ทหารชักปืนขู่คู่กรณีที่เชียงใหม่มอบตัว ต้นสังกัดย้ำไม่ปกป้องคนผิด

สิบเอกหัวร้อนชักปืนขู่ 3 พ่อแม่ลูกเพราะไม่พอใจเรื่องขับรถ เข้ามอบตัวแล้วก่อนรีบออกจากโรงพัก ให้พ่อตนเองและภรรยาขอขมาคู่กรณีแทน ด้าน ผบ.กองพลทหารราบที่ 7 ยันไม่ปกป้องคนผิดสั่งลงโทษทางวินัยและส่งกลับต้นสังกัดที่พิษณุโลก

จากกรณีเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่ง บันทึกภาพเหตุการณ์ รถยนต์สีดำ ทะเบียนเชียงใหม่ ซึ่งวิ่งอยู่เลนขวาได้ขับปาดหน้ารถที่ติดกล้อง ก่อนจะตะโกนให้จอดข้างทาง จากนั้นชาย ผมเกรียน สวมชุดสีดำเดินลงจากรถ ส่วนรถคันที่ติดกล้องก็มีชาย 2 คนและหญิงอีก 1 คนเดินลงมา หลังเผชิญหน้ากัน ชายผมเกรียนขักอาวุธปืนสั้นที่พกไว้ขึ้นมาข่มขู่ ก่อนทั้ง 2 ฝ่ายได้ขับรถแยกย้ายออกจากจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าของรถที่บันทึกภาพได้เข้าแจ้งความ ระบุว่าชายผมเกรียนขู่ว่าจะยิงให้ตายทั้ง 3 คน

หลังพบตำรวจ สิบเอกจีระพันธุ์ที่สวมหมวกไหมพรมวิ่งลงจากโรงพักขึ้นรถออกไปทันที

วันนี้ (31 ธ.ค.) เวลา 15.00 น. นายทหารพระธรรมนูญได้นำตัวสิบเอก จีระพันธุ์ เติมยศ อายุ 35 ปี สังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 จ.พิษณุโลก ช่วยราชการ ทำหน้าที่พลขับที่ กองพลทหารราบที่ 7 ค่ายตากสิน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ชายผมเกรียนที่อยู่ในภาพมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบปากคำโดยมีพ่อของสิบเอก จีระพันธุ์ เดินทางมาด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ

หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญฯ” และ “พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นสิบเอก จีระพันธุ์ ได้สวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า วิ่งออกจากห้องสอบสวนเพื่อหลบผู้สื่อข่าว วิ่งขึ้นรถกระบะสีดำที่จอดรออยู่ก่อนจะขับออกไปทันที

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายอำนาจ วิมล อายุ 54 ปี พร้อมภรรยา ผู้เสียหายได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรแม่ริม เพื่อพบพนักงานสอบสวนและให้ปากคำเพิ่มเติม จากนั้นพ่อและภรรยาของสิบเอกจีระพันธุ์ ได้นำพานดอกไม้ธูปเทียนมาเพื่อขอขมานายอำนาจและภรรยา แทนสิบเอก จีระพันธุ์ โดยระหว่างการพูดคุยภรรยาของสิบเอก จีระพันธุ์ ร้องไห้ตลอดเวลา ก่อนจะนำพานดอกไม้คุกเข่าขอขมาคู่กรณีแทนสามี

นายอำนาจและภรรยา เผยสั้นๆ ว่าไม่ติดใจและพร้อมจะให้อภัย เพื่อให้เรื่องราวจบลงด้วยดี เนื่องจากทราบว่าสิบเอก จีระพันธุ์ ถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษทางวินัยแล้ว

ด้าน พล.ต.บรรณวัฒน์ พรหมจรรย์ ผบ.กองพลทหารราบที่ 7 เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และสั่งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ทหารเราไม่ปกป้องคนผิด เรามีบทลงโทษทางวินัยร้ายแรงตามความผิด สำหรับตัวสิบเอกรายนี้ ล่าสุดได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่ริมเรียบร้อยแล้ว และหลังการดำเนินการทางคดีความที่เกิดขึ้น ได้มีคำสั่งส่งตัวกลับต้นสังกัดและดำเนินการตามความผิดทางวินัยต่อไป