อุบลฯ น้ำมูลขึ้นสูงทะลุสถิติน้ำท่วมปี’45 สุดช้ำหนุนน้ำเสียบ่อบำบัดเอ่อท่วมชุมชน

สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานี ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นและเริ่มจะทรงตัว อยู่ที่ 10.85  เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 7 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อุบลฯ ปี 2545 ที่ระดับน้ำมูลสูง 10.77 เมตร ชาวบ้านเขตตัวเทศบาลนครอุบลราชธานี เร่งกระสอบทรายมาปิดกั้นน้ำจากบ่อบำบัดน้ำเสีย เอ่อเข้าท่วมชุมชน

วันนี้ (12 ก.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานี ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นและเริ่มจะทรงตัว เนื่องจากมวลน้ำที่ไหลจากลำน้ำสาขาได้ไหลมายังจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว และกำลังจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ทำเมื่อเวลา 07.00 น. เช้านี้ มีรายงานระดับน้ำสถานีวัดระดับน้ำ M7 ใต้สะพานเสรีประชาธิปไตย อยู่ที่ 10.85  เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 7 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อุบลฯ ปี 2545 ที่ระดับน้ำมูลสูง 10.77 เมตร แต่น้ำยังคงสร้างความเดือดร้อนในเขตตัวเทศบาลนครอุบลราชธานีเพิ่มขึ้น

สำหรับสถานการณ์แม่น้ำมูลที่ปรับตัวสูงต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านชุมชนบูรพา ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ต้องนำกระสอบทรายมาปิดกั้นน้ำจากบ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากริมแม่น้ำมูลประมาณ 1 กิโลเมตร ไม่ให้เข้าไปยังที่พักอาศัยเนื่องจากน้ำดังกล่าวมีกลิ่นเหม็นและเป็นน้ำเสียที่ถูกน้ำในแม่น้ำมูลดันออกมาตามท่อระบายน้ำ ไม่ใช่น้ำมูลเหมือนชุมชนอื่นในพื้นที่ประสบอุทกภัย

นางสาวเปรมฤทัย พงค์ฐิติรัตน์ อายุ 35 ปี เปิดเผยว่า ปีนี้น้ำมาเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัวไม่มีการเตือนอพยพหรือใด ๆ ซึ่งน้ำที่มาเป็นน้ำที่มาจากท่อระบายน้ำจากบ่อบำบัดน้ำเสียดันขึ้นมาจากข้างล่างทำให้ระดับน้ำในท่อขึ้นสูงขึ้นต่อเนื่อง ต้องรีบขนของออกจากร้านและกั้นกระสอบทรายไม่ให้น้ำเข้าไปในร้าน ซึ่งน้ำที่ท่วมขณะนี้นอกจากสร้างความเสียหายและยังส่งกลิ่นเหม็น  ต่างจากน้ำที่ท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ในขณะนี้

และที่น่าเป็นห่วงเรื่องของเชื้อโรคที่ไหลมากับน้ำเสีย สิ่งที่อยากได้คือการประกาศแจ้งเตือนไม่ใช่การคาดเดา แต่ล่าสุดหลังจากที่น้ำมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เพื่อนบ้านได้แจ้งว่าทางเทศบาลเพิ่งมาประกาศให้ขนของไว้ที่สูงเพราะน้ำจะขึ้นอีก

สำหรับสถานการณ์น้ำล่าสุดที่สถานีวัดระดับน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อยู่ที่ 10.85 เมตร เพิ่มขึ้น 7 ซม. อัตราการไหล 5,130.00 ลูกบาศก์เมตร พื้นที่ความเสียหายอยู่ที่ 25 อำเภอ 159 ตำบล 1,123 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 27,176 ครัวเรือน 107,714 คน