Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจพบวัตถุออกฤทธิ์ชนิดใหม่ “ไดคลาซีแพม (Diclazepam)” ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นยาคลายเครียดในกลุ่มเบนโซไดอาซีปีน เช่นเดียวกับไดอาซีแพม แต่มีฤทธิ์รุนแรงกว่า 10 เท่า และยังไม่มีการควบคุม ทางกฎหมาย โดยมีรายงานในต่างประเทศว่า มีการนำมาใช้ในทางที่ผิดและมีผู้เสียชีวิตจากการใช้ยานี้จำนวนมาก เตรียมเสนอข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาควบคุมทางกฎหมาย เฝ้าระวังการแพร่ระบาด และสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติด

นายแพทย์ (นพ.) โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักยาและวัตถุเสพติด ได้รับของกลางจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ลักษณะเป็นเม็ด กลมแบนสีฟ้า ด้านหนึ่งมีตัวอักษร “D A N” และตัวเลข “5 6 2 0” อยู่บนแต่ละข้างของขีดแบ่งครึ่งเม็ด อีกด้านหนึ่งมีตัวเลข “10” จำนวน 99,850 เม็ด ซึ่งจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และส่งตรวจพิสูจน์โดยสงสัยว่าเป็นยาไดอาซีแพม (Diazepam) ซึ่งจัดเป็น วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 4 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 จากการตรวจพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการ ไม่พบไดอาซีแพม แต่ตรวจพบไดคลาซีแพม ที่ยังไม่มีการควบคุมทางกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งจากรายงานในต่างประเทศพบว่ามีการนำไปใช้ในทางที่ผิดและเสียชีวิตด้วยยาชนิดนี้จำนวนมาก โดยเฉพาะในทวีปยุโรป

(นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์)

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ไดคลาซีแพม เป็นยาคลายเครียดในกลุ่มเบนโซไดอาซีปีน เช่นเดียวกับ ไดอาซีแพม ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง และมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายไดอาซีแพม แต่มีฤทธิ์รุนแรงกว่าประมาณ 10 เท่า สังเคราะห์ขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 แต่ไม่ได้มีการนำมาใช้เป็นยาทางการแพทย์ และไม่มีข้อมูลการศึกษาประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในมนุษย์ เนื่องจากพบว่าเสพติดได้ง่ายแม้ใช้ในขนาดปกติ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นสารที่ออกฤทธิ์ ได้เช่นเดียวกันอีก 3 ชนิดก่อนขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ซึ่งสามารถตรวจพบได้นานถึง 10 วัน หลังการใช้ จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ชนิดใหม่ที่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดและแพร่ระบาดมากในต่างประเทศ มักลักลอบขายทางอินเทอร์เน็ต การใช้ยาติดต่อกันในขนาดที่สูง จะทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาเกินขนาดได้ง่าย พบรายงานการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจำนวนมากในหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร, สวีเดน, เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ไดคลาซีแพม ร่วมกับยาเสพติดชนิดอื่นๆ เช่น ออกซิโคโดน มอร์ฟีน และเฮโรอีน หรือใช้พร้อมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางเช่นเดียวกัน มีผลให้ปริมาณ ไดคลาซีแพม ในร่างกายสูงเกินขนาด ทำให้หายใจลำบาก โคม่า และเสียชีวิตได้ในที่สุด

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวด้วยว่า ไดคลาซีแพม ยังไม่ได้มีการควบคุมทางกฎหมายโดยสหประชาชาติ รวมทั้งในประเทศไทย แต่มีการควบคุมเช่นเดียวกับ ไดอาซีแพมในแคนาดา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ในสหราชอาณาจักรมีการควบคุมเมื่อ พ.ศ.2559 นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมแล้วในอีกหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, สวิสเซอร์แลนด์, ตุรกี และเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลการตรวจพบไดคลาซีแพมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการแพร่ระบาดแล้วในประเทศไทย ทั้งนี้ ยาชนิดนี้ไม่มีการนำมาใช้ทางการแพทย์ แต่มีแนวโน้ม การนำมาใช้ในทางที่ผิดสูง ดังนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะได้เสนอข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อใช้ในการพิจารณาควบคุมทางกฎหมาย เฝ้าระวังการแพร่ระบาด และสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า