Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ยาย ลูกสาว และหลานถูกรถทัวร์ทิ้งกลางทาง โร่แจ้งความเอาผิดคนขับรถทัวร์แล้ว ขณะที่ขนส่งระยองยันให้ความเป็นธรรม หลังเรียกทั้งสองฝ่ายเข้าสอบสวน หากพบผิดจริงลงโทษทันที

วันที่ 15 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก “คนสู้ชีวิต จันทร์หอม ศรีรักษา” ได้โพสต์ข้อความและภาพระบุว่า ยายและหลานนั่งรถทัวร์ของบริษัทแห่งหนึ่งจาก จ.ขอนแก่น มา จ.ระยอง และโดนคนขับปล่อยทิ้งไว้กลางทาง เวลาประมาณ 02.00 น. เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงการกระทำของคนขับรถจำนวนมาก

ต่อมา ได้มีสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อ “BusandTruckexpo.com” ได้โพสต์ข้อความในคอมเมนต์ โดยระบุคำกล่าวอ้างสรุปได้ว่า รถทัวร์คันดังกล่าวได้ออกจากสถานีต้นทางเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ต.ค. เมื่อถึง จ.ระยอง ปรากฏว่าพนักงานขับรถไม่ได้เข้าสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ระยอง แห่งที่ 2 แต่กลับวิ่งเลยเข้ามาในตัวเมือง แล้วผ่านเลยออกไปจากตัวเมือง ก่อนปล่อยผู้โดยสารลงที่ริมถนนสุขุมวิท ตรงข้ามบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ขณะเดียวกันได้ระบุชื่อคนขับ พร้อมทั้งยังระบุอีกว่า ได้ประสานไปยังบริษัทดังกล่าวแล้ว และให้พนักงานขับรถมารายงานตัวที่สำนักงานขนส่ง จ.ระยอง ในวันนี้ เวลา 10.00 น. เพื่อให้ปากคำ และ สขจ.ระยอง จะได้พิจารณาลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งพนักงานขับรถและผู้ประกอบการขนส่งต่อไป

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.กวีวุฒิ บุญเรือง ร้อยเวร สภ.เมืองระยอง ได้รับแจ้งความจาก นางจันทร์ หอม ศรีรักษา อายุ 50 ปี ที่เดินทางมาพร้อมด้วยทนาย หลังถูกรถทัวร์โดยสาร ทิ้งลงกลางทางกลางดึก โดย นางจันทร์หอม ได้ให้การว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ตนเอง และ น.ส.รัชนีกร ศรีรักษา อายุ 22 ปี บุตรสาว และหลานสาว 2 คน ได้ซื้อตั๋วคนละ 600 บาท ขึ้นรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ของบริษัทชาญทัวร์ จำกัด สายนครพนม-ระยอง ทะเบียน 10-7847 ขอนแก่น หมายเลขข้างรถ 827-14 ที่วิ่งออกจากต้นทาง จ.นครพนม เพื่อมาลงที่ปลายทาง สถานีขนส่ง จ.ระยอง แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถตามที่นั่งที่ระบุไว้บนชั้นสอง ปรากฏว่ารถมีปัญหาคนขับยังมุดซ่อมอยู่ใต้รถ จึงทำให้ผู้โดยสารต่างโวยวาย จนเกือบจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ แต่ซ่อมรถเสร็จทัน คนขับจึงได้ขับรถออกมา

