16.45 น. กระติกและแตงโม เดินทางมาถึงอู่เรือ ซึ่งตอนนี้ที่อู่เรือมีสมาชิก 5 คน เหลือ แซน

16.49 น. จีพีเอสเรือ ได้เคลื่อนตัวออกจากอู่มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เมื่อถึงบริเวณนี้เวลา 17.00 น. โทรศัพท์ของกระติกได้ถ่ายภาพไว้ (ภาพติกคู่กับแตงโม)

17.01 น. เรือได้มาจอดเทียบท่าบาราไม เพื่อเติมน้ำมัน ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง 5 คน ไม่มี แซน

17.13 น. ปอโอนเงินจ่ายค่าเติมน้ำมัน จากนั้นเรือขับออกจากท่าเติมน้ำมันมุ่งหน้ากลับมาที่อู่เรือ NBC

17.13 น. ที่อู่เรือ NBC แซนมาถึง ระหว่างรอเรือมารับ แซนได้เซลฟี่ภาพที่อู่เรือ NBC

17.24 น. เรือได้กลับมาถึงอู่เรือ NBC รับแซนขึ้นเรือ จากนั้นออกจากอู่เรือ มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ

17.46 น. บริเวณนี้มือถือของกระติกได้ถ่ายภาพ (ภาพกระติก)

18.11 น. มือถือของกระติกได้ถ่ายภาพแตงโมไว้

18.24 น. เรือจอดเทียบท่าร้านอาหารบ้านตานิด จ.ปทุมธานี ทั้ง 6 คนเข้าไปรับประทานอาหาร

19.57 น. เช็กบิลค่าอาหาร

20.08 น. เรือออกเดินทางจากร้านอาหาร มุ่งหน้าทางทิศใต้

20.30 น. ได้ถ่ายภาพแตงโมไว้ (แตงโมจับผมตัวเอง)

20.39 น. แซนได้ถ่ายภาพไว้

21.23 น. เรือได้ผ่านกล้องวงจรปิด ท่าเรือพระนั่งเกล้า

21.33 น. เรือได้ผ่านกล้องวงจรปิด สะพานพระราม 5

21.36 น. เรือได้ผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 1

21.54 น. เรือผ่านกล้องวงจรปิดของท่าเรือเทเวศร์ 1 บริเวณนี้ จุดนี้ได้เกิดข้อสงสัย จังหวะมีคนคล้ายกระโดด หรือถูกโยนออกจากเรือ มีการนำภาพดังกล่าวไปปรับแสงและสีเพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม และวิเคราะห์ไปถึงว่ามีลักษณะคล้ายคน

21.56 น. เรือเดินทางถึงสะพานพระราม 8 กระติกและแตงโมได้ถ่ายภาพนี้ไว้ (ภาพแตงโมกับกระติก) บริเวณหน้าเรือ ขณะเรือขับมุ่งหน้าสะพานพระราม 8 มีการตั้งข้อสังเกตุว่า ภาพนี้ถูกแก้ไขเวลาการถ่ายภาพ เพราะด้วยแสงไฟสะพานที่จะถูกปิดลงในช่วงเวลานั้น ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบการถ่ายภาพนี้ มุมกล้องและพื้นหลังของภาพ เป็นสะพานพระราม 8 ได้ทดสอบด้วยโทรศัพท์มือถือชนิดเดียวกันบริเวณเดียวกันและปรับความสว่าง ให้เทียบเท่าภาพฉบับจริง พบว่า แสงไฟบนสะพานเป็นลักษณะเดียวกัน เหตุผลสำคัญที่ภาพไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงข้อมูลเวลา เพราะจีพีเอสเรือมีการเดินทางมาบริเวณนี้เพียงครั้งเดียวไม่มีการเดินทางมาก่อนหรือหลังอีก และจุดพิกัดกับเวลาที่ถ่ายภาพนี้ ตรงกับจุดพิกัดและเวลาของจีพีเอสเรือ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแก้ไขเวลาในภาพนี้ เมื่อภาพถ่ายถูกถ่ายในบริเวณนี้จริง จึงทำให้ยืนยันว่าที่บริเวณท่าเรือเทเวศร์ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนกระโดนหรือถูกโยนออกจากเรือในจังหวะก่อนหน้านี้ไม่ใช่แตงโมอย่างแน่นอน

