เสื่อม ! “สารวัตรกำนัน” ขี้เมา ไล่ยิงรถกลางถนน ครอบครัวเหยื่อเปิดใจ นาทีรอดหวุดหวิด

[et_pb_section admin_label=”section”]
[et_pb_row admin_label=”row”]
[et_pb_column type=”4_4″]
[et_pb_text admin_label=”Text”]
ประเด็นคือ – โลกโซเชียลรุมประณามสารวัตรกำนันขี้เมา จ.นครปฐม ไล่ยิงกระบะครอบครัวไม่รู้เรื่องอะไรด้วยบนถนนกลางวันแสกๆ อย่างกับในหนัง ตร.ค้นรถพบเบียร์เพียบ ซุกอาวุธปืนในรถอีกอื้อ

วันที่ 19 ก.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีโลกออนไลน์ได้มีการกล่าววิพากษ์วิจารณ์คลิปภาพเหตุการณ์กรณีที่มีเจ้าของธุรกิจจัดหาแรงงานต่างด้าวในจังหวัดราชบุรี ถูกรถกระบะคู่กรณีที่ถูกระบุว่าเป็น “สารวัตรกำนัน” คนดังในจังหวัดนครปฐม ไล่ล่าใช้อาวุธปืนไล่ยิงจนต้องตัดสินใจหักลงป่าหญ้าข้างทางเพื่อเอาชีวิตรอด พร้อมครอบครัวรวม 6 คน จนเรื่องราวกลายเป็นกระแสในสังคมที่ตั้งคำถามถึงว่า “สังคมสมัยนี้อยู่ยาก อย่างกับหนัง”

โดยที่เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อเวลา 17.46 น. ของวันที่ 18 ก.ย. 60 ที่ผ่านมา พร้อมกับระบุข้อความว่า “#ไล่ยิงกันยิ่งกว่าหนัง เห็นแต่รถลอยข้ามฝั่งมา เค้าบอกช่วยด้วยโดนไล่ยิง คนที่ไล่ยิงมาน่าจะเป็นสารวัตรกำนันนะ เห็นคนแถวนั้นบอก ในกระบะคนเจ็บหนัก เหตุการณ์ที่แยกดอนทราย ราชบุรี” ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและประณามกระทำของชายคนดังกล่าวที่ไล่ยิง พร้อมทั้งแชร์คลิปออกไปจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับครอบครัวทั้ง 6 ชีวิต ที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ระทึกดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายจตุรภัทร วงษ์วรนุช อายุ 36 ปี เป็นคนขับรถและเป็นผู้ที่ปรากฏภายในคลิปดังกล่าว คนที่ 2 คือ นางนันทยา แหยมชม้อย อายุ 27 ปี เป็นภรรยาของนายจตุรภัทร คนที่ 3 คือ นางสาวดวงมณี วงษ์วรนุช อายุ 26 ปี เป็นน้องสาว คนที่ 4 คือ นางกาญจนา โบว์เลนแคร์ค อายุ 35 ปี คนที่ 5 คือนายจรูญ วงษ์วรนุช อายุ 18 ปี เป็นน้องชาย และคนที่ 6 คือนายพลพงษ์ วงษ์วรนุช อายุ 16 ปี เป็นลูกชาย

นายจตุรภัทร วงษ์วรนุช เล่าถึงวินาทีชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตนและครอบครัวทั้งหมด 6 คน ทำงานอยู่ที่เดียวกัน เปิดเป็นบริษัทเกี่ยวกับจัดหาแรงงานต่างด้าวในอำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี และกำลังเดินทางกลับบ้านในตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เมื่อผ่านเข้าถนนสายหลักเพชรเกษมช่วงตีนสะพานทางยกระดับหน้าตลาดเบิร์ดคลองถม ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง เห็นรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด เอเวอเรสต์ สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง 8 – 5555 กรุงเทพมหานคร ได้ขับมาพบกับตนเอง ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ขับตรงต่อไปทางช่องทางเดินรถซ้าย