ต่อมา เวลา 02.00 น. รถก็วิ่งเข้าสู่เขต จ.ระยอง จึงโทรประสานกับลูกเขยทันที โดยมีการนัดให้ลงที่สถานีขนส่งระยอง ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดระยะของรถ ซึ่งในขณะนั้นไม่เหลือผู้โดยสารท่านอื่นแล้ว มีเพียงตนกับลูกสาวและหลานสองคน จึงพยายามมองหาจุดที่ลูกเขยบอกให้ลง พอบอกจุดที่ผ่านปรากฏว่า ลูกเขยบอกว่าเลยผ่านไปแล้วให้ลงเลย ทางตนเองจึงรีบเดินไปบอกให้คนขับรถจอดรถเพื่อจะลงตรงหน้า บริษัทไออาร์พีซี เพราะมีไฟสว่าง และเห็น รปภ. ยืนอยู่หน้าบริษัท จึงคิดว่าปลอดภัย แต่คนขับรถได้ขับเลยไปกว่า 500 เมตร จึงจอดให้ลง ซึ่งบริเวณนั้นมืดมาก จึงรีบกระเตงหลานพร้อมหิ้วข้าวของเดินมารอที่หน้าบริษัทดังกล่าว เพื่อรอให้ลูกเขยมารับ การกระทำดังกล่าวนับว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร โดยไม่จอดตามจุดที่กำหนด โดยที่ไม่มีพนักงานแจ้งว่าถึงไหนและจะจอดตรงไหน ทำให้เกิดความกลัว หากติดต่อญาติไม่ได้จะทำอย่างไร จึงมาแจ้งความไว้ให้ดำเนินคดีกับคนขับรถและบริษัทรถทัวร์คันดังกล่าว โดยทางร้อยเวรได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรอผลการสอบสวนจากทางขนส่ง จ.ระยอง ที่นัดสอบสวนไว้แล้วมาประกอบการพิจารณาในการดำเนินคดีต่อไป

ด้าน น.ส.ธิวา เพ็ญสาริการ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ ได้ทำการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมี นายทวีศักดิ์ วีระไชยานนท์ ตัวแทนบริษัทชาญทัวร์ จำกัด และ นางจันทร์หอม ศรีรักษา พร้อมด้วย น.ส.รัชนีกร ศรีรักษา และหลานทั้งสองคน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

โดย นางจันทร์หอม ยอมรับว่าเป็นคนโพสต์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงในเฟซบุ๊กของตัวเองจริง เพื่อให้ทางบริษัทได้ร้บรู้จะได้ไม่เกิดเหตุขึ้นอีก และทวงความเป็นธรรมให้กับตัวเองกับลูกสาวและหลาน ไม่ได้กล่าวหาทั้งหมด เพียงแต่กล่าวหาคนขับที่บกพร่องคนเดียวและยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ของบริษัทก็บริการตนเองและลูกหลานดี แต่ต้องการให้ทางขนส่งดำเนินการให้ความเป็นธรรมกรณีที่คนขับไม่ส่งลงที่สถานีขนส่ง

น.ส.รัชนีกร ศรีรักษา เผยว่า ระหว่างที่รู้สึกผิดปกติ คนขับบอกว่าหลงทาง จึงได้โทรศัพท์ พูดคุยกับสามีที่มารอรับตลอดเวลา ทำให้ทราบว่ารถได้เลยมาจากจุดที่ต้องการลงแล้ว รู้สึกกลัวอย่างมาก แต่ตนต้องดูแลทั้งแม่และลูก และเมื่อสามีบอกให้หาทางลงจากรถให้ได้ เมื่อเห็นแสงไฟและป้อมยามจึงได้บอกให้คนขับจอด ทั้งๆ ที่กลัว และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น

ส่วน นายวีระศักดิ์ ตัวแทนบริษัทรถทัวร์ ได้รับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพื่อหาข้อมูลจากคนขับและพนักงานบนรถว่าความจริงเป็นอย่างไร หากเป็นจริงก็จะไม่เข้าข้างคนผิดเด็ดขาด ซึ่งต้องรอให้คนขับเดินทางกลับจาก จ.นครพนม ก่อนจะพาตัวมาพบทางเจ้าหน้าที่ขนส่งอีกครั้ง ในวันที่ 16 ต.ค. นี้

ขณะที่ น.ส.ทิวา เพ็ญสาริการ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ ได้กล่าวหลังการสอบสวนว่า เบื้องต้นทราบว่าการขอลงรถเป็นความสมัครใจของผู้โดยสาร แต่ก็ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎของทางขนส่ง ที่ระบุชัดเจนว่าต้องเข้าจอดที่สถานีขนส่งเท่านั้น จึงเป็นการออกนอกเส้นทาง อย่างไรก็ตาม จะต้องสอบสวนคนขับอีกครั้งจึงจะสรุปได้ว่าความจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผิดก็จะมีโทษปรับและพักใบอนุญาตขับขี่ พร้อมบันทึกประวัติไว้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า