Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ตำรวจควบคุมตัวสิบเอกเรืองศักดิ์ ผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์ร้านทองขอนแก่นไปทำแผน หลังจากถูกจับกุมได้ขณะหลบหนีไปที่ สปป.ลาว โดยตำรวจสามารถติดตามทองคำได้มูลค่า 6 ล้านบาท จากที่ถูกชิงทรัพย์ไปรวม 9 ล้านบาทคืนเจ้าของ

วันที่ 8 ต.ค.2562  สิบเอกเรืองศักดิ์ หรือนะ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองขอนแก่น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังร่วมกันกับนายชัยมงคล หรือชัย อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาอีกคนที่อยู่ระหว่างหลบหนี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทองได้ทองคำรูปพรรณ จำนวน 104 เส้น น้ำหนักรวม 437 บาท มูลค่า 9 ล้านบาท จากนั้นหลบหนีไปไปประเทศเพื่อนบ้านเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา

จุดแรกตำรวจพาไปที่บริเวณศูนย์อาหารภายในห้าง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้มานั่งรอและสังเกตการณ์ก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ จากนั้นได้เข้าไปภายในร้านทองจุดที่ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยสิบเอกเรืองศักดิ์ ถืออาวุธปืนอยู่หน้าร้าน ขณะที่นายชัยมงคล เป็นคนทำหน้าที่ชิงทองรูปพรรณ และจุดสุดท้ายเป็นด้านหลังห้างที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์มาจอดไว้และขับหลบหนีไปหลังจาก่อเหตุ

ด้าน พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการสืบสวนได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวดเร็วทราบตำหนิรูปพรรณคนร้าย เส้นทางเข้าก่อเหตุ และพาหนะที่ใช้เข้าก่อเหตุ คือ รถกระบะ 4 ประตูทะเบียน กค 2196 ชัยภูมิ มีชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์และรถจักรยานยนต์ ทั้งได้ทราบเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุไปตามถนนมะสิวัลย์ มุ่งหน้าจังหวัดชัยภูมิต่อมาในวันที่ 27 ก.ค.62 เวลาประมาณ 09.00 น. ได้รับแจ้งเบาะแสการนำทองคำรูปพรรณที่ถูกชิงไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ใน อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากล้องวงปิดทราบตำหนิรูปพรรณบุคคลที่นำทองคำไปผขายตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ และยานพาหนะที่ใช้คือรถยนต์กระบะ 4 ประตู ต่อมาทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้คือ ส.อ.เรื่องศักดิ์ หรือนะ อและนายชัยมงคล อายุ 37 ปี จึงไปตรวจสอบที่บนพักของนางจันทจรฯ พบว่ามีทองคำรูปพรรณทรัพย์ที่ถูกชิงไปอยู่และทราบว่าในช่วงเช้าของวันเดียวกัน ได้มีนายสุพจน์ อายุ52 ปีและนายไพรวัน อายุ 53 ปี ใช้รถยนต์กระบะทะบียน บล 6213 อุดรธานี พาคนร้ายออกไปขายทองคำและหลบหนี จากนั้นได้ไปตรวจสอบบ้านพักของแม่ผู้ต้องหาทราบว่าทองคำรูปพรรณได้นำซุกซ่อนฝังดินไว้ที่สวนยางพาราท้ายหมู่บ้านอ่างทอง อ.ภูเชียว จ.ชัยภูมิ และได้มอบให้ผู้เป็นแม่บางส่วน เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปตรวจยึดทองคำรูปพรรณได้จากจุดดังกล่าวคือ ทองคำรูปพรรณ

“ในส่วนการสืบสวนติดตามรถยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะที่นายสุพจน์ และนายไพรวัน ได้ใช้พานายเรืองศักดิ์และนายชัยมงคลฯ ออกไปขายทองคำและหลบหนีนั้น ในวันเดียวกัน ได้รับแจ้งว่าพบพบรถยนต์คันดังกล่าวกำลัง มุ่งหน้า จ.ขอนแก่นที่บริเวณถนนรอบเมือง(ช่วงสี่แยกบายพาสบิ๊กซีไปสกลนคร)ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานีจึงตั้งจุดสกัด และเข้าตรวจค้นพบนายสุพจน์ฯ นายไพรวันฯ อยู่ในรถคันดังกล่าวชักถามรับว่าได้ขับรถพานายเรื่องศักดิ์ฯ และนายชัยมงคลฯ หลบหนีไปยัง สปป.ลาวโดยผ่านช่องทางธรรมชาติที่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย โดยนายสุพจน์ฯและนายไพรวันฯ ถูกจับกุมในเวลาต่อมาในความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจรและ ช่วยผู้ต้องหาหลบหนี”

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2562  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย ว่าสิบเอกเรืองศักดิ์ ผู้ต้องหาได้ถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทยที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาว จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวพร้อมตรวจยึดทรัพย์สินซึ่งได้มาจากการก่อเหตุได้แก่ ทองคำแท่ง (หลอมจำนวน ๒ แท่งน้ำหนัก 494 กรัม สร้อยคอทองคำจำนวน 2 เส้นหนัก152กรัม กำไรข้อมือทองคำ ๓ วงหนัก136 กรัม เงินสดจำนวน 280,000 บาท โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง นอกจากนี้ผู้ต้องหายังได้รับสารภาพว่าได้ซื้อรถยนต์จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คันที่สปป.ลาว ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภพว่าเป็นทรัพย์ได้มาจากการก่อเหตุชิงทรัพย์และได้นำทองคำบางส่วนไปขายเพื่อนำเงินมาใช้ รวมทรัพย์สินที่ถูกชิงไป ทองคำรูปพรรณ จำนวน 104 เส้น น้ำหนัก 437 บาท มูลค่า 9 ล้านบาท  โดยตำรวจสามารถติดตามทรัพย์สินคืนผู้เสียหายได้หลายรายการรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า