หนุ่มใหญ่คลั่งยิงญาติดับ 2 ราย ก่อนยิงตัวเองสาหัส

หนุ่มใหญ่เมาคลั่ง ถือปืนไปยิงญาติเสียชีวิต 2 ศพ ก่อนยิงขมับตัวเอง แต่รอดชีวิตอาการสาหัส สาเหตุคาดเกิดจากความขัดแย้งระหว่างกันที่มีมานาน

วันที่ 12 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง บริเวณหมู่ที่ 2  ต.ไผ่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ทางตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านไม้ทรงไทยยกใต้ถุนสูง พบผู้ก่อเหตุได้หลบซ่อนอยู่ในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมเกลี้ยกล่อมอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากด้านบนบ้าน ขึ้นไปตรวจสอบก็พบว่าผู้ก่อเหตุ นายจิรภรณ์ มีสม อายุ 40 ปี ได้ใช้ปืนยิงขมับตัวเอง อยู่ในสภาพหายใจรวยริน ใกล้ตัวปืนขนาด 11 ม.ม.  ตกอยู่พร้อมปลอกกระสุน 1 นัด จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ แต่เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บสาหัส จึงส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอ่างทอง

จากการตรวจสอบบริเวณสวนพริกข้างบ้าน พบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย คือนางสาวจำปี  อิ่มใจจิตร์ อายุ 53 ปี ถูกยิงบริเวณราวนมด้านขวา 1 นัด แขนซ้าย 2 นัด บริเวณท้องน้อย 1 นัด และ นางสาวรุ่งรุจี อิ่มใจจิตร์ อายุ 19 ปี ถูกยิงบริเวณคิ้วด้านขวาและหน้าท้อง 2 นัด ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเป็นป้า-หลานกัน และเป็นเครือญาติกับผู้ก่อเหตุ ด้านนายชูชาติ  มีสม อายุ 67 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เมื่อเช้าที่ผ่านลูกชายได้ดื่มสุราอยู่ภายในบ้านแล้วออกไปกลางทุ่งนาพร้อมถือปืนไปด้วย จากนั้นก็ก่อเหตุยิงลูกพี่ลูกน้อง น.ส.จำปี  และน.ส.รุ่งรุจี ก่อนเดินกลับมาที่บ้าน เขาก็พยายามขอปืนที่ลูกชายถือแต่ลูกชายไม่ยอมให้ ทั้งนี้ด้วยความกลัวโดนลูกชายทำร้ายจึงหลบหนีออกจากบ้าน จากนั้นลูกชายก็ใช้ปืนยิงตัวเองอาการสาหัส

นายชูชาติ มีสม พ่อของผู้ก่อเหตุ

ขณะที่นางสมบัติ พวงมะลิ อายุ 42 ปี ที่เป็นน้องสาวของนางสาวจำปี เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมานายจิราภรณ์ มักจะมีปัญหากับนางสาวจำปีและนาง สาวรุ่งรุจี อยู่เป็นประจำแต่ไม่คิดว่าจะคลั่งแล้วทำการก่อเหตุรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่คุยกับว่าผู้ก่อเหตุเสพยาอีกด้วย ส่วนด้านนาย อดิศักดิ์ อิ่มใจจิตร์ อายุ 45 ปี พ่อของนางสาวรุ่งรุจีและเป็นน้องสาวของนางสาวจำปี เล่าว่า ที่บ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านผู้ก่อเหตุ ห่างกันเพียง 20 เมตร ไม่คิดว่าจะมีเรื่องยิงกันจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งนี้ทางตำรวจจะสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุต่อไป