22.01 น. เรือได้เดินทางต่อมา มีการหยุดและวกกลับ กระติกถ่ายภาพเบิร์ตไว้ ซึ่งภาพพื้นหลังเป็นอีกมุมของสะพาน เกิดจากการถ่ายภาพคนละฝั่งของสะพาน

22.06 น. เรือวกกลับมา มีการถ่ายภาพกระติกไว้ มุมของสะพาน สอดคล้องเป็นคนละมุมของภาพเบิร์ต เพราะอยู่คนละมุมของสะพาน ในภาพเห็นแซนนั่งอยู่ท้ายเรือ

22.11 น. ขณะเรือมุ่งหน้ากลับอู่เรือ กระติก ได้เรียกใช้บริการ “U Drink I Drive” โดยให้มารับที่อู่เรือ NBC พิกัดปลายทางให้ไปส่งที่บ้านแตงโม

22.18 น. เรือผ่านกล้องวงจรปิด สะพานซังฮี้ เห็นแซนยังอยู่ท้ายเรือ

22.21 น. เรือกำลังขับผ่านด้านหลังอาคารรัฐสภา แตงโม ตอบแชทอินสตาแกรม

22.32 น. เรือได้ขับผ่านกล้องวงจรปิด กล้องมีคุณภาพไฟล์สูง ผู้เชี่ยวชาญจากกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ใช้โปรแกรมปรับแสงภาพ ทำให้เห็นคนบนเรือ 6 คน มี 1 คน นั่งอยู่บริเวณท้ายเรือ

22.34 น. กล้องวงจรปิดมุมที่จะส่องเข้ามาแม่น้ำ บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ได้เห็นรายละเอียดที่สำคัญ เริ่มจากเรือผ่านเข้ามาที่กล้อง

22.33.51 น. จะเห็นเหมือนวัตถุบางอย่างอยู่บริเวณท้ายเรือ

22.34 น. เรือผ่านแสงเงาไฟของท่าเรือพิบูลสงคราม 1 เมื่อสังเกตจะเป็นวัตถุลักษณะเดียวกับจุดที่แล้ว

22.34.06 น. สังเกตว่ามุมของเรือเปลี่ยนไป มีการหันท้ายเรือมาให้กล้องวงจรปิดมากขึ้น ทำให้เห็นเงาของวัตถุดังกล่าวบังแสงไฟเรือ (มีการเเทียบกับเรือจริง เทียบแสงไฟจากท้ายเรือ) และเมื่อเรือเคลื่อนต่อไป

22.34.09 น. วัตถุดังกล่าวอยู่ในลักษณะนี้ จากนั้นวินาทีต่อมา วัตถุก็หายไป เป็นเวลา 22.34.10 น.

วินาทีถัดมา มีเงาบุคคลหนึ่งเกือบถึงท้ายเรือ มีลักษณะเหมือนยืนขึ้น

11 วินาทีถัดมา ความเร็วเรือตามจีพีเอสได้ลดลง มีวงศาการเลี้ยวกลับ และกลับวนมาที่เดิม เมื่อเรือเลี้ยวกลับมาวนผ่านบริเวณเดิมอีกครั้ง เรือได้ผ่านกล้องบริเวณเดิม

ชุดสืบสวนได้นำมาเปรียบเทียบ เรือได้ผ่านแสงเงา บริเวณเดิม เมื่อตรวจสอบไม่พบเงาวัตถุของรอบก่อน (มีการเปรียบเทียบภาพก่อน) วัตถุที่บังแสงไฟ ยืนยันว่าไม่ใช่เครื่องยนต์ท้ายเรือ เพราะเครื่องยนต์ต้องห่างออกมาอีกระยะหนึ่ง จะไม่บังไฟท้ายเรือ ที่วัตถุหายไป อยู่ห่างจากจุดพบศพเพียง 100 เมตร ประกอบกับจีพีเอสเรือ หลังจากเหตุการณ์นี้มีการวนค้นหาทั่วบริเวณนี้ เชื่อว่าแตงโมเรือในจังหวะนี้

