แฉ ! ลุงตีหมาตาย ขี้โมโห เคยจับงูเหลือมกิน

ประเด็นคือ – จากเหตุการณ์ลุงตีสุนัขจนตายโดยไม่ยั้งมือ ล่าสุดมีข้อมูลว่า ลุงคนดังกล่าวเป็น ปธ.กรรมการหมู่บ้านเอื้ออาทร 2 และ หัวหน้า รปภ. อารมณ์ร้อน รวมถึงเคยจับงูเหลือมในหมู่บ้านไปกินด้วย

“ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” รายงานว่า เมื่อวานที่ผ่านมา (7 พ.ย. 60) เกิดเหตุการณ์คนตีสุนัขที่หมู่บ้านเอื้ออาทร บางบัวทอง 2 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ทีมงาน ป.ปีนัง นกกรงหัวจุก” ได้เผยคลิปลุงคนหนึ่งกำลังตีสุนัขแบบไม่ยั้งมือ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ และเมื่อมีสุนัขอีกตัวพยายามมาช่วยก็โดนตีไปด้วย จากนั้นลากสุนัขตัวแรกไปตีซ้ำหลังรถจักรยานยนต์ ก่อนอุ้มสุนัขขึ้นไปที่รถและตีซ้ำอีกครั้ง ก่อนขี่รถไป

กรรมการ ม.เอื้ออาทร 2 แฉ ปธ.โหดฟาดหมาตาย เคยกินงู
โดยในวันนี้ (8 พ.ย. 60) “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวที่โครงการบ้านเอื้ออาทร 2 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย หมู่ 4 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามถึงพฤติกรรมของ นายจินดา ก่านจันทร์ อายุ 46 ปี ประธานกรรมการหมู่บ้านเอื้ออาทร 2 และหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของโครงการ

ทั้งนี้ น.ส.ลัดดาวัลย์ เด็นลีเมาะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพอรับทราบปัญหาพฤติกรรมของนายจินดามาบ้าง เช่น มีพฤติกรรมใจร้อน ชอบใช้ความรุนแรง ปัญหาชกต่อย และเคยก่อเหตุทำร้ายสุนัขมาแล้ว ส่วนข้อมูลที่ทางทีมข่าวได้รับทราบมาว่านายจินดามีพฤติกรรมกินเนื้อสุนัขนั้น เรื่องนี้เธอบอกว่า เคยได้ยินมาเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เห็นเองกับตา แต่เรื่องงูเหลือมที่จับได้ในหมู่บ้านแล้วนายจินดานำไปประกอบอาหารนั้นเป็นเรื่องจริง

อีกข้อมูลจากทางกรรมการหมู่บ้านเอื้ออาทร 2 คือ น.ส.ขรินทร์ทิพยทิพา จินตนกูล และ น.ส.ณภัทรวีร์ ชัยพันธุ์พร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการชุมชนเอื้ออาทร 2 ต่างได้ยืนยันพฤติกรรมของนายจินดาว่า มักใช้ความรุนแรง ตัวเธอทั้งสองยังเคยถูกผลักอกในการประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน ส่วน “เจ้าดำ” สุนัขตัวที่ถูกตีตาย เป็นสุนัขที่เจ้าของห้องย้ายออกไป แต่ไม่นำไปด้วย (สุนัขส่วนใหญ่ในหมู่บ้านมีเจ้าของ แต่เวลาย้ายออกก็จะไม่นำไปด้วย) เจ้าดำมักจะมานอนข้างป้อมยามเป็นประจำ ไม่เคยมีลูกบ้านหรือได้รับการร้องเรียนว่าถูกเจ้าดำไล่กัด
น.ส.ขรินทร์ทิพยทิพา ยังเปิดเผยต่อว่า เธอเคยเห็นนายจินดานำงูเหลือมที่จับได้ในหมู่บ้านนำไปรับประทาน โดยทำการชำแหละในร้านลาบส้มตำ ซึ่งเป็นร้านของนายจินดาที่อยู่หน้าหมู่บ้านอีกด้วย

