Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ- ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาคุณลุงหัวร้อนควงไม้เท้าทุบรถอาจารย์ ม.ดัง ยกมือไหว้ขอโทษ อ้างคุมตัวเองไม่อยู่เพราะป่วยเส้นเลือดในสมองแตก คู่กรณีเล่าระทึก ลุงคลั่งทำเมียท้อง 9 เดือน – ลูกชาววัยขวบเศษผวา พร้อมให้อภัย แต่ตำรวจขอดำเนินคดีเป็นบทเรียน 

ความคืบหน้าจากคลิปเหตุการณ์คุณลุงอารมณ์ร้อน ไม่พอใจถูกรถคู่กรณีบีบแตรไล่ ลงจากรถใช้ไม้เท้าทุบกระจกรถคู่กรณีจนแตกเสียหาย และทำให้คู่กรณีได้รับบาดเจ็บ แถมไม่ยอมหยุด ทั้งที่คู่กรณีขอร้องเนื่องจากมีเด็กเล็กอยู่ในรถ เหตุเกิดหน้าศูนย์การค้าพรอมเมนาดา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งคลิปนี้ถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุดเช้าวันนี้ (4 ธ.ค. 60) นายพรพรหม โทณวนิก อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อายุ 60 ปี ชาว ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคุณลุงในคลิป พร้อมกับนายสันติภาพ วิริโยทัย อายุ 31 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ และภรรยา สองผู้เสียหาย เดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทิวรรณา พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง

โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น, ทำลายความสงบสุขของประชาชนในถนนหรือทางหลวงโดยขู่เข็ญ ดูหมิ่น หรือรังแก  ตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พร้อมนำตัวนายพรพรหม พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติเพื่อส่งฟ้อง

นายพรพรหม รับว่า สาเหตุที่ทำลงไปเป็นเพราะมีอารมณ์แปรปรวน เป็นผลมาจากเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทำให้อารมณ์ร้อน บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่า ควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป มารู้ตัวในภายหลัง

การพบกันของคู่กรณีครั้งนี้ นายพรพรหมได้เชิญผู้สื่อข่าวออกจากห้องเพื่อเจรจากับคู่กรณีเป็นการส่วนตัว โดยได้ยกมือไหว้ขอโทษคู่กรณีพร้อมบอกว่า ทำไปโดยไม่รู้ตัวและยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายสันติภาพ บอกว่า ตนเองและภรรยารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก โดยในตอนนั้นได้พยายามขอร้องนายพรพรหม เพราะมีลูกชายวัย 1 ขวบ 9 เดือน นั่งคาร์ซีทในรถ แต่นายพรพรหมก็ยังไม่ยอมหยุด ยังคงใช้ไม้เท้าทุบกระจกอย่างบ้าคลั่งกว่า 10 ครั้ง ตนใช้แขนป้องใบหน้าไว้ ทำให้เศษกระจกถูกแขนข้างขวาเป็นแผล เศษกระจกเข้าตา ส่วนภรรยาที่ตั้งครรภ์ 9 เดือน ใกล้คลอด พยายามใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งคาร์ซีทเพราะกลัวได้รับบาดเจ็บ

เหตุการณ์ครั้งนี้โชคดีที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุเร็วมากเพียงแค่ 5 นาที หลังโทรศัพท์ไปแจ้ง ทำให้เหตุการณ์ยุติโดยที่ไม่รุนแรงไปมากกว่านี้

หลังเกิดเหตุตนเองได้พาครอบครัวไปโรงพยาบาล โชคดีที่ลูกชายและภรรยาที่ตั้งครรภ์ไม่เป็นอะไร แต่ลูกชายยังอยู่ในอาการหวาดกลัว เหตุการณ์ครั้งนี้ที่นำคลิปไปเผยแพร่เพราะต้องการให้เป็นอุทาหรณ์ในการใช้รถให้ทุกคนใจเย็น ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์มากถึงขนาดนี้

ส่วนคู่กรณี ตนเองและภรรยาไม่ติดใจและให้อภัย แต่ในส่วนของการดำเนินคดีก็จะให้ทางตำรวจดำเนินการไปตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างกับคนอื่นๆ

ด้าน พ.ต.อ.ปิยพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ซึ่งเดินทางมาดูแลคดีนี้ บอกว่า ข้อหาที่แจ้งไปเป็นข้อหาที่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ที่โรงพัก แต่เนื่องจากคดีนี้มีพฤติการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งให้พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติและส่งฟ้องต่อศาล โดยไม่เปรียบเทียบปรับที่โรงพัก

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ปิยพันธ์ ยังได้ประชาสัมพันธ์การใช้รถใน จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะเดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยว มีปริมาณรถมาก ให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรเคร่งครัด และใจเย็น มีน้ำใจ เพื่อลดการกระทบกระทั่งและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากความใจร้อน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า