หนุ่มไชยาวัย 48 ปี เดินเท้า 630 ก.ม. จากสุราษฎร์เข้า กทม. ร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

หนุ่มใหญ่วัย 48 ตั้งใจเดินเท้าครั้งที่ 4 ด้วยระยะทางกว่า 630 กิโลเมตร จากสุราษฎร์มุ่งหน้ากรุงเทพฯ เพื่อร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้วยความตั้งใจจะไปร่วมในพิธีสำคัญครั้งประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.62 เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนถนนทางหลวงเอเชีย 41 บริเวณตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์พฤกษ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/2 หมู่ 5 ตำบลโมถ่าย อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยสัมภาระเพียงกระเป๋าสะพายหลังเดินเท้าจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ระยะทางร่วมกว่า 630 กิโลเมตร เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งกำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

นายพงษ์ศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้ออกเดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความตั้งใจเดินเท้าไปเข้าร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในการเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่กรุงเทพฯ โดยเดินเท้าวันละ 60 – 70 กิโลเมตร สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดา พร้อมด้วยสัมภาระเพียงกระเป๋าสะพายหลัง 1 ใบ ใช้เส้นทางถนนทางหลวงเอเชีย 41

ซึ่งวันนี้ได้เดินมาถึงจังหวัดชุมพร ถึงแม้ว่าอากาศและแดดจะร้อนจัด ทำให้ต้องพักบ้างตามศาลา และป้อมตำรวจข้างทาง แต่สภาพร่างกายยังแข็งแรงดี และตลอดทางที่ผ่านมายังไม่พบเจอกับอุปสรรคใด และโชคดีที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุกับตนเอง โดยเชื่อว่าด้วยความตั้งใจที่จะทำด้วยความเคารพรักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ช่วยคุ้มครองตนเอง ในการเดินทางในครั้งนี้ ด้วยความปลอดภัย และสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้

สำหรับการเดินของนายพงษ์ศักดิ์ เขาเคยเดินเท้าทางไกลครั้งแรกในปี 2559 โดยเดินเท้าจาก อำเภอไชยาไปร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมหาราชวัง ครั้งที่ 2 ปี 2560 เดินเท้าไปกราบถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และครั้งที่ 3 ปลายปี 2560 ร่วมเป็นครูพี่เลี้ยง คณะเยาวชนลูกเสือ เนตรนารี โรงเรียนรัชประภาวิทยาคม อำเภอบ้านตาขุน เดินทางไกลถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่กรุงเทพฯ และครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 4 ด้วยความตั้งใจจะไปร่วมในพิธีสำคัญครั้งประวัติศาสตร์