Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

วิคตอเรีย ซีเครทเป็น อาบ อบ นวด ขนาดใหญ่ มีห้องให้บริการจำนวนมากถึง 190 ห้อง ตั้งอยู่ ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. อดีตอาคารที่ตั้ง อาบ อบ นวด แห่งนี้ สร้างโดยคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ตั้งแต่ปี 2532 แล้วก็ถูกเข้าตรวจค้น จนเป็นข่าวใหญ่ เพราะ ถูกร้องเรียนว่า ลักลอบค้าประเวณีเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี แอบแฝงค้าประเวณี จากการตรวจค้น ก็พบหญิงสาวจำนวน 116 คน มีทั้งคนไทย และ ต่างชาติ

การจับกุม ‘วิคตอเรียซีเครท’ ในครั้งนี้  เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายบุญทรัพย์ อมรรัตนสิริ อายุ 55 ปี หรือ ป๋ากบ หัวหน้าเชียร์แขก โดยแจ้งไปทั้งหมด 6 ข้อหา

  1. ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี
  2. โดยเป็นธุระจัดหาซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด
  3. หน่วงเหนี่ยวกักขัง
  4. ร่วมกันเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี
  5. รู้เห็นการมาของคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย
  6. ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

ส่วนเจ้าของผู้ขอใบอนุญาตนั้น ไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือ มีส่วนร่วมแต่อย่างใด มาดูกันว่า วิคตอเรียซีเครท ที่เดิมทีคุณชูวิทย์เป็นคนสร้าง ตอนนี้เป็นของใคร
สถานบริการอาบอบนวดดังกล่าว เป็นที่ตั้งเดียวกับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) อมรินทร์ออนเซน มีหุ้นส่วน 2 คน คือ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่ และ นายอภิชาติ แซ่แต้

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า น.ส. ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ มีชื่อเป็นถือหุ้นและหรือเป็นกรรมการอีก 6 แห่ง ได้แก่

  1. ห้างหุ้นส่วนจำกัด เทอร์เม่
  2. บริษัท ผมทอง จำกัด ประกอบธุรกิจ อาบ อบ นวด ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตบางกะปิ กทม
  3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด เวนิสสถานบริการอาบน้ำ นวดอบ ซอยอินทามระ 45 ถนนสุทธิสาร แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม
  4. บริษัท รัตนชีวะ จำกัด ประกอบธุรกิจ ไนท์คลับ ถนนริมคลองสามเสน แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม
  5. บริษัท โรงน้ำชาห้องแอร์สุวรรณ จำกัด ประกอบธุรกิจ ให้บริการนวดแผนโบราณ อาหารและเครื่องดื่ม ซอยอินทามระ 45 ถนนสุทธิสาร แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม
  6. บริษัท ลาคอสต้า จำกัด ให้บริการนวดแผนโบราณ อาหารและเครื่องดื่ม ที่ตั้งเลขที่ 55/5 ซอยอินทามระ 45 ถนนสุทธิสาร แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม

มีความเป็นไปได้ว่า สถานบริการเชิง ไนท์คลับ หรือให้ความบันเทิง ที่ น.ส.ศศิธร มีชื่อเป็นผู้ร่วมหุ้นด้วยนั้น อาจต้องได้รับการตรวจสอบเช่นเดียวกับ วิคตอเรียซีเครท ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งความ หรือเชิญตัวมาสอบปากคำ สอบข้อเท็จจริงใด ๆ

นอกจากจะต้องตามหาเจ้าของแล้ว ทางตำรวจยังต้องเร่งหาความเชื่อมโยงไปถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ว่ามีการจ่ายส่วยให้กับหน่วยงานใดเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดไม่ให้ถูกตรวจสอบ และฟอกเงินกับการค้ามนุษย์ข้ามชาติระหว่างไทย เมียนมา และมาเลเซียหรือไม่
เนื่องจาก สาวที่ให้บริการส่วนใหญ่ไม่ใช่คนไทย

