SHARE

คัดลอกแล้ว

ผู้ชายและผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ หลายคนอาจจะเคยได้ยินประโยคนี้ ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่อย่างไรก็ตามมีงานวิจัย หลักการ และทฤษฎีเกี่ยวกับความสัมพันธ์มากมาย ที่ทำการศึกษาและอธิบายว่าทำไมผู้ชายและผู้หญิงถึงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ โดยหนึ่งในนั้นคือ  ทฤษฎีบันได’ (The Ladder Theory)

ทฤษฎีบันได (The Ladder Theory) เป็นการอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ว่าผู้ชายและผู้หญิงดึงดูดกันได้อย่างไร อีกทั้งยังอธิบายครอบคลุมไปถึงประเด็นที่ว่าทำไมบางครั้งผู้หญิงถึงคิดกับผู้ชายแค่เพื่อน และทำไมผู้ชายมักจะต้องการมีความสัมพันธ์ทางกายเสมอ โดยอ้างอิงจากการศึกษาภาคสนามเชิงสังคมวิทยา ที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลนานหลายปี

ทฤษฎีดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1994 ที่เมืองเอ็กซิเตอร์รัฐแคลิรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกาโดยดัลลัสลินน์ (Dallas Lynn) และมีจาเรดวิธสัน (Jared Whitson) เป็นผู้ทำทฤษฎีให้เป็นระเบียบแบบแผน (Formalizing) ต่อมาได้กลายมาเป็นทฤษฎีที่ใช้วิเคราะห์และอธิบายพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีแง่มุมที่น่าสนใจและสนุกสนานและแง่มุมที่รุนแรงและประชดประชันส่งผลให้มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่ออกมาโต้แย้งและวิพากษ์วิจารณ์ทฤษฎี

หัวใจหลักของทฤษฎี 

สาระสำคัญของทฤษฎีนี้คือการอธิบายปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงว่าเมื่อผู้ชายและผู้หญิงรู้จักกันทั้งคู่จะทำการประเมินฝ่ายตรงข้ามด้วยบรรทัดฐานหรือหลักเกณฑ์ที่อยู่ในใจของแต่ละคน และจัดอันดับความชอบหรือความพึงพอใจที่มีต่ออีกฝ่ายให้อยู่บน ‘บันได’ ของตนเองที่มีไว้จัดอันดับคนที่ถูกใจและอยากสานสัมพันธ์ต่อไปเป็นคู่รักในอนาคต

การจัดอันดับมีวิธีทำง่ายๆ คือหากชอบหรือถูกใจคนไหนมากๆ ก็จะจัดให้อยู่อันดับหรือบันไดขั้นบนสุดคนใดที่ถูกใจรองลงมาก็จะถูกจัดให้มีอันดับรองลงมาเรื่อยๆ หรือหากมีใครถูกใจมากกว่าก็สามารถจัดอันดับให้สูงกว่าคนที่เจอก่อนหน้าได้

แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือผู้ชายแต่ละคนจะมีบันไดเพื่อจัดลำดับคนที่ชอบเพียงหนึ่งอันเท่านั้นแต่ผู้หญิงกลับมีบันไดถึงสองอัน คือ 

1. บันไดสำหรับผู้ชายที่ชอบและอยากสานสัมพันธ์เป็นคนรักหรือที่เรียกว่าบันใดที่แท้จริง (Real Ladder) 

2. บันไดสำหรับผู้ชายที่เธอมองว่าเป็นเพื่อนได้เท่านั้นเรียกว่าบันไดแห่งความเป็นเพื่อน (Friend Ladder)

ทำความรู้จักรากฐานของทฤษฎี 

ระบบประเมิน’ (Rating System) คือฐานราก (Foundation) ของทฤษฎีบันได ซึ่งเป็นการสรุปเกณฑ์การประเมินของผู้ชายและผู้หญิง จากการศึกษาและศึกษาและสำรวจภาคสนาม โดยเป็นข้อสรุปที่ช่วยให้เข้าใจการจัดอันดับความชอบบนบันไดแต่ละขั้นของผู้หญิงและผู้ชายมากขึ้น แต่ก็นำมาซึ่งข้อถกเถียงมากมายเช่นกัน 

ระบบประเมินของผู้ชาย (The Man’s Rating System) จะให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 60 อีกร้อยละ 30 คือการประเมินถึงโอกาสที่ผู้หญิงจะยอมมีเซ็กส์ด้วย และอื่น ๆ อีกร้อยละ 10 

ส่วนระบบประเมินของผู้หญิง (The Woman’s Rating System) จะให้ความสำคัญกับเงินและอำนาจมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50 ต่อมาคือความน่าดึงดูด (Attractiveness) คิดเป็นร้อยละ 40 โดยในหมวดความน่าดึงดูดนี้จะแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบคือ ความดึงดูดเชิงกายภาพหรือรูปลักษณ์ภายนอก ความท้าทาย ความแปลกใหม่ และอื่น ๆ ส่วนอีกร้อยละ 10 ที่เหลือคือปัจจัยอื่น ๆ เช่น อารมณ์ขัน หรือความฉลาดหลักแหลม เป็นต้น

อย่างไรก็ตามระบบประเมินของทั้งผู้ชายและผู้หญิงข้างต้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแบ่งประเภทที่ตื้นเขินเกินไปเนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆ  ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของมนุษย์ โดยปัจจัยเหล่านั้นอาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตัว ค่านิยม ความต้องการ รวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในช่วงชีวิตก็เป็นได้

การกระโดดข้ามบันได ผลลัพธ์ และวิธีหลีกเลี่ยง 

เมื่อผู้หญิงมีบันไดสองอันที่แบ่งแยกชัดเจนระหว่างผู้ชายที่ชอบและต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นคู่รักด้วยและผู้ชายที่มองว่าเป็นเพื่อนเท่านั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ชายจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่รู้สึกไม่ได้เพราะหากจะเริ่มทำความรู้จักจากการเป็นเพื่อนและค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆผู้ชายคนนั้นจะถูกผู้หญิงจัดอยู่บนบันไดของความเป็นเพื่อนโดยไม่รู้ตัวและเมื่อต้องการกระโดดข้ามบันได (Ladder Jumper) โดยการบอกความรู้สึกภายในใจที่คิดเกินกว่าเพื่อนมีโอกาสสูงมากที่ผู้หญิงจะปฏิเสธหรือปล่อยให้เขาคนนั้นตกเหว (Abyss) อันนำไปสู่การสิ้นสุดความเป็นเพื่อนระหว่างทั้งสองคน 

ยกตัวอย่าง บ็อบได้รู้จักกับเจนโดยบ็อบคิดว่าเจนเป็นคนที่น่าสนใจและตรงสเป็กของเขาดังนั้นบ็อบจึงจัดอันดับเจนไว้บนบันไดของตัวเองและเริ่มสานสัมพันธ์กับเจนไปเรื่อยๆ เช่นการพูดคุยกันให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผู้ชายที่เจนชอบหรือทำกิจกรรมที่ชอบด้วยกันโดยที่บ็อบไม่รู้เลยว่าเจนได้จัดให้เขาอยู่บนบันไดของความเป็นเพื่อน

เมื่อบ็อบชอบเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และพยายามจะกระโดดข้ามบันไดโดยไม่รู้ตัวโดยการบอกรักและขอเจนคบในฐานะคู่รักส่งผลให้เจนตกใจและบอกบ็อบว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขามากเกินไปกว่าเพื่อนและนั้นคือการที่เจนปล่อยบ็อบตกเหวหลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่สามารถกลับมาคุยกันได้เหมือนเดิมและสถานะเพื่อนที่เคยมีก็ต้องสูญเสียไป 

วิธีหลุดพ้นจากปัญหาหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวคือการแสดงท่าทีที่ชัดเจนไปเลยตั้งแต่แรกว่ามีความสนใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นคู่รักไม่ได้ต้องการเป็นแค่เพื่อนแค่เพียงเท่านี้ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่จัดให้ผู้ชายคนนั้นอยู่บนบันไดของความเป็นเพื่อนตั้งแต่แรกแต่ทั้งนี้การแสดงความชัดเจนต้องมีความพอดีเพราะหากมากเกินไปอาจจะทำให้ผู้หญิงมองว่าเป็นการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ได้

ผู้ชายและผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงหรือ?

หากอ้างอิงตามทฤษฎีข้างต้น ประโยคที่ว่า ผู้ชายและผู้หญิงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ อาจจะสร้างความสับสนเล็กน้อย เพราะตามทฤษฎีแล้ว ผู้หญิงสามารถมีเพื่อนเป็นผู้ชายได้ในสามกรณี คือ 

1. ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ชอบผู้หญิง

2. ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าผู้หญิงที่เป็นเพื่อนน่าดึงดูดหรือน่าสนใจ 

3. ผู้ชายคนนั้นมีผู้หญิงที่อันดับสูงกว่าอยู่บนบันไดแล้วหรือมีผู้หญิงที่ชอบมากกว่าอยู่แล้ว

ดังนั้นประโยคที่สามารถสรุปจากทฤษฎีได้ได้อย่างชัดเจนกว่าก็คือผู้ชายจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่ตนเองชอบหรือสนใจไม่ได้ 

อย่างไรก็ตามเกิดการโต้แย้งและถกเถียงเกี่ยวกับทฤษฎีบันไดในหลายประเด็นบ้างก็ว่าเป็นทฤษฎีที่สุดโต่งและเสียดสีมากกว่าจะเป็นทฤษฎีที่อธิบายพลวัตของปัจเจกบุคคลได้หรือการถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นทฤษฎีที่อ้างอิงงานวิจัยที่ไม่ได้ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์และเป็นการอ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวมากกว่า 

ทั้งนี้ทฤษฎีบันไดเป็นเพียงกรอบแนวคิดหนึ่งที่ใช้อธิบายความสัมพันธ์ของมนุษย์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมุมมองทีมีทั้งความน่าสนใจแต่บางมุมมองก็น่าตั้งคำถามและสามารถนำไปถกเถียงต่อไปได้อย่างไรก็ตามในปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์บนโลกใบนี้มีรูปแบบที่หลากหลายและซับซ้อนขึ้นซึ่งแน่นอนว่าความสัมพันธ์บางประเภทก็ไม่อาจอธิบายได้โดยทฤษฎีเดียว 

หากผู้ใดอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎีบันไดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านได้ที่หน้าเว็บเพจของทฤษฎี โดยจะมีคำอธิบายเริ่มตั้งแต่การแนะนำทฤษฎี การยกตัวอย่างสถาณการณ์ที่น่าสนใจและทำให้เข้าใจทฤษฎีมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงการสรุป อีกทั้งยังมีการอธิบายถึงประเด็นต่าง ๆ ที่มีผู้ยกขึ้นมาโต้แย้งเกี่ยวกับทฤษฎีอีกด้วย แต่เตือนไว้ก่อนว่าเนื้อหาด้านในมีการใช้คำที่ค่อนข้างมีความรุนแรง และไม่ถูกต้องทางการเมือง (Political Incorrectness) ในทางเพศค่อนข้างเยอะ

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า