ชาวบ้านทยอยแจ้งความถูกหลอกเป็นผู้โชคดีซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพงลิบ ด้านตำรวจรวบรวมเป็นคดีเดียวรอสอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นตั้ง ฉ้อโกงประชาชน
วันที่ 4 มิ.ย.2562 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง และ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ทยอยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพังงา หลังจากถูกหลอกให้ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในราคาแพงเกินจริงจำนวนหลายราย ซึ่งผู้เสียหายได้รวมกลุ่มพร้อมทยอยเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ออกอุบาย ส่งจดหมาย เอกสารว่า เหยื่อเป็นผู้โชคดีไปยังบ้านเรือนที่อยู่อาศัย โดยผู้เสียหายเล่าให้ฟังเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับจดหมายนัดให้เข้ารับฟัง กติกา การร่วมชิงโชค ที่ทำการสำนักงานแห่งหนึ่ง เมื่อเหยื่อเข้าร่วมรับฟังจะพบว่ามีกลุ่มบุคคลที่รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ประมาณ 20-30 คน นั่งร่วมรับฟัง โดยมีบุคคลแสดงตัวว่าเป็นพนักงาน ประมาณ 4-5 คน คอยต้อนรับและเก็บหลักฐาน จดหมาย หนังสือที่แจ้งไปยังที่อยู่ของเหยื่อ พร้อมชี้แจงให้บุคคลที่เข้าร่วมรับฟังถึง กติกา การเข้าร่วมลุ้นโชค จากนั้นมีการหยิบสลากรายชื่อผู้โชคดีที่เข้าร่วมรับฟัง และกล่าวถึงสิทธิของผู้โชคดีที่จับสลากได้รายชื่อของแต่ละราย โดยอ้างว่าใช้คอมพิวเตอร์สุ่มรายชื่อ และเมื่อรายชื่อปรากฏในคอมพิวเตอร์ทางบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นพนักงานประกาศรายชื่อก็เชิญเข้าห้องอีกห้องเป็นการส่วนตัว
จากนั้นได้แจ้งสิทธิ์ประโยชน์มากมาย ว่า จะให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าโดยมีค่าตอบแทนเป็นทั้งของรางวัลและเงินสด รวมมูลค่าประมาณ 50,000 บาท โดยมีเงื่อนไขต้องซื้อสินค้าเป็นชุดโฮมเธียร์เตอร์ หม้อหุงข้าว และ ชุด ดีวีดี ในราคา 22,944 บาท พร้อมทั้งบันทึกคลิบวีดีโอ พูดตามพนักงานที่บอกบทอยู่ด้านข้าง มีใจความว่า “ตนเองสมัครใจซื้อสินค้า โดยไม่ได้เกิดจากการบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด” ด้วยความเชื่อถือและต้องการผลประโยชน์ที่บุคคลเหล่านั้นอ้างว่าเป็นพนักงานจึงไม่ได้เคลือบแคลงแม้แต่น้อย จากนั้นได้นัดวัน เวลา สถานที่ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่ตามมา คือ ของรางวัล และเงิน ค่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ ในการจัดงานแสดงสินค้า มูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ทำให้เหยื่อหลงเชื่อจำนวนหลายราย จากนั้นเมื่อมีการจ่ายเงินค่า โฮมเธียร์เตอร์ หม้อหุงข้าว และ ดีวีดี จึงให้เหยื่อกลับภูมิลำเนาเพื่อรอวันจัดงาน
กระทั่งใกล้วันนัดจัดงาน ทางเหยื่อได้โทรสอบถาม ทางบุคคลที่อ้างเป็นพนักงานได้พูดบ่ายเบี่ยงและเลื่อนวันนัดโดยให้เหตุผลอ้างต่างๆ นานา สุดท้ายไม่รับโทรศัพท์และตัดสายทิ้ง จนทางเหยื่อพบว่าเป็นการหลอกลวง เบื้องต้นมีเหยื่อหลายรายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ล่าสุดพบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ย้ายหลบหนี ออกจากอาคารดังกล่าวแล้ว ทำให้เหยื่อจำนวนกว่า 20 ราย รวมตัวกันโดยใช้ข้อความติดต่อกันทางเฟซบุ๊กพร้อมปรึกษาหารือกันเพื่อหาตัวกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นพนักงานและก่อเหตุดังกล่าวแล้ว