ชายวัย 60 กระหน่ำแทงชู้ ดับคารีสอร์ท

สามีสุดแค้นกระหน่ำแทงชายชู้ดับคารีสอร์ทหลังแอบนัดภรรยามาเปิดห้องอยู่ด้วยกัน ถีบประตูเข้าไปพบนอนเปลือยทั้งคู่ ชักมีดกระหน่ำแทงชู้ไม่ยังดับคาที่ ก่อนขับรถจักรยานยนต์ไปโรงพักมอบตัวกับตำรวจ

วันที่ 24 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.อ.เกียรติ พีรฉัตรปกรณ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตายภายในรีสอร์ท ชื่อดอกแก้วรีสอร์ท ต.ชะแล้ อ.สิงหนคร หลังจากลงพื้นที่ไปตรวจสอบร่วมกับ พ.ต.อ.อับดุลกอเดร์ บือแนสะเตง ผกก.สภ.ม่วงงาม จุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องพักหมายเลข 10 พบร่างชายถูกแทงนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนพื้นในสภาพร่างการเปลือยเปล่าทราบชื่อนายไสว สังข์ปิด อายุ 60 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณหน้าอกและลำตัวประมาณ 5 แผล สภาพภายในห้องมีร่องรอยของการต่อสู้และเต็มไปด้วยคราบเลือดทั้งบนเตียงนอนและบนพื้นห้อง

ส่วนมือมีดหลังก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามอบตัวกับตำรวจที่ สภ.สิงหนคร ทันทีพร้อมอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุรวมทั้งมีบาดแผลที่มือจากการถูกของมีคมบาดด้วยทราบชื่อนายทรงพล เชาว์โอภาส อายุ 60 ปี ทางตำรวจจึงได้นำตัวไปทำแผลที่โรงพยาบาลสิงหนครและควบคุมตัวเอาไว้ สอบสวนสาเหตุทราบว่ามาจากเรื่องชู้สาวเนื่องจากนายไสวผู้ตายแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาของนายทรงพล โดยเมื่อเวลา 11.00 น. นายไสวได้ขับรถยนต์กระบะเข้ามาเปิดห้องพักในรีสอร์ทแห่งนี้แบบค้างคืน ต่อมาเวลา 12.00 น. ได้มีนางถานัน แก้วชูศรี อายุ 49 ปี ภรรยาของนายทรงพล ขับรถจักรยานยนต์ตามเข้ามาและทั้งคู่ก็เข้าไปอยู่ในห้องด้วยกัน

กระทั่งเวลา 13.00 น.นายทรงพลซึ่งขับรถจักรยานยนต์สะกดรอยตามภรรยามาห่างๆ และพบว่าทั้งคู่มาเปิดห้องพักนอนด้วยกัน จึงถีบประตูห้องพักเข้าไปในห้องก็พบทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกันในสภาพเปลือยเปล่า จึงได้ใช้อาวุธมีดเข้าไปกระหน่ำแทงนายไสว และเกิดการต่อสู้กันเนื่องจากนายไสวก็พกมีดมาเช่นเดียวกัน แต่สุดท้าย นายไสวซึ่งถูกกระหน่ำแทงหลายแผลล้มลงเสียชีวิตในห้อง ส่วนนางถานันได้วิ่งหนีออกจากห้องพักไป

หลังก่อเหตุนายทรงพลได้ยอมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิงหนคร ว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุจริงเนื่องจากโกรธที่ทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน โดยในช่วงเที่ยงได้แอบติดตามภรรยามาจากบ้านพักและพบว่าทั้งคู่แอบนัดพบกันที่รีสอร์ทแห่งนี้จึงบันดาลโทสะถีบประตูเข้าไปกระหน่ำแทงผู้เสียชีวิตคาห้อง ทั้งนี้ตำรวจจะทำการสอบสวนในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะแจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป