Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

จากกรณีพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ดำเนินคดีกับ 3 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร หรือ น้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี จนถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา เตรียมทหารบ้านครูพี่ณัฐ น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และ น.ส.นงลักษณ์ พละ แม่ยายโดยทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ขณะนี้ถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำจังหวัดนครสวรรค์

วันที่ 20 มิ.ย. 2562 พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์เรียกประชุมทีมสืบสวน นำเอาหลักฐานไม้เบสบอลทั้งหมด 8 ไม้ ที่ค้นพบในบริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำปิงพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นำไปส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนนำมาประกอบสำนวนน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญในคดีนี้ด้วย โดยไม้เบสบอลทั้งหมดนี้มีรายงานจากแหล่งข่าวว่ามีการนำไปทิ้งถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกหลังจากที่มีการทำร้ายน้องชายแดนจนหัวแตก แขนหักแล้ว นายณัฐพลจึงมีการนำไม้ที่ใช้ในการทำร้ายไปทิ้งก่อนจำนวน 4 อัน จนกระทั่งเกิดการทำร้ายน้องชายแดนอีกครั้ง โดยครั้งนี้รุนแรงจนเกิดข่าวน้องชายแดนเสียชีวิต และตัวนายณัฐพลซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันเข้าไปมีส่วนพัวพัน จึงมีการให้เด็กชายที่เป็นนักเรียนคนสนิทนำไม้เบสบอลที่เหลือทั้งไม้ที่ใช้ตีและไม้ที่ยังใหม่ไม่ได้ใช้นำไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด โดยมีนายณัฐพลเป็นผู้ขับรถพาไปทิ้งบริเวณใต้สะพานแม่น้ำปิง หมู่ที่1 ตำบลวัดไทรย์ อำเภอเมือง นครสวรรรค์ ซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิดและไม่มีบ้านคนพักอาศัยอยู่ในระแวกนั้น

ซึ่งการที่นายณัฐพลต้องนำไม้เบสบอลที่มีอยู่ในบ้านทั้งหมดเอาไปทิ้งนั้น เนื่องเจ้าตัวพอจะรู้หลักการทำงานสืบสวนสอบสวนของตำรวจมาบ้าง คือ หากเก็บไม้เบสบอลเอาไว้จะเป็นหลักฐานที่จะสามารถเชื่อมโยงไปถึงประเด็นการใช้ความรุนแรงในสถาบันได้จึงต้องทำรายหลักฐานสำคัญดังกล่าว แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ชุดค้นหาก็ติดตามหาวัตถุพยานสำคัญจนพบพร้อมกับมีหลักฐานเป็นป้ายชื่อนายณัฐพลติดไว้ที่ถุงห่อไม้เบสบอลด้วย

แหล่งเปิดเผยข้อมูลว่า ร่องรอยอวัยวะที่มีรอยไหม้นั้นเป็นการสั่งการจากนายณัฐพลไปยังเด็กชายลูกสมุนระดับหัวหน้าให้ไปบังคับให้เพื่อนนักเรียนที่เรียนอยู่ด้วยกันร่วมกันจับขึงน้องชายแดนไม่ให้ดิ้นหลบหนี จากนั้นจึงมีการจุดไฟแช็คลนเข้าไปที่อวัยวะเพศต่อหน้าเพื่อนๆ ที่ร่วมจับน้องชายแดนขึ้น ทั้งที่ไม่เต็มใจจะร่วมกันทำ แต่เพราะถูกบังคับ หากไม่ร่วมมือก็จะถูกหาเรื่องรุมทำร้าย ซึ่งสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารแห่งนี้ มีการใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียนที่มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่ตลอด และตัวน้องชายแดนนั้นไม่ได้แค่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรง 2 ครั้ง แต่ถูกทำร้ายมนานหลายครั้งแล้ว

ที่ผ่านมาแก๊งหัวโจกรวมถึงเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ มักจะถูกนายณัฐพลข่มขู่ต่างๆนานา เพื่อไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสถาบันไปบอกใคร จนทำให้เด็กเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าให้การตำรวจ  แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนคดืได้เกลี้ยกล่อมเด็กที่เป็นพยานทั้งหมด จนยอมเปิดปากนำมาสู่การออกหมายจับและดำเนินคดีครอบครัวครูโรงเรียนกวดวิชาโหดในครั้งนี้  ซึ่งทั้งนักเรียนหัวโจกและเด็กนักเรียนที่อยู่ร่วมในสถาบันเด็กกันจะถูกกันไว้เป็นพยานในคดีนี้ทั้งหมด

ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าของวันนี้นายอรรถพร สีหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เรียกนายอำเภอทุกอำเภอพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมที่ห้องประชุม 301 ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์  เพื่อวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นเดียวกับสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร “กวดวิชาบ้านพี่ณัฐ” พร้อมกำชับทุกพื้นที่และทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบห้ามมีโรงเรียนเถื่อเกิดขึ้นอีก  ส่วนวสถาบันกวดวิชา บ้านพี่ณัฐที่เป็นข่าวนั้นในขณะนี้ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(สนง.ศธจ.)​ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.เมืองนครสวรรค์ไว้แล้ว  ส่วนบทลงโทษโรงเรียนเถื่อนมีทั้งโทษจำและปรับอันเป็นโทษทางอาญา ซึ่งหากผู้เปิดโรงเรียนเถื่อนเป็นข้าราชการด้วย ก็จะมีโทษทางวินัย และหากเป็นข้าราชการครูก็จะมีผลถึงยึดใบประกอบวิชาชีพครูเลยทีเดียว ซึ่งทาง สพป.นว. และ สพม.42 เคยมีหนังสือเวียนแจ้งข้าราชการครูในสังกัดให้ทราบแล้วว่าการปิดสอนเองที่มีผู้เรียนเกิน 7 คน (นับทุกรอบ)  มีความผิดตามกฎหมายและไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ รวมถึงภาษีป้ายด้วย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า