จับพนักงานสาวเซเว่น ริเป็นโจรเองกวาด 2.3 ล้าน

จับสาวอดีตพนักงานเซเว่น ก่อเหตุขโมยเงิน 2.3 ล้าน ในตู้เซฟของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เจ้าตัวรับสารภาพก่อเหตุจริง เพราะหาเงินมาใช้หนี้และโกรธที่ถูกไล่ออกเมื่อปีที่แล้ว

จากกรณีที่มีคนร้ายถือมีดสปาต้าจี้พนักงานในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ สาขาชุมชนบ้านมะค่า ต.บ้านโพธิ์ จ.นครราชสีมา เดินเข้าไปเปิดตู้เซฟที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ใส่กระเป๋าสะพาย ได้เงินสดไป 2.3 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเวลา 02.00 น. (1 ก.ค. 62)

ล่าสุดวันนี้ (2 ก.ค.62) เมื่อเวลา 14.20 น. ทาง พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภาค 3 พร้อมพนักงานสอบสวน ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากแนวทางการสอบสวนพบว่า คนร้ายอยู่เพียงลำพัง และรู้จักเส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี ที่สำคัญคือรู้ตำแหน่งของตู้เซฟและรู้ว่ามีกัญกุญแจ กระทั่งวิธีไขกุญแจเพื่อเปิดตู้เซฟ ใช้เวลาก่อเหตุเพียง 5 นาที โดยไม่มีท่าทีตื่นกลัวใดๆ ทางตำรวจจึงคาดว่าน่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับพนักงานในร้านเป็นอย่างดี

https://youtube.com/watch?v=UsdEg__nRDg

ต่อมาเวลา 15.00 น. ตำรวจภูธรภาค 3 ได้ติดตามจากกล้องวงจรปิดสำรวจเส้นทางหลบหนี จนสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ คือ น.ส.รจนา ช่องกลาง อายุ 25 ปี เป็นหญิงสาว รูปร่างหน้าตาดี จับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ต.ด้านคล้า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา แล้วนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.จอหอ ในตอนแรกผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าคนร้ายที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิด มีลักษณะคล้ายรูปร่างเธอ แต่สุดท้ายก็ยอมรับสารภาพแต่โดยดี โดยเผยว่า เคยเป็นอดีตพนักงานเก่าประจำร้าน แต่ถูกไล่ออกเมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากมีพฤติกรรมขโมยเงินของทางร้าน ก่อนถูกจับได้แล้วถูกไล่ออกจาก

น.ส.รจนา ช่องกลาง ผู้ต้องหา

โดยผู้ต้องหาให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ทำเพราะครอบครัวติดหนี้สินจำนวนมาก ประกอบกับตกงาน เป็นภาระให้สามีทำงานเลี้ยงดู และต้องดูแลลูกชายอายุ 1 ขวบเศษ นอกจากนี้ยังแค้นใจที่ถูกไล่ออก จึงอาศัยประสบการณ์ที่เคยทำงานในร้านมาก่อเหตุเพียงลำพัง

หลังก่อเหตุก็ได้โยนหมวกกันน็อกทิ้งลงป่าข้างทาง ก่อนนำเงินที่ใส่กระเป๋าสะพายมา ทำการเปลี่ยนถ่ายใส่ถุงพลาสติก นำไปซุกซ่อนไว้ในถังส้วมหลังบ้านพัก ยังไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว เพราะวางแผนไว้ว่าจะเอาไปใช้หนี้ และหนีไปทำงานที่ประเทศเกาหลี แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน ทั้งนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลว่ามีผู้อื่นร่วมมืออีกหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป