ลูกจ้างสาวถูกข้าราชการลวนลาม หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

ประเด็น – จากกรณีที่ ลูกจ้างสาวเหยื่อถูกข้าราชการลวนลาม ผ่านมากว่า 3 เดือน เรื่องยังเงียบ หวั่นมีกระบวนการให้การช่วยเหลือข้าราชการคนนี้

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 60 เวลา 20.30 น. นางบี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี พนักงานอัตราจ้างปีต่อปี ตำแหน่งเลขานุการ กลุ่มภารกิจกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วชิรนุสรณ์ คำแพง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี ว่าได้เข้าทำงานที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2557 เมื่อเข้าทำงานได้ถูก “นายอัศม์เดช รัตนวรประเสริฐ” หัวหน้ากลุ่มภารกิจกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทำอนาจารด้วยการกอด จับหน้าอก จนทนไม่ไหว ได้ร้องเรียนไปยังผู้ใหญ่ แต่เรื่องก็เงียบหาย

จนวันที่ 25 ก.ค. 60 ก็ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ไว้เป็นหลักฐานมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่มีหลักฐาน ต่อมาได้ถูก “นายอัศม์เดช” ลวนลามจับหน้าอกขณะที่มีเพื่อนอีกคนอยู่ด้วย และได้มีการถ่ายคลิปไว้ จึงได้เข้าแจ้งความอีกครั้งในวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมคลิปหลักฐาน และพาเพื่อนร่วมงานมาให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำในฐานะพยานคดีดังกล่าว ข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี ต่อหน้าธารกำนัล

ต่อมา วันที่ 12 ส.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.พ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ลงนามคำสั่งย้ายหัวหน้างานบุคคลที่ปรากฏในคลิปไปสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนนทบุรี (สสอ.) ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 60 และได้เร่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ลูกจ้างสาวเหยื่อถูกข้าราชการลวนลาม (ขอสงวนชื่อ นามสกุล) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังรอผลการสอบวินัยร้ายแรง ของข้าราชการที่ได้ลวนลามตนและเพื่อนๆ อีกหลายคน ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่มีความกังวลมาก เพราะสถานการณ์ดูเหมือนเงียบลง แต่กลับมีการพูดกันอย่างหนาหูภายในกระทรวงว่า มีกระบวนการให้การช่วยเหลือข้าราชการคนนี้ โดยการทำสำนวนให้อ่อน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า จะทำให้สำนวนอ่อนได้อย่างไร แต่ตอนนี้มีความพยายามในการโยนมูลเหตุจูงใจว่า เป็นเพราะฝ่ายหญิง ซึ่งก็หมายถึงตนและเพื่อน ออกมาโวยวายเพราะต้องการดิสเครดิตข้าราชการคนนี้ พยายามเลื่อยขาเก้าอี้ แล้วบอกว่าข้าราชการ ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมือลวนลาม หยามเกียรติของคน เป็นคนดีที่ถูกกลั่นแกล้ง

ที่ผ่านมาในระบบราชการมักถูกมองว่าช่วยเหลือพวกพ้อง และกรณีของตนนับว่าเป็นกรณีแรกๆ ที่จะกลายเป็นบรรทัดฐานของกระทรวง ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรมอยู่ เพราะท่าน รมว.สาธารณสุข และอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้นิ่งนอนใจ รับปากว่าจะมีการสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามถ้าสุดท้ายแล้วผลออกมาว่าตัวเขาไม่ผิด ตนคงทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นบรรทัดฐานของกระทรวงสาธารณสุข