ส่วนทางด้านของคดีนั้น พ.ต.อ.อรรณพ นวมนาคะ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้เปิดเผยว่า จากการสอบถามนายจินดา เจ้าตัวให้การรับสารภาพ อ้างว่าสาเหตุที่ตีสุนัขเพราะโมโหเนื่องจากเห็นว่าสุนัขไปไล่กัดชาวบ้าน จึงได้ตี “ดำ” จนตาย และ “สวย” สุนัขอีกหนึ่งตัวได้รับบาดเจ็บ ได้แจ้ง 2 ข้อหาคือ ทารุณกรรมสัตว์และทำให้เสียทรัพย์ พร้อมนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดนนทบุรี

เบื้องต้นนายจินดาได้นำสุนัข 2 ตัว ไปทิ้งไว้ที่คลองเจ็ก ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่ง “สวย” กระเสือกกระสนเดินกลับมาหาเจ้าของ และได้รับการช่วยเหลือส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์สมุทรสาคร

หมอเผย “เจ้าสวย” สุนัขที่ถูกตีอาการดีขึ้น แต่ต้องรอผล 1 อาทิตย์
เมื่อช่วงเช้ามืด เวลาประมาณ 05.00 น. วันนี้ (8 พ.ย.60) เจ้าสวยสุนัขเพศเมีย ที่ถูกตีจนแน่นิ่ง ได้มีผู้ใจบุญนำมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์สายใยรัก (หมอบอย 2) ตั้งอยู่เลขที่ 95/5 หมู่ที่ 3 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ขณะนี้อาการของเจ้าสวยดีขึ้น สามารถกินอาหารอ่อนๆ ได้ แต่ยังพยุงตัวลุกขึ้นไม่ได้

นายสัตวแพทย์ธนู ลิมปพัฒนาวาณิชย์ หรือ หมอบอย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์สมุทรสาคร, ผอ.รพ.สัตว์สายใยรัก และ ผอ.รพ.สัตว์ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า เมื่อแรกรับอาการเจ้าสวยเข้ามานั้น พบว่าสุนัขมีอาการบอบช้ำตามร่างกายอย่างหนัก หน้าตา ปาก ลำตัว โดยเฉพาะช่วงก้นมีอาการบวม อีกทั้งยังมีแผลแตกที่หัว เลือดไหลออกมา จึงได้รีบนำตัวเข้าตรวจเอกซเรย์ด้วยเครื่องระบบดิจิตอล และตรวจกระดูกตามร่างกาย รวมถึงภาวะความดันโลหิตอีกด้วย

เบื้องต้นพบว่า ที่หัวของเจ้าสวยนั้นมีลักษณะคล้ายเลือดคั่ง ส่วนแผลแตกก็ได้ทำการเย็บ 2 เข็ม ขณะที่กระดูกต้นคอน่าจะมีอาการเคลื่อนหรือแตกร้าว จึงทำให้เจ้าสวยยังยกหรือกระดกหัวขึ้นไม่ได้ ส่วนอื่นๆ เป็นปกติดี แต่มีอาการบอบช้ำตามร่างกาย เนื่องจากถูกตีอย่างแรงและหลายครั้ง รวมถึงมีอาการหวาดผวา หายใจติดขัดแทรกซ้อนด้วย ซึ่งก็ได้ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวก่อน หากภายใน 1 สัปดาห์ไม่มีภาวะผิดปกติ เจ้าสวยก็จะปลอดภัย

เจ้าของหมาเรียกค่าเสียหาย 1 แสน

ภายหลังตำรวจคุมตัว นายจินดา ไปส่งให้อัยการนำฟ้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี ในความผิดฐานกระทำทารุณกรรมสัตว์และทำให้เสียทรัพย์แล้ว ปรากฏว่า น.ส.สุปราณี ได้เรียกค่าเสียหายจากฝ่ายนายจินดาเป็นเงิน 100,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลสุนัขเป็นเงินจำนวนมาก ทำให้ศาลต้องสั่งให้มีการสืบเสาะข้อเท็จจริง ก่อนจะมีคำพิพากษาต่อไป