จากนั้นตนก็สังเกตเห็นว่ารถกระบะดังกล่าวที่ขับอยู่ในช่องทางเดินรถด้านขวา พยายามไล่จี้และเปิดไฟสูงไล่รถคันที่อยู่ด้านหน้า เพื่อให้หลบเข้าทางเดินรถด้านซ้าย ตนก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร จนวิ่งผ่านสำนักงานขนส่งจังหวัดราชบุรี เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ เหมือนรถกระบะคันดังกล่าวแล่นรถด้วยความเร็ว และพยายามที่จะไล่รถคันที่อยู่ข้างหน้าของตัวเองให้หลบไปให้พ้นทาง เหมือนไม่ให้ใครวิ่งนำหน้าตนเอง

และเมื่อมาถึงช่วงบริเวณหน้าศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต ตนเห็นว่าเริ่มมีทีท่าไม่ดี จึงได้ตัดสินใจแซงหน้าขึ้นไปเพื่อที่จะหลบทางให้ และเป็นช่วงจังหวะที่รถบรรทุกสิบล้อหลบเพื่อเปิดทาง ปรากฏว่าชายคนที่ขับมาในรถกระบะยี่ห้อ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สีดำ พยายามขับไล่ เปิดไฟสูงใส่และบีบแตร ตนก็คิดแล้วว่าต้องหาเรื่องเป็นแน่ ในตอนนั้นก็พยายามหลบหลีกให้ เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง จนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น และตนได้เหลือบไปเห็นกระจกรถยนต์ด้านขวา เห็นชายคนดังกล่าวหันอาวุธปืนมาทางรถของตนและพยายามยิงเข้าใส่ วินาทีนั้นตนพยายามควบคุมสติและคิดอย่างเดียวต้องหาวิธีเอาชีวิตรอด จึงได้ตะโกนบอกให้คนในรถก้มหมอบลง จากนั้นได้รีบเหยียบเร่งกำลังรถขึ้นด้วยความเร็ว 130 – 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อที่จะหลบหนีให้พ้นจากวิถีกระสุนปืน แต่เนื่องจากบนถนนมีรถจำนวนมาก เพราะเป็นช่วงเวลาเดินทางกลับบ้านของประชาชน

นายจตุรภัทร เล่าต่อว่า แม้ตนจะพยายามหลบหนีแล้ว แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังขับรถตามมาและใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง จนมาถึงช่วงที่เกิดเหตุเป็นทางแยกเข้าตำบลเจ็ดเสมียน และมีสัญญาณไฟจราจรซึ่งมีรถจอดติดไฟแดงอยู่หลายคัน ในวินาทีนั้นตนคิดว่าถ้าวิ่งตรงต่อไปจะต้องเกิดโศกนาฏกรรมแน่นอน เพราะรถแล่นมาด้วยความเร็วสูง ตนจึงตัดสินใจเอาชีวิตรอดด้วยการพุ่งตรงเหินแหกโค้ง ชนเข้ากับเสาปักกันถนน ก่อนจะลอยพุ่งตกไปชนเข้ากับกอพงหญ้าปอข้างทาง และมีแอ่งน้ำช่วยลดแรงกระแทก จนทุกคนที่นั่งมาในรถรอดชีวิตทั้งหมด 6 คน ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกและแรงยึดจากเข็มขัดนิรภัย แต่ชายคู่กรณีกลับไม่ลดละ พยายามขับรถตามเข้ามาชน เหมือนหวังจะเอาชีวิตตนและครอบครัว แต่โชคดีที่รถยนต์ของคู่กรณีชนติดกับเสาปักกันถนน จนรถได้รับความเสียหายและไม่ยอมลงมาจากรถคันดังกล่าว

ขณะนั้นมีพลเมืองดีจะเข้ามาช่วยเหลือพวกตน ตนก็ได้ตะโกนไปว่า “อย่าเพิ่งเข้ามาครับ ในรถยนต์คันนั้นมีปืน” ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวและระวังตัว ช่วยกันโทรศัพท์แจ้งตำรวจเพื่อให้มาช่วยเหลือ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวที่โลกโซลเชียลได้มีการนำภาพออกมาเผยแพร่ พบว่าสภาพด้านหน้าฝั่งคนขับพังเสียหายที่เกิดจากแรงกระแทก ที่ฝากระโปรงมีขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่งตั้งอยู่ ส่วนภายในรถยนต์ที่เบาะด้านหลังพบกระติกสี่เหลี่ยมแช่น้ำแข็ง และมีขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่งกองอยู่ที่บริเวณที่พักเท้าหลังที่นั่งคนขับ และที่บริเวณหลังรถยังพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซุกซ่อนไว้ด้วย

