รพ.พระราม 2 แถลงทำตามขั้นตอนไม่ได้ปฏิเสธผู้ป่วย

ผู้บริหารและแพทย์ศัลยกรรมโรงพยาบาลพระราม 2 แถลงข่าวยืนยันดูแลผู้ป่วยที่ถูกน้ำกรดสาดตามขั้นตอน ขณะนั้นตรวจดูอาการสัญญาณชีพปกติและไม่มีแผลพุพอง จึงจะรับเข้ารักษาเบื้องต้นและให้ยาระงับอาการปวด แต่คนไข้ปฏิเสธและขอขึ้นแท็กซี่ไปอีกโรงพยาบาลเอง

กรณีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจากการถูกน้ำกรดสาดเพราะความหึงหวงที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาได้มีการส่งตัวผู้ป่วยต่อไปที่อีกโรงพยาบาลที่คนไข้มีสิทธิประกันสังคม แต่ผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างทาง จึงเกิดการตั้งข้อสังเกตถึงขั้นตอนและการปฏิเสธการรักษาคนไข้ของโรงพยาบาลแรก

วันที่ 12 พ.ย. พ.ญ.วัลลภา ไชยมโนวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระราม 2 แถลงชี้แจงว่า กรณีที่เกิดขึ้นพยาบาลห้องฉุกเฉินสอบถามอาการ ทราบว่าคนไข้ถูกสามีสาดน้ำร้อนเข้าหน้าในขณะนอน จึงได้ปฐมพยาบาลพร้อมวัดสัญญาณชีพ ผลความดันปกติ ชีพจรปกติ การหายใจปกติ ออกซิเจนในเลือดปกติจากนั้นได้ รายงานแพทย์ที่ปรึกษาด้านศัลยกรรม นพ.พีระ คณานุวัฒน์ ซึ่งได้สั่งให้ทำแผลและรับไว้เป็นผู้ป่วยในเพื่อให้ยาระงับปวดและสังเกตอาการ แต่คนไข้แจ้งปฏิเสธการรักษาเป็นผู้ป่วยในพร้อมทั้งบอกความต้องการไปรักษาที่โรงพยาบาลบางมดตามสิทธิประกันสังคมและประสงค์เดินทางไปเอง ทางโรงพยาบาลจึงได้ประสานกับโรงพยาบาลบางมดให้

ด้าน น.พ.พีระ คณานุวัฒน์ แพทย์ผู้เชียวชาญด้านศัลยกรรม กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุผู้ป่วยเดินทางมารักษาเวลาประมาณ 05.30 น. ขณะนั้นมีแพทย์เวรประจำอยู่แต่อยู่ระหว่างเข้าห้องน้ำ พยาบาลได้ประเมินอาการโดยตอนเข้ามาทีแรกประเมินไม่ได้เนื่องจากคนไข้มีคราบครีมสีขาวคือยาสีฟันที่ทามาหนาล้างยาก คนไข้จึงลุกจากเตียงไปล้างเองแล้ว กลับมานอนที่เตียงต่อ เมื่อพยาบาลประเมินพบผิวหนังไหม้ระดับปฐมภูมิเป็นแค่รอยแดง ยังไม่ถึงขั้นพอง รอยตามตัวไม่มีมีแค่แขนกับหน้า และติดต่อทางโทรศัพท์โดยตรงมายังตนเองที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

เมื่อรับฟังข้อมูลแล้ว ได้ให้รับคนไข้เข้ารับการรักษา แต่คนไข้แจ้งปฏิเสธและต้องการเดินทางไปอีกโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์ประกันสังคมเอง โรงพยาบาลพระราม 2 ได้ประสานไปยังอีกโรงพยาบาลโดยพยาบาลของเราได้คุยพยาบาลห้องฉุกเฉินและได้แจ้งประสานข้อมูลไว้ล่วงหน้า ขณะที่รถฉุกเฉินมีเตรียมพร้อม 2 คัน แต่เดาใจคนไข้ว่าเห็นการติดต่อกับปลายทางแล้วเห็นว่าคุยนานจึงขอไปเองโดยแท็กซี่ ส่วนข่าวยัดเยียดเงินให้ 40 บาท มาจากเงินส่วนตัวของบุรุษพยาบาลที่สอบถามลูกของผู้ป่วยแล้วพบว่ามีเงิน 50 บาท จึงนำเงินส่วนตัวส่งให้ไป 40 บาทเพราะคิดว่า 90 บาทจะเพียงพอ

ยืนยันไม่ได้ปฏิเสธการรักษาเบื้องต้น และไม่ได้มาจากการวินิจฉัยผิดพลาด เพราะคนไข้ผิวหนังแค่เป็นรอยแดง ลักษณะของแผลไม่เป็นเหตุให้เสียชีวิต ส่วนกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ขั้นตอนการเข้ารับการรักษา ไม่สามารถเปิดเผยภาพได้เพราะละเมิดสิทธิผู้ป่วย ต้องเป็นญาติมารับไปเท่านั้นจึงจะเปิดเผยได้