ล่ารองเจ้าอาวาส ใช้ขวานกระหน่ำฟันคอ หน้าหนุ่มใหญ่ ก่อนขุดหลุมฝัง โบกปูนทับในวัด

ประเด็นคือ – ตำรวจเร่งล่าตัวรองเจ้าอาวาสวัด ใช้ขวานสับหนุ่มใหญ่ดับ หลังแค้นมาทวงค่าไก่ชน บังคับให้ลูกศิษย์ขุดหลุมฝัง ก่อนนำลูกรังถม โปกปูนทับอีกที

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 23 ต.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุคนถูกฆ่าฝังดิน ภายในวัดศรีบุญเรือง หมู่ 13 บ้านหนองแคน ต.โนนสูง ที่เกิดเหตุเป็นที่ว่างหลังวัด มีการนำหินลูกรังมาถมและเทปูนกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร

โดยเมื่อเย็นวันที่ 21 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสูง ได้รับแจ้งจากนายเฉลิมพล พรหมมินทร์ อายุ 41 ปี ว่า “นายวิชาญ พรหมมินทร์ อายุ 44 ปี ชาว จ.อุดรธานี พี่ชาย มีอาชีพเลี้ยงวัวได้หายตัวจากบ้านไป พบครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 ต.ค. ที่บ้านหลังหนึ่งที่จัดงานศพ พบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายจอดทิ้งไว้ ซึ่งปกติผู้ตายจะชอบดื่มเหล้า หากมีอาการมึนเมาก็จะกลับบ้านนอน แต่ก่อนจะหายตัวไปทราบว่าไปมีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นในหมู่บ้าน จึงเกรงว่าผู้ตายจะมีอันตราย ญาติจึงได้ออกตามหา แต่ก็ไม่พบ จึงมาแจ้งตำรวจ”

หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังตำรวจออกตามหา จนพบ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 11 ปี อดีตเณรวัดศรีบุญเรือง เดินมาแจ้งว่า เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ พระสงกรานต์ สินไชย อายุ 41 ปี รองเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ซึ่งได้หลบหนีไปแล้ว ฆ่านายวิชาญ แล้วนำศพไปฝังดิน โดยวันที่ 20 ต.ค. ขณะที่พระสงกรานต์กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่บนกุฏิ กับนายบี (นามสมมติ) และนายซี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ชาวบ้านบ้านหนองแคน

ส่วนตนขณะนั้นบวชเป็นเณร นั่งเล่นเกมอยู่ในห้องบนกุฏิ เห็นผู้ตายที่อาการมึนเมาขึ้นมาบนกุฏิของพระสงกรานต์ แล้วทวงค่าไก่ชนที่พระสงกรานต์ติดค้าง ทำให้พระสงกรานต์ไม่พอใจและไล่ผู้ตายลงไปจากกุฏิ แต่ผู้ตายไม่ยอมลง ทำให้พระสงกรานต์โมโห และชกผู้ตายล้มลง ก่อนจะสั่งให้นายบีและนายซี มาช่วยกันรุมทำร้าย จนผู้ตายสลบหมดสติ แล้วพระสงกรานต์ได้สั่งให้นายบีไปเอาขวานในกุฏิมาให้ กระหน่ำฟันคอ หัว และฟันหน้าผู้ตายหลายครั้งจนเสียชีวิต

จากนั้น พระสงกรานต์ได้สั่งให้ตนและนายเอ , นายบี ไปขุดหลุมฝังผู้ตายที่ลานว่างหลังวัด ลึก 80 ซม. พระสงกรานต์ ได้อุ้มศพผู้ตายลงมาจากกุฎิ ก่อนจะสั่งให้พวกตนหามศพช่วยไปฝัง เมื่อนำศพไปทิ้งลงหลุมแล้ว พระสงกรานต์และตนได้ถอดจีวรทิ้งในลงหลุมศพ ส่วนนายเอได้ถอดกางเกงขาสั้นทิ้งลงไปด้วย ก่อนนำต้นกล้วยมาทับและกลบฝัง เสร็จแล้วได้เดินกลับมาที่กุฎิ

พระสงกรานต์สั่งให้พวกตนล้างคราบเลือดบนกุฏิให้หมด และขู่พวกตนว่าห้ามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ให้เก็บเป็นความลับ ถ้าไม่เชื่อจะฆ่าฝังดินอีกเหมือนกับนายวิชาญ ก่อนที่พระสงกรานต์จะเข้าไปนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอรุ่งเช้าหลังฉันอาหารเสร็จ ตนจึงขออนุญาตพ่อและแม่ลาสึกกลับไปอยู่บ้าน และมาทราบว่าญาติผู้ตายได้ไปแจ้งความคนหาย และตำรวจได้ติดตามหา ตนจึงได้เล่าให้พี่ชายฟัง พี่ชายจึงให้ตนมาบอกตำรวจ

หลังจากนำศพผู้ตายมาฝัง รุ่งเช้าวันที่ 21 ต.ค. พระสงกรานต์ได้สั่งซื้อหินลูกรัง 4 คันรถ มาถมทับหลุมศพ และวันที่ 22 ต.ค. พระสงกรานต์ได้สั่งปูนสำเร็จรูปมาเททับเป็นลานกว้าง 4×6 เมตร โดยให้เหตุผลกับเจ้าอาวาสวัดว่า จะสร้างกุฏิใหม่ แต่พอรู้ว่าตำรวจได้ติดตามหาผู้ตาย พระสงกรานต์จึงได้หลบหนีไปกับนายบี ซึ่งคาดว่าจะไปที่กรุงเทพฯ

จากการสืบสวนเชิงลึกทราบว่า พระสงกรานต์มีพฤติกรรมนำเด็กวัยรุ่นมามั่วสุมในกุฏิ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ และเสพยาบ้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย กระทั่งมาก่อเหตุฆ่าฝังดิน ซึ่งตำรวจกัน ด.ช.เอ ไว้เป็นพยาน ส่วนนายบี และนายซี แจ้งข้อหา “ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ” และจะได้ติดตามพระสงกรานต์มาดำเนินคดี “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย