เฮียเขียวพ่อค้าหมูเมืองโอ่งเฉือนหมูแม่นเป๊ะ ท้า ! หากขาดให้กินฟรีวันละ 1 กก. 1 เดือน

ร้านเขียงหมูที่ว่านี้มีชื่อว่า “เขียงหมูร่าเริง” ตั้งอยู่ริมถนนสายพิกุลทอง หมู่ที่ 4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โดยมี นายสมคิด หลุยแสง หรือเฮียเขียว อายุ 59 ปี เป็นเจ้าของเขียงหมู และเป็นผู้ที่มีความสามารถเฉือนหมูได้อย่างแม่นยำ คุณสมคิดเล่าว่า ได้เปิดเป็นร้านจำหน่ายเนื้อหมูมานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยที่ร้านแห่งนี้จะแปลกกว่าร้านอื่นๆ ทั่วไป เพราะพ่อค้ามีนิสัยร่าเริง แจ่มใส ใจดี มีแต่จะแถมให้เกินไม่เคยขาด ทำให้ลูกค้ามาอุดหนุนกันมากมาย

คุณสมคิดบอกด้วยว่า ตนเป็นคนสนุกสนาน เป็นกันเองกับลูกค้าที่มาอุดหนุนทุกวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเวลา 06.00 น. ไปจนกว่าเนื้อหมูจะขายหมด ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในชุมชนหมู่บ้านใกล้เคียงที่แวะเวียนมาซื้อเนื้อหมูและกระดูกหมูหรือ เครื่องใน ชิ้นส่วนของหมูทุกวัน เนื่องจากมีราคาถูก เช่น เนื้อหมูขายเพียงกิโลกรัมละ 100 บาท ขาหมูขายขาละ 50 บาท ซึ่งจะถูกกว่าร้านในตลาดทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะขายกิโลกรัมละ 120 บาท ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่และตำบลใกล้เคียงเดินทางมาซื้อกลับไปบริโภคทุกวัน

จากการที่ขายเนื้อหมูมานานหลายสิบปี ทำให้คุณสมคิดมีความสามารถพิเศษที่ใช้มีดซึ่งมีลักษณะคมกริบเฉือนหมูแต่ละชิ้นไม่มีผิดพลาด เฉือนเต็มกิโลกรัม หรือเต็มจำนวนตามที่ลูกค้าต้องการสั่งทุกราย ขณะที่พ่อค้าเองยอมท้าบอกว่า ถ้าหากเฉือนเนื้อหมูขาดไม่เต็มกิโลฯ ก็ยินดีจะให้ลูกค้ารายนั้นกินหมูฟรีวันละ 1 กิโลกรัม นาน 1 เดือนอีกด้วย

นายสมคิด หลุยแสง พ่อค้าร้านเขียงหมูร่าเริง เป็นคนหมู่ 2 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้ขายหมูมานานประมาณ 32 ปี แล้ว ขายหมูชำแหละเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 30 ตัว สูงสุด 50 – 60 ตัวต่อวัน ขายกิโลกรัมละ 100 บาท โดยขายราคานี้มานาน  ซึ่งมีร้านขายหมูอยู่ที่ ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก และที่ตลาดในจังหวัดกาญจนบุรี รวม 2 ร้าน ความสามารถของตัวเองคือ ถ้าเฉือนแล้วขาดกิโลกรัมไม่เต็มจำนวนยินดีให้กินฟรีเป็นเวลา 1 เดือน ตัดไม่ต้องชั่งกิโกกรัม ส่วนมากที่ชั่งมักจะเกินประมาณครึ่งขีดถึง 1 ขีดเท่านั้น เพื่อเป็นการแถมให้กับลูกค้า มีแต่เกิน ไม่เคยขาด ที่เกินก็จะให้ลูกค้าไปไม่คิดเงินส่วนที่เกินด้วย ถ้าหากเฉือนหมูขาดก็จะให้หมูแก่ลูกค้าคนนั้นไปกินฟรีวันละ 1 กิโลกรัม เป็นเวลา 1 เดือน เป็นการวัดใจกันระหว่างคนขายกับลูกค้า จนขายหมดทุกวัน

นายสมคิด หลุยแสง พ่อค้าร้านเขียงหมูร่าเริง

สาเหตุที่มีความแม่นยำในการเฉือนหมูโดยไม่ต้องชั่งน้ำหนักนั้น คุณสมคิดบอกว่าจะคาดคะเนด้วยสายตา ขนาดหมูตัวเป็นๆ มีน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัมยังรู้เลยว่าหมูตัวนี้มีน้ำหนักกี่กิโลกรัม ถือเป็นความสามารเฉพาะตัวที่ยากจะลอกเลียนแบบ นอกจากจะมีเนื้อหมูแล้ว ยังมีกระดูกซี่โครง ขาหมู ที่สามารถวัดด้วยสายตาว่ามีน้ำหนักเท่าไหร่

เช่น มีเจ้าของหมูนำหมูตัวที่เป็นๆ ยังไม่ตายมาส่งให้ คุณสมคิดจะมอง คาดคะเนด้วยสายตา พร้อมกับบอกเจ้าของหมูที่มาส่งว่า หมูตัวนี้มีน้ำหนักไม่ถึงร้อยกิโลกรัม เจ้าของหมูก็เชื่อตามที่คุณสมคิดบอก โดยวิธีการคาดคะเนดูหมูนั้นจะใช้วิธีแบ่งตัดเป็น 4 ส่วน ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของตัวเองในการค้าขาย

คุณสมคิด บอกอีกว่า ได้กำไรตรงที่ต้องขายหมูและชิ้นส่วนให้หมดทุกอย่าง จะได้กำไรตัวละประมาณ 300 – 500 บาท  หากขายหมูได้จำนวน 30 ตัว คูณไปจะได้เงินกำไรออกมา ส่วนร้านอื่นที่เอากำไรมากก็จะขายกิโลกรัมละมากกว่า 100 บาท หรือ 120-130 บาท ก็จะได้กำไรตัวละประมาณ 1,000 – 2,000 บาท ขายประมาณ 1-2 ตัว ส่วนตัวเองอาศัยขายหมูวันละ 30 – 40 ตัว แต่จะเอากำไรน้อย อาศัยปริมาณมากกว่า

นางกรรณิการ์ สีทอง ลูกค้าที่มาซื้อเนื้อหมูของคุณสมคิด เขียงร่าเริง เปิดเผยว่า มาซื้อเนื้อหมูที่ร้านคุณสมคิดประมาณ 2 ปีแล้ว ได้ทดลองให้เฉือนหมูตามที่ตัวเองสั่งซื้อไว้ ปรากฏว่าพ่อค้าเฉือนเนื้อหมูแล้วนำไปชั่งตาชั่งได้เป๊ะไม่มีขาด ซึ่งลูกค้าบางคนเชื่อใจว่า ถ้าชิ้นนี้มีน้ำหนัก 1.2 กก. ไม่ต้องชั่ง แต่ถ้าไม่เชื่อใจอยากจะชั่งตาชั่ง เมื่อชั่งเนื้อหมูแล้วจะใช้มีดตัดเฉือนให้ตามที่สั่ง ที่ผ่านมาไม่เคยตัดเฉือนเนื้อหมูขาดเลย มีแต่จะเกินให้ลูกค้าไป ซึ่งยังไม่เคยกินหมูฟรีกับที่ร้านนี้เลยสักครั้ง ที่เคยบอกว่าถ้าเฉือนหมูขาดตามที่สั่งก็จะให้กินหมูฟรี  วันนี้ก็จะมาลองสั่งให้เฉือนตามที่สั่งอีก แต่ก็ตรงตามที่สั่งเป๊ะ

นางกรรณิการ์ สีทอง ลูกค้าที่มาซื้อเนื้อหมูของคุณสมคิด

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่ร้านเขียงหมูร่าเริงตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยงจะมีชาวบ้านในพื้นที่แวะเวียนไปทดลองซื้อหมูกันอย่างคึกคัก บางคนสั่งซื้อ เช่น 1 กิโลกรัม 4 ขีด หรือให้พ่อค้าวัดด้วยสายตาว่าหมูชิ้นใหญ่ที่เลือกนี้หนักประมาณกี่กิโลกรัม  มีการท้าลองให้ชั่งตาชั่ง หากขาดให้ฟรีเลย ทำให้การขายเป็นไปอย่างสนุกสนาน ไม่มีอาการเครียดเกิดขึ้น คงมีแต่รอยยิ้ม

โดยพ่อค้ารายนี้บอกว่า “อยากให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนทุกคนอยู่ได้ เนื่องจากทุกวันนี้เศรษฐกิจสินค้าหลายอย่างมีราคาแพง ชาวบ้านเดือดร้อน จึงอยากช่วยเหลือชาวบ้านที่มาอุดหนุนที่ร้านทางอ้อม ด้วยการขายเนื้อหมูและชิ้นส่วนหมูในราคาถูก ยึดหลักความพอเพียง เขาอยู่ได้ เราอยู่ได้ไม่ลำบาก เป็นแนวทางที่ได้ยึดถือในอาชีพนี้มานาน ทำให้มีความสบายใจ อยู่ได้และมีความสุข”