ทำไม การค้าบริการถึงไม่หมดไป อาจเป็นเพราะ การเปิดสถานบริการอาบอบนวดในประเทศไทย ถูกจัดให้อยู่ในส่วนของสถานบริการทั่วไป ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย เราเลยได้เห็นข่าวการขึ้นภาษีสถานบริการอาบ อบ นวด หรือ การนำใบเสร็จที่ใช้บริการไปลดหย่อนภาษีได้

ในด้าน พรบ สถานบริการ ปี พ.ศ. 2509 นิยามของสถานบริการนั้นแบ่งตาม 2 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบในเรื่องลักษณะของการประกอบกิจการ และ องค์ประกอบในเรื่องเวลา ซึ่งอาบ อบ นวด อยู่ในองค์ประกอบแรก เป็นกลุ่มของสถานอาบน้ำ

อาบอบนวดในไทย ได้รับอิทธิพลมาจาก ออนเซ็นของญี่ปุ่น แต่จากออนเซ็นที่อาบน้ำอย่างเดียว ก็เริ่มมีบริการแฝง จนเปลี่ยนรูปแบบไปเป็น อาบอบนวดที่ ใกล้เคียงในปัจจุบัน คืออาบน้ำเสร็จก็บริการตามความต้องการกันไป จนธุรกิจนี้ก็เริ่มแพร่หลายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมา ซึ่งก็มีมานานมากๆ แล้ว แต่ตามกฏหมายไทย การค้าประเวณี ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย

อาบอบนวดแต่ละเจ้าจึงมีป้ายเตือน ห้ามค้าประเวณีติดอยู่ แต่ก็ทำได้แค่เตือน เพราะ มักจะมีการค้าประเวณีแอบแฝงอยู่เสมอๆ เนื่องจาก การขายบริการทางเพศของผู้ให้บริการถือเป็นการตกลงกันเองระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ และถือเป็นความเข้าใจกันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางสถานบริการ จึงกลายเป็นช่องโหว่ให้ธุรกิจค้ากามยังคงสามารถเคลื่อนไหวต่อไปได้ ซึ่งในการปราบปรามนี้ต้องยกให้เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเข้าไปตรวจสอบว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่

โดยบางแห่งก็โดนตรวจสอบ บางแห่งก็ไม่โดน หรือบางแห่งแค่มีใบอนุญาติก็ผ่านฉลุย ซึ่งกรอบเกณฑ์ของการพิจารณาทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่เจ้าพนักงานเป็นคนตัดสินใจ จึงทำให้ปัจจุบันธุรกิจอาบอบนวดยังคงเป็นธุรกิจที่เรียกว่า ธุรกิจสีเทา ที่ถึงแม้จะถูกกฎหมายแต่บางแห่งก็หมกเม็ด อาศัยช่องโหว่กฎหมายในการกระทำความผิดเรื่อยไป

จากรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ฉบับล่าสุด เมื่อปีที่แล้ว ของสหรัฐฯ ก็ยังคงระบุว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ดำเนินการขจัดการค้ามนุษย์ให้เป็นไป ตามมาตรฐานต่ำสุดอย่างครบถ้วน ยังมีเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนรู้เห็นในการก่ออาชญากรรมค้ามนุษย์ และปล่อยให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังคงขัดขวางความพยายามในการแก้ปัญหา จนทำให้ไทยของเรา ยังคงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 ของบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามอง (เทียร์ ทู วอทช์ลิสต์)

เราคงต้องจับตามอง คดีนี้ไว้ เพราะเข้าข่ายแบบเดียวกันกับคดี โกลัก เจ้าของนาตารี ซึ่งโดนไป 14 ข้อหา มีการสั่งยึดทรัพย์ แต่ยังไม่สามารถจับตัวได้ และยังหลบหนีอยู่ ส่วนวิคตอเรียซีเครทจะจับกุมเจ้าของ ได้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป นอกจากนี้รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เช่นนี้ในรูปแบบไหน ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามองด้วยเช่นกัน

 

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า