เฝ้าระวังพิเศษรถยนต์ 10 คัน จยย.21 คัน ถูกโจรกรรม 3 จังหวัดใต้ หวั่นถูกนำไปก่อเหตุ

ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์รถจักรยานยนต์ จชต. แจ้งเตือนเฝ้าระวังพิเศษรถยนต์ 10 คัน จยย.21 คัน ถูกโจรกรรมหวั่นถูกนำมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์

วันที่ 29 ม.ค. 2562 ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จังหวัดชายแดนใต้ รายงานข้อมูลให้หน่วยกำลังในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา มีการตรวจเข้มรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หลังพบช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการแจ้งความรถถูกโจรกรรมจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่ารถที่สูญหายจำนวนหนึ่งมีการตรวจสอบพบพฤติกรรมสุ่มเสียงว่าจะนำมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4

จชต.จึงให้มีการกวดขันในการตรวจเป็นรถเฝ้าระวังพิเศษ ประกอบไปด้วยพื้นที่ จ.ปัตตานี เน้นตรวจตรารถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ และรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค รวม 2 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 5 คัน, จ.ยะลา รถยนต์กระบะ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 8 คัน, จ.นราธิวาส รถยนต์กระบะและเก๋งรวม 2 คัน รถจักรยานยนต์ 5 คัน รวมถึงในพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลา เป็นรถยนต์กระ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน รวมเป็นรถยนต์ 10 คัน และ รถจักรยานยนต์ 21 คัน โดยให้เน้นตรวจจับป้ายทะเบียน ที่คาดว่าคนร้ายได้มีการสลับป้ายทะเบียนและมีการตัดต่อหมวดอักษร ตัวเลข เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจ จึงเน้นย้ำให้แต่ละหน่วยเพิ่มความเข้มขนและเพิ่มการสังเกตเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มคนร้ายมีการโยกย้ายรถเข้ามาแอบเตรียมการก่อเหตุรุนที่อาจจะเกิดขึ้นได้

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 มีคำสั่งเน้นย้ำให้ทุกชุดปฏิบัติการจรยุทธ ชุดลาดตระเวรให้ปรับไปเป็นการเดินเท้าลาดตระเวรไปตามพื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน และให้มีการประสานกำลังภาคประชาชน คือ ชุดคุ้มครองตำบล ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน เข้ามาร่วมจัดเวรยามสับเปลี่ยนในการตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทางลายลอง ควบคู่กับการตั้งจุดตรวจตราของแต่ละจุดตรวจ เพื่อเป้นการกดดันและจำกัดเสรีให้การเข้ามาเคลื่อนไหวทำได้ยากขึ้น โดยยังมุ่งเน้นให้กำลังภาคประชาชนเป็นแกนหลักสำคัญในการแจ้งความเคลื่อนไหวบุคคลเป้าหมายหรือบุคคลแปลกหน้า โดยผ่านทางกำนันผู้ใหญ่บ้านและให้กำลังหลักทั้งทหาร ตำรวจ จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าตรวจพิสูจน์ทราบในทุกจุดที่มีการแจ้งข่าว เพื่อไม่ให้มีพื้นที่คนร้ายใช้สำหรับกบดาน หลบหนีหรือการนัดรวมตัววางการร้าย โดยได้ชื่นชมกำลังภาคประชาชนหลายครั้งที่ผ่านๆ มา การช่วยแจ้งข้อมูลข่าวสารการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามและบุคคลแปลกหน้า จนทำให้สามารถช่วยกดดันและนำไปสู่การจับกุมกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีหมายจับคดีความมั่นคงได้หลายคนด้วย