ศพสาวโคราชกลับจากเกาหลีใต้แล้ว ญาติร้องขอความเป็นธรรม

ประเด็นคือ- ศพสาวโคราช ถูกส่งกลับจากเกาหลีใต้แล้ว ท่ามกลางความเศร้าโศกของครอบครัว ขณะที่คดีความ ครอบครัวยังไม่ได้รับการชึ้แจงจากเกาหลีใต้ ทราบแต่เพียงวว่าฆาตกรเป็นชายที่มาติดพันและมีอาการทางประสาท 

เมื่อเวลา 5.00 น. วันที่ 15 พ.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คลังสินค้าภายในฟรีโซน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นางจำนงค์ ชิดซ้าย อายุ 55 ปี และ ด.ญ.อริสา มูลเทพ อายุ 13 ปี บุตรของ น.ส.ชุติมา อุทัยคำ หรือเปิ้ล วัย 29 ปี เดินทางมารอรับศพ น.ส.ชุติมา ที่เดินมาจากประเทศเกาหลีใต้ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 657  ถึงยังสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 3.00 น.

โดยมีเจ้าหน้าที่การท่า ประจำเขตปลอดอากรคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คอยอำนวยความสะดวกให้ในครั้งนี้ ซึ่งทันทีที่หีบไม้บรรจุร่างอันไร้วิญญาณของ น.ส.ชุติมา เดินทางมาถึง และถูกนำขึ้นรถกู้ภัยฯ มารดาและบุตรสาวต่างร่ำไห้และจุดธูปเชิญวิญญาณกลับบ้านเกิดที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา

โดยครอบครัวจะตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ที่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 3 บ้านสระครก ต.หนองบัวสะอาด อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา  เป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะฌาปนกิจศพ

ครอบครัวได้ ออกมาร้องขอความเป็นธรรม ต่อการเสียชีวิตของ น.ส.ชุติมา อุทัยคำ หรือเปิ้ล วัย 29 ปี จากการถูกชายชาวเกาหลีใต้ฆาตกรรมโหด หลังจากวันที่ 2 พ.ย. 60 เพื่อนแรงงานชาวไทย ติดต่อมาบอกว่ากำลังช่วยกันตามหา น.ส.ชุติมา ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับจากโรงงานหล่อเฟืองเกียร์รถยนต์ ในเมืองอันซ็อง ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. ตำรวจเกาหลีใต้พบศพ น.ส.ชุติมา ถูกทิ้งอยู่ใกล้กับเมืองแทกู จ.เคียงซัง-บุกโด ห่างจากโรงงานที่เธอทำงานอยู่ ถึงกว่า 200 กม.

โดยผู้ก่อเหตุคือชายชาวเกาหลีใต้ ซึ่งทำงานอยู่ที่โรงงานเดียวกัน ซึ่งมาติดพัน และเป็นคนขับรถไปส่ง น.ส.ชุติมา ในวันที่เธอหายตัวไป ผู้ต้องหารับสารภาพและถูกคุมตัวไปชี้จุดเกิดเหตุทันที แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดคดีและสาเหตุการฆาตกรรมโหด

ด้านบิดาของผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางไปขอความเป็นธรรมและติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เพื่อขอรับศพบุตรสาวกลับมายังประเทศไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในทางคดีความคืบหน้านั้น ตนเองยังไม่ทราบเรื่องและเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ชี้แจงแต่อย่างใด อีกทั้งผลการชันสูตรศพยังไม่ออก จึงยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ แต่ยืนยันว่ามีการจับกุมคนร้ายแล้วจริง  แต่กลับพบว่าคนร้ายมีอาการคล้ายกับคนประสาท จำหน้าบุคลในครอบครัวของตัวเองไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างมาก