หลังจากแตงโมตกเรือ แซนได้ส่งข้อความไลน์ข้อความช่วยเหลือจากเพื่อน มีการแชร์โลเคชั่นไปให้ โลเคชั่นตรงกับจุดจีพีเอสเรือบริเวณนี้ คนบนเรือเริ่มติดต่อไปที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย คนรู้จักมากมาย ทั้งข้อความสนทนา หรือโทรศัพท์ ระหว่างนั้น จีพีเอสเรือมีการวนค้นหาบริเวณนี้จำนวนมาก

23.45 น. เรือได้ขับใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 และได้ถูกบันทึกภาพไว้ ภาพนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการทำร้ายร่างกาย ตรวจสอบแล้ว เป็นช่วงเวลาที่เลยเวลาเกิดเหตุมาพอสมควร

23.48 น. เรือได้จอดเทียบท่าเรือพิบูลสงคราม โรเบิร์ต และกระติกได้ลงจากเรือ

– เข้าสู่วันที่ 25 ก.พ.

00.27 น. กระติกได้ผ่านกล้องวงจรปิดภายในซอยพิบูลสงคราม 1

00.28 น. กระติกส่งข้อความหาเพื่อนว่าขึ้นจากเรือมาหาห้องน้ำเข้าตามบ้าน เนื่องจากปวดหนักและไม่มีห้องน้ำเข้า

00.30 น. กระติกและโรเบิร์ตไปขอเข้าห้องน้ำ ที่บ้านหลังหนึ่ง (มีภาพวงจรปิด)

00.39 น. กระติกและโรเบิร์ตได้ผ่านกล้องวงจรปิด ในซอยพิบูลสงคราม ตัวเดิม

00.44 น. โรเบิร์ตกับปอได้ติดต่อกัน

00.45 น. หลังติดต่อกันแล้ว จีพีเอสเรือได้เลิกวนค้นหา และขับกลับมุ่งหน้าอู่เรือ NBC เวลาเดียวกัน กระติกและโรเบิร์ต เดินมาถึงปากซอยพิบูลสงคราม 1 และยืนรอแกร็บที่ปากซอย

00.52 น. กระติกและโรเบิร์ต ขึ้นรถแกร็บกลับไปที่อู่เรือ NBC

01.03 น. กระติกและโรเบิร์ตได้กลับมาถึงอู่เรือ NBC

01.06 น. เรือก็ได้กลับมาถึงอู่เรือ NBC

01.22 น. เพื่อน (โบ) กระติกมาถึงอู่เรือ

01.44 น. จ็อบได้ออกจากอู่เรือ NBC

01.53 น. ผู้แนะนำคนหนึ่งได้ส่งข้อความมาให้โรเบิร์ตบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าไปให้การกับตำรวจ อ้างว่าต้องมาให้ข้อมูลกับตนเองก่อน และจะจัดทีมทนายความดูแลแล้วค่อยไปหาตำรวจ

จากนั้นมีการรวมกลุ่มกันที่ปั้มน้ำมันเชลล์แห่งหนึ่ง

02.26 น. ที่ปั้มน้ำมันเชลล์ ปอ โรเบิร์ต แซน และคนขับรถของแซน รวมกลุ่มพูดคุยก่อนแยกย้ายออกจากปั้ม

02.27 น. ผู้แนะนำคนเดิมให้เลื่อนนัดตำรวจไปก่อน เพราะมีแอลกอฮอล์ในเลือดจะไม่เป็นผลดี ให้ทั้ง 5 คนมาพบในวันรุ่งขึ้นนัดกัน 10.00 น. (25 ก.พ.)

03.04 น. กระติกและเพื่อนที่มาหาที่อู่เรือ ได้ออกจากอู่เรือ NBC

03.29 น. กระติกได้ขับรถมาถึงบ้านแตงโม

04.18 น. กระติกออกจากบ้านแตงโม (ขับรถตัวเอง)

11.00 น. 5 คนบนเรือ มาพบทีมทนาย ที่ร้านอาหารย่านซอยทองหล่อ และอยู่ในร้านจนถึง 15.00 น. ได้ออกจากร้าน

17.07 น. เดินทางมาที่ร้านอาหารอีกแห่ง ถนนราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ทั้ง 5 คน พบทนายชื่อดังคนหนึ่ง อยู่ในร้านจนถึงเวลา 19.17 น.

