Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ทำแผน “เสี่ยอ้วน” คดีสังหาร 2 ศพ หน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ สารภาพ เพราะพิษรักแรงหึง แค้นจนไม่อาจทนเห็นคนรักมีชายอื่น ก้มกราบขอขมาหน้าองค์พระ

จากกรณี นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน พร้อมลูกน้องรวม 6 คน  รัวปืนยิงปลิดชีพ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ น้องฟอส อายุ 21 ปี พนักงานเสริฟร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านอ้อมใหญ่ จ.นครปฐม ดับอนาถอย่างเหี้ยมโหด ข้างรถแวน INNOVA สีขาว ทะเบียน ฎง-9641 กรุงเทพมหานคร เบื้องหน้า องค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ม.6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 16.30 น.ของวันที่ 29 ก.ค. 61

ล่าสุด เวลา 15.00 น. วันที่ 22 ส.ค.61 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน , พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี เเละ ร.ต.อ.หญิง รสิตา เณรพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน ได้คุมตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 332/2561 ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในพื้นที่เขตเมืองพัทยา และสัตหีบ รวม 5 จุด

ในการนี้ จุดที่หน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ที่เสี่ยอ้วนและทีมงานลงมือสังหาร ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจอาสา และฝ่ายปกครอง จำนวนกว่า 100 นาย คุ้มกันอย่างแน่นหนา เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา ที่มีการใส่เสื้อเกราะคุ้มกันอีกชั้น หวั่นการถูกประทุษร้ายรุมประชาทัณฑ์ ท่ามกลางชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่มาเฝ้ารอดูเหตุการณ์ ต่างพากันสาปแช่งไปต่างๆ นานา

ขณะจะนำตัวไปทำแผนยังจุดอื่น เสี่ยอ้วนได้วอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อก้มลงกราบขอขมากรรมเบื้องหน้า องค์พระปฏิมากร พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนา ที่คนไทยให้การเคารพนับถือ เพื่อลาไปชดใช้เวรกรรมที่ก่อในคุก และขุมอเวจี

ผู้ต้องหาในคดีนี้ มีร่วมกัน 6 คน ถูกยื่นฟ้องศาลจังหวัดพัทยาในข้อหาเดียวกัน ประกอบด้วย 1. นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้บงการฆ่า และเป็นมือลั่นไก 2. นายณรงค์ หรือบ่าว วรินทรเวช อายุ 22 ปี มือลั่นไก รับค่าจ้างจากเสี่ยอ้วน 50,000 บาท

3. นายเกียรติศักดิ์ หรือบอล สุรางค์แสง มีบุญ อายุ 35 ปี รับเงินค่าจ้างเสี่ยอ้วน 1 แสนบาท ทำหน้าที่ขับ ฮอนด้า CRV สีขาว ทะเบียน กล-9444 ภูเก็ต ที่ใช้ก่อเหตุให้เสี่ยอ้วน นายบ่าว ตามมาลงมือยิง ก่อนเปลี่ยนเป็น รถปิคอัพ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บท-3631 ภูเก็ต พาเสี่ยอ้วนหลบหนี และนำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ 4 กระบอก ไปทิ้งในพงหญ้าใกล้สถานีรถไฟตำบลพลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

4. นายสายันต์ สีสุข อายุ 43 ปี คนชี้เป้า และจัดหาผู้ร่วมทีม รับเงินค่าจ้างเสี่ยอ้วน 10,000 บาท 5. นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือป๊อปปี้ อายุ 34 ปี ทำหน้าที่ขับรถเก๋ง โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 1กฎ-9490 กรุงเทพมหานคร เช่าจากพัทยาใช้ในการคุ้มกัน และประกบติดตาม รถแวน INNOVA สีขาว ทะเบียน ฎง-9641 กรุงเทพมหานคร ที่ผู้ตายเช่าเหมามาเที่ยวในวันเกิดเหตุ และ 6. นายกฤษณะ หรือมด สีสุข อายุ 22 ปี ทำหน้าที่จัดหาที่พักในเขตเมืองพัทยา นั่งอยู่ในรถ Toyota Yaris ขณะก่อเหตุ

สำหรับ การทำแผนได้อิงตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหาทั้งหมด มีการใช้ตัวละครแทนลูกทีม 5 คน ที่ถูกส่งดำเนินคดีแล้ว ซึ่งภายหลังก่อเหตุลงมือฆ่าทั้งหมดได้หลบหนีออกจากพื้นที่ มีเพียงนายสายันต์  ซึ่งยังอยู่กับกลุ่มผู้ตาย ทำทีเหมือนไม่รู้เห็น เมื่อสอบสวนขยายผลจึงทราบว่า นายสายันต์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทีมฆ่า ทำหน้าที่เข้ามาแฝงตัวสีตีสนิทเป็นแฟนกับเพื่อนผู้ตาย ในการส่งข่าวความเคลื่อนไหว และชี้พิกัดให้เสี่ยอ้วนรู้ ตั้งแต่เริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่พักในเมืองพัทยา ไปเที่ยวที่ตลาดน้ำสี่ภาค ต่อด้วยสวนนงนุชพัทยา ก่อนจะมาสิ้นสุดที่พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ซึ่งเป็นจุดที่ทีมฆ่าลงมือสังหาร

โดยรถที่ผู้ตายเช่าเหมามา ได้จอดเสียบเข้าซองอยู่บริเวณลานจอดรถข้างร้านค้า ระหว่างที่ผู้ตายทั้งสองกำลังกลับมาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ ทันใดนั้น รถโตโยต้า yaris ได้เคลื่อนตัวเข้ามาปิดท้าย และรถ CRV ของเสี่ยอ้วน เคลื่อนตัวปิดตาม ก่อนเสี่ยอ้วน จะลงมาจากรถควงปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก จ่อกระหน่ำยิงที่หัวของทั้งคู่

แต่กระสุน 3 นัดแรกเกิดด้าน จึงลั่นไกจนกระสุนไปถูกร่างของทั้งคู่จนล้มลง ทันใดนั้น นายบ่าวที่ตามลงมาด้วยกัน จึงได้เปิดฉากยิงปืนขนาด 9 มม. ซ้ำเข้าที่ร่างของน้องสปาย 2 นัด และน้องฟอส 2 นัด เมื่อแน่ใจว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว จึงได้นำปืนไปทิ้งทำลายหลักฐาน ก่อนพากันแยกย้ายหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นับเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่สังคมต่างให้ความสนใจ และเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าเป็นกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม แม้ตัวของเสี่ยอ้วนจะปฏิเสธไม่รู้เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม ซึ่งตลอดระยะเวลา 24 วัน นับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานกันอย่างเต็มกำลังสามารถ จนสามารถปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นที่พึงพอใจของสังคม และครอบครัวผู้ตาย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า