รวบ 2 วัยรุ่น จับ ‘เต่าปูลู’ สัตว์สงวนหายาก หวังเอาไปกิน

ประเด็นคือ – เจ้าหน้าที่อุทยานแจ้ซ้อน รวบ 2 วัยรุ่นชาวเขา แอบเข้าไปจับเต่าปูลู สัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ ในเขตอุทยาน สารภาพจะนำไปเลี้ยงให้โต แล้วจะนำไปปรุงอาหาร

วันที่ 3 มี.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ร่วมกันสอบสวน เยาวชนชายชาวเขา 2 คน อายุ 17 โดยทั้งสองคนเป็น ชาว จ.ลำปาง พร้อมของกลางเต่าปูลูขนาดต่างๆ จำนวน 4 ตัว และซากสัตว์น้ำอีกจำนวนหนึ่ง

หลังจากที่กำลังเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ออกตรวจลาดตระเวนมาถึงเขตบ้านแม่แจ๋มหมู่ที่ 1 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ได้พบกับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 2 คน เดินออกจากลำห้วยในป่ามา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ ได้แสดงท่าทางมีพิรุธ

เจ้าหน้าที่จึงขอทำการตรวจค้นกระเป๋าเป้สีดำสะพายหลัง พบมีตัวเต่าปูลูของกลาง พร้อมซากสัตว์น้ำซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวนยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
จากการสอบสวนเยาวชนทั้ง 2 คน รับว่า ของกลางเต่าปูลูเป็นของพวกตนเอง ซึ่งได้ลักลอบเข้าไปงมหาตามลำห้วย ในเขตป่าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เพื่อจะนำไปเลี้ยง และเมื่อตัวใหญ่จะนำไปประกอบทำเป็นอาหารโดยอ้างว่า ไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย

ซึ่งเต่าปูลูทั้ง 4 ตัว มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ และยังมีชีวิตอยู่ จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเต่าปูลูของกลางก็จะได้นำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งที่อาศัยตามธรรมชาติ

โดยเต่าปูลูที่ตรวจยึดได้ ถือเป็นสัตว์สงวนหายากมาก เป็นเต่าที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามที่อยู่อาศัย และถูกจับเป็นสัตว์เลี้ยง หรือนำไปฆ่า เพื่อปรุงยาสมุนไพร ซึ่งที่ผ่านมาถือว่ามีการซื้อขายเต่ากันในราคาที่สูง สำหรับภายในป่าลึกเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนแห่งนี้ ถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเต่าหายาก และใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้เช่นกัน ทำให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจเข้ม เพื่อป้องกันรักษาป่าและไม่ให้มีการลักลอบเข้าไปหาของป่าทุกชนิด

นอกจากนี้ เต่าปูลูจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนเต่าทั่วไป เป็นเต่าที่มีหางยาว หัว และขาไม่สามารถหดในกระดองได้ มีความสามารถในการปีนป่าย และกินสัตว์จำพวกปู หรือปลาเป็นอาหาร ทั้งนี้ เต่าปูลูเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 มีบทกำหนดโทษตามลักษณะความผิด โดยโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