20.00 น. ทั้ง 5 คนจึงมาพบพนักงานสอบสวน

ส่วนที่ 3. หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ 

หลังเกิดเหตุ 25 ก.พ. เวลา 10.00 น. จากการตรวจสอบเรือลำเกิดเหตุ จากการตรวจ พบดีเอ็นเอของคนบนเรือติดอยู่ตามพยานหลักฐานบนเรือหลายแห่ง ตรวจสอบห้องน้ำในเรือมีข้าวของเก็บอยู่เต็มพื้นที่ห้องน้ำ จากการตรวจไม่พบคราบโลหิตบนเรือ (ด้วยสารเรืองแสง) พบรอยนิ้วมือครบทั้ง 6 คน กระจายอยู่ทั่ว มีข้อพิรุธ มีแก้วไวน์เพียงแก้วเดียว ทั้งที่คนบนเรือมี 6 คน จึงตรวจสอบในบริเวณอู่เรือพบกระติกสีดำวางอยู่ข้างศาลาริมน้ำ เปิดออกดูพบแก้วอีกหลายใบ มีดีเอ็นเอของคนบนเรือหลายคนติดอยู่ด้วย  ตำรวจระบุว่าเป็นเรือลำเกิดเหตุจริง เพราะสภาพภายนอกเหมือนกับคลิปวิดีโอที่มีการบันทึกไว้ในคืนที่เกิดเหตุ ประกอบกับการพบดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือของแฝงของทั้ง 6 คนบนเรือ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบเรือในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุทันที แต่วัตถุพยานพยานได้มีการเคลื่อนย้าย และถูกทิ้งลงแม่น้ำบางส่วน

ส่วนที่ 4 ชันสูตรพลิกศพ

จากการชันสูตรพลิกศพ สภาพศพเป็นหญิงอายุ 37 ปี สูง 167 เซนติเมตร สวมชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัว โดยมีชุดคลุมสีน้ำตาลสวมทับด้านนอก ยืนยันได้ว่าเป็นแตงโม กระดูกอยู่ในสภาพปกติทั้งร่างกาย ไม่มีฟันหักใดๆ บริเวณผิวหนังใต้ศีรษะไม่พบรอยช้ำใดๆ ตรวจพบเอทิลแอลกอฮอล์ มีความเข้มข้น 93 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ในตัวอย่างน้ำจากในลูกตา ซึ่งแอลกอฮอล์ที่พบ เกิดขึ้นจากการเน่าส่วนหนึ่ง และจากการตรวจสอบไม่พบสารเสพติด และสารของยามอมเมาใดๆ ตรวจพบโคลนทั่วไปในหลอดลม และแขนงหลอดลม  สภาพบาดแผลภายนอก พบ 26 บาดแผล แบ่งเป็น 10 กลุ่มบาดแผล เป็นบาดแผลที่เกิดก่อนการเสียชีวิตทั้งหมด

ซึ่งไฮไลต์สำคัญคือ  บาดแผลใหญ่ที่สุด เป็นบาดแผลฉีกขาดขอบค่อนข้างเรียบ บริเวณต้นขาขวาด้านในลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้ในการงอขา ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้เสียหาย บางส่วนฉีกขาด มีความกว้าง 7 เซนติเมตร ยาว 26 เซนติเมตร ความลึกของบาดแผล มุมบนและล่างของบาดแผล มีความลึก 1.5 เซนติเมตร กลางแผลลึก 4.5 เซนติเมตร เปรียบเทียบกับขนาดองศาและความเว้าของใบพัดเรือแล้วมีลักษณะที่เข้ากันได้กับบาดแผล เมื่อเย็บบาดแผลบนศพ เมื่อจำลองนำใบพัดเรือหมุนเฉือนบนดินน้ำมันได้แนวเว้าโค้งลักษณะเดียวกัน และมีข้อมูลจากต่างประเทศที่มีคนถูกใบพัดเรือชนิดเดียวกันปั่นขาพบบาดแผลหลังการเย็บมีลักษณะเว้าโค้งเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่า บาดแผลนี้เกิดจากการถูกใบพัดเรือปั่น ขณะที่บาดแผลลักษณะเป็นแนวบนขาทั้งสองข้าง 20 แผลสอดคล้องกับการปั่นของใบพัดเรือ เชื่อว่าแตงโมต้องตกน้ำและถูกใบพัดเรือปั่น ข้อสรุปแผลผู้ชันสูตรพลิกศพได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตของแตงโมว่า “ขาดอากาศหายใจจากการจมน้ำ”