นายจตุรภัทร กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายที่เกิดกับครอบครัวของตนเอง ซึ่งตนและครอบครัวไม่เคยไปหาเรื่องใคร ใช้ชีวิตกันแบบครอบครัว ไปไหนเที่ยวไหนก็จะไปกันเป็นครอบครัว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่ได้ไปหาเรื่องคู่กรณีเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่เร่งเครื่องเพื่อจะแซงหลบไปให้พ้นทางเขา แต่ก็ยอมรับว่ารถของตนเองอาจจะท่อเสียงดัง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นเอาชีวิต และอยากฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนน ขับรถยนต์กันด้วยความไม่ใจร้อนอยากให้กรณีของตนเองเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่จะสะท้อนให้เกิดขึ้น เพราะถ้าใจร้อนอาจเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้ เพราะบางคนไปกันแบบครอบครัวเหมือนครอบครัวของตนเองในครั้งนี้ และอยากวอนขอคนที่ขับรถยนต์ตามมาและเห็นเหตุการณ์ รวมทั้งมีกล้องวงจรปิดหน้ารถยนต์ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ ช่วยส่งมาให้ตนหรือตำรวจด้วย

พร้อมกันนี้อยากขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ ช่วยดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เพราะเท่าที่ทราบ ชายคนดังกล่าวเป็นสารวัตรกำนันคนดังในจังหวัดนครปฐม กลัวว่าการดำเนินคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และจากคำให้การ ชายคนดังกล่าวกลับให้การว่ายิงขึ้นฟ้าเท่านั้น

จากการสอบถามนายจตุรภัทร ผู้เสียหาย ถึงแนวทางการดำเนินคดี นายจตุรภัทรกล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม ได้ทำการควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ทราบชื่อเพียงแค่ว่า “อาร์ท” เป็นสารวัตรกำนันในจังหวัดนครปฐม พร้อมทั้งได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ คือ “พยายามฆ่า” ที่ตนเองได้เซ็นรับทราบ และเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มไว้อีก 4 ข้อหา คือ 1. ข้อหาพกพาอาวุธปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ข้อหายิงปืนในที่สาธารณะ 3. ข้อหาเมาแล้วขับ เพราะเขาเมาปริมาณแอลกอฮอล์ 175 มิลลิกรัม และ 4. ข้อหาขับรถด้วยความหวาดเสียว

ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นสารวัตรกำนันที่ไล่ยิงผู้บริสุทธิ์เพราะความเมา

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.นภดล รุ่งสาคร ผกก.สภ.โพธาราม กล่าวว่า เบื้องต้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว คือ “นายอรรถกฤต แก้วคำ” หรือ “อาร์ท” อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/4 หมู่ 2 ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ทราบว่าเป็นสารวัตรกำนันในพื้นที่ จ.นครปฐม ซึ่งผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าไป 1 นัด และขับรถปาดหน้ากันไปมา ประกอบกับมีอาการเมาสุราด้วย จึงทำให้ก่อเหตุ ซึ่งได้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบว่าสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ตรวจพบอาวุธปืนซึ่งผู้ต้องหาก็อ้างว่ามีทะเบียน ก็ต้องรอให้มีการนำเอกสารมาแสดง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำการส่งตรวจด้วย

พ.ต.อ.นภดล กล่าวว่า ได้ตรวจเขม่าดินปืนที่มือผู้ต้องหาเพื่อนำมาประกอบกับหลักฐาน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางด้วย ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา คือ 1. พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 3. ขับรถประมาท 4. เมาสุราและขับรถ ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้นต้องให้ผู้เสียหายเป็นผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ใช่คดีซับซ้อนเพราะมีเหตุเกิดขึ้นจริง ผู้ต้องหาก็รับสารภาพแล้ว

ขอบคุณเฟซบุ๊ก: Noom Kunshine, Social Hunter
[/et_pb_text]
[/et_pb_column]
[/et_pb_row]
[/et_pb_section]