ต่อมา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ได้นำคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม ตอบคำถามจากสื่อมวลชน 

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า การแถลงในวันนี้เพื่อตอบข้อสงสัยที่เกิดขึ้นตลอด 2 เดือน ทั้งหมดเราทำงานตามพยานหลักฐานและกฎหมายที่กำหนด เชื่อมั่นและมั่นใจว่า จากพยานหลักฐานที่รวบรวม มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 คน โดยข้อกล่าวหาหลัก คือ การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยืนยันว่า คุณแตงโมไม่ได้ประมาทตกน้ำเอง เรามีพยานหลักฐานเชื่อมั่น และสั่งฟ้องว่ามีคนกระทำประมาทเป็นเหตุให้คุณแตงโมถึงแก่ความตาย 

“…อุบัติเหตุอาจจะเป็นการที่แตงโมประมาทตกน้ำไปเอง ผมยืนยันว่าไม่ใช่ เรามีพยานหลักฐานเชื่อมั่นสั่งฟ้องว่ามีคนทำประมาทให้แตงโมถึงแก่ความตาย” ผบช.ภ.1 ย้ำ 

“การตกเรือที่ท้ายเรือหรือว่าคุณแตงโมจะมาฉี่ที่ท้ายเรือจริงหรือไม่ มาฉี่ไม่มีใครเห็น ผมก็ไม่เห็น มีเพียงพยานหลักฐานพยานบุคคลคือคุณแซนคนเดียวที่บอกว่าคุณแตงโมเดินมาที่ท้ายเรือแล้วก็มาเกาะขาแล้วก็นั่งลงไปฉี่แล้วก็พลัดตกเรือไป แล้วก็มีพยานบุคคลบนเรือเห็นเช่นเดียวกันว่าคุณแตงโมเดินไปที่ท้ายเรือ แต่ถ้าถามว่าคุณแตงโมฉี่หรือไม่ พวกผมไม่สามารถตอบได้ว่าฉี่หรือไม่ฉี่ แต่ในทางสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานต่างๆ ที่เราเก็บมาทั้งหมดอยู่ในสำนวนนั้นก็จะเห็นตามนี้ บวกกับภาพวงจรปิด น่าเชื่อว่า มีบุคคลมาที่ท้ายเรือแล้วหายไป ประกอบกับการชันสูตรบาดแผล ทางการแพทย์บอกว่า แผลที่เกิดบนต้นขาและขาของคุณแตงโม เข้าได้กับใบพัดเรือ คือตกลงจากเรือ แล้วขาก็สันนิษฐานว่าถูกดูกเข้าไปหาใบพัดเรือ… 22.34.10 น. เป็นเวลาที่สันนิษฐานว่าตกตอนนั้น หลังจากนั้นเวลา 10 วินาทีก็ลดความเร็วกลับหัวกลับแล้วก็วนๆ ประกอบกับผู้ต้องหาที่ 3 คือคุณแซนที่อยู่ท้ายเรือที่เห็นเหตุการณ์ กดแจ้งพิกัดให้เพื่อนว่าเนี่ยแตงโมตกเรือตรงนี้ ซึ่งพิกัดเมื่อเทียบกันกับจีพีเอสแล้วมันใกล้เคียงกันมากห่างกันแค่ 2 นาที” ผบช.ภ.1 กล่าวและว่า เราไม่สามารถบรรยายได้ว่าใครประมาทเพราะมีผลในทางการต่อสู้คดี

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ย้ำว่า การตกหัวเรือหรือการตกท้ายเรือ ประเด็นมันก็อยู่ที่ว่า เมื่อคุณแตงโมตกเรือไปแล้ว บาดแผลที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทางการสอบสอนสืบสวน เราเชื่อว่าเข้าได้กันกับใบพัดเรือ ประกอบกับตามร่างกายของคุณแตงโมตั้งแต่ศีรษะลงมา ไม่มีร่อยรอยของการถูกกระแทก ศีรษะไม่มีรอยฟกช้ำ กระดูกไม่มีหัก ฟันไม่มีหัก ตามเนื้อตัวไม่มีบาดแผลอะไรทั้งสิ้นเลย แผ่นหลังก็ไม่มีบาดแผล มีเพียงบาดแผลจากต้นขาลงไปถึงข้อเท้า บาดแผลน่าเชื่อว่าเกิดจากใบพัดเรือ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการไปปัสสาวะท้ายเรือแล้วมีการพบสารยูเรียบริเวณเรือหรือไม่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ตอบว่า “ประเด็นฉี่หรือไม่ฉี่ เราควรเน้นว่าใครทำประมาทแล้วคุณแตงโมเสียชีวิต เรากำลังสรุปสำนวนว่ามีผู้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะฉี่หรือไปอยู่ตรงนั้นแล้วตก เรามีหลักฐานอื่นๆ รวมๆ กันหลายอย่าง ทั้งการสอบปากคำพยาน ทั้งเก็บหลักฐาน เมื่อตกลงไปแล้วบาดแผลที่เกิดขึ้นเข้าได้กับใบพัดเรือ ที่นักข่าวถามว่า พบสารอะไรบ้าง มันไม่พบหรอกครับ เพราะสารยูเรียมันละลายในน้ำ แล้วแผ่นบอร์ดที่อยู่ตรงนั้น น้ำมันท่วมถึงตลอดเวลา ตรงนั้นคือส่วนหนึ่งแต่เราเอาหลักฐานอื่นๆ หลายอย่างรวบรวมกัน แล้วมีความเห็นน่าเขื่อว่าจะไปตรงนั้นแล้วตกลงไป ด้วยการกระทำที่เราแจ้งกับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน” (กระทำประมาทเป็นเหตุให้คุณแตงโมถึงแก่ความตาย)

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานอื่นอีกหรือไม่ที่ยืนยันได้ว่าไม่มีการทำร้ายกันบนเรือ พล.ต.ต.วสันต์ ผบก.สส.ภ.1 เป็นผู้ตอบว่า ได้มีการตรวจสอบความสัมพันธ์ทุกอย่างของกลุ่มคนบนเรือ มูลเหตุจูงใจต่างๆ รวมทั้ง ในการตรวจพิสูจน์ของทางพฐ. ก็ไม่พบร่องรอยคราบเลือด รวมทั้งสาเหตุอื่นๆ สาเหตุโกรธเคืองกันมา จะเอาคนไปฆ่าสักคน ในทางสืบสวนต้องมีมูลเหตุจูงใจการทำร้ายร่างกาย

“ถ้าคิดว่าเป็นคดีฆาตกรรมก็ต้องมีฆาตกร ในก่อนที่น้องจะตกน้ำ ไม่ถึงอึดใจ ฆาตกรจะลงมือทำได้ยังไง ทำไงทัน” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวเสริมขึ้นมา

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตของสังคมอาจมีการนำเรือไปล้างทำลายหลักฐานทำให้ไม่พบคราบเลือดบนเรือ พล.ต.ต.หญิง ชุติมา ชัยมุสิก ผบก.ศพฐ.1 เป็นผู้ตอบว่า กรณีนี้แม้จะมีคราบเลือด เช่น กรณีการฆ่าหั่นศพที่อยุธยา จะเห็นได้ชัดว่าการสืบสวนร่วมกับพฐ.สามารถนำไปสู่การจับกุมได้ เพราะเลือดก็ยังปรากฏอยู่ ถึงแม้ว่าจะโดนล้างไปแล้ว

ผู้สื่อถามถึงบาดแผลของคนที่อยู่บนเรือคนอื่นๆ เกิดจากอะไร พล.ต.ท.จิรพัตน์ ตอบว่า “มันไม่มีการต่อสู้กันบนเรืออยู่แล้ว ทางพนักสอบสวนก็สอบปากคำอยู่แล้ว ขอคำถามสุดท้ายนะครับ เดี๋ยวไปทันต้องไปส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ”

ช่วงท้ายของการแถลงข่าว พล.ต.ต.ไพศาล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้ตอบคำถามถึงการแจ้งความเรื่องการสร้างข่าวเท็จว่า ก่อนหน้านี้ที่ทนายความคนหนึ่งได้ไปออกรายการได้มีการกล่าวข้อความซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตอนนั้นมี 6 คน ได้รับความเสียหาย จึงมอบอำนาจให้ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ไปแจ้งความที่สน.ทองหล่อ ในข้อหาหมิ่นประมาท และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า