สองหนุ่มขนส่งอาหารทะเล ทุบกระจกช่วยเหลือ 3 แม่ลูก รถเสียหลักตกร่องกลางไฟไหม้ ส่วนพ่อซึ่งเป็นคนขับไม่รอด ถูกไฟคลอกเสียชีวิตติดคาซากรถ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 16 มิ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.สุภชาติ วสุสกุลเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนเสียหลักพลิกคว่ำ มีเพลิงไหม้ และมีผู้บาดเจ็บติดภายในรถ
เหตุเกิดบนถนนหลวงสาย 331 (สัตหีบ – เขาดิน) บริเวณหน้า สภ.ห้วยใหญ่ หมู่1 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์พัทยา และหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลห้วยใหญ่ นำรถดับเพลิงรุดช่วยเหลือ
https://www.facebook.com/ebaitongzaza/videos/1803021299736118/
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณล่องกลางถนน พบรถเก๋ง นิสสัน ทีด้า สีขาว ทะเบียน กธ-1912 ระยอง ชนอัดติดกับท่อระบายน้ำ สภาพพังยับเยิน มีเพลิงไหม้บริเวณห้องเครื่องยนต์อย่างรุนแรง จนลุกลามไปทั้งคัน เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำสกัด ใช้เวลากว่า 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้
ตรวจสอบภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับ พบศพลักษณะเป็นชาย ไม่ทราบชื่อ-สกุล ถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียมติดกับที่นั่ง เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างงัด จนสามารถนำศพออกมาได้
นอกจากนี้ ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้หญิง 1 ราย เด็กชาย 1 ราย และเด็กหญิงอีก 1 ราย ได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดี นำส่ง รพ.สิริกิติ์ ไปก่อนหน้านี้แล้ว

นายวรดร เจ๊ะมะ
สอบถาม นายจักรพันธุ์ ผูกดวง อายุ 23 ปี และ นายวรดร เจ๊ะมะ อายุ 36 ปี สองหนุ่มพลเมืองดี ผู้เข้าช่วยเหลือคนเจ็บ เล่าเหตุการณ์ว่า ตนทั้งสองกำลังขับรถกลับจากส่งสินค้าประเภทอาหารทะเล ระหว่างทางได้เห็นรถประสบอุบัติเหตุจึงลงไปช่วยเหลือ เมื่อไปถึงเห็นกลุ่มควันเริ่มไหม้จากบริเวณห้องเครื่องยนต์ ในขณะเดียวกันได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากในรถ ตนจึงตัดสินใจใช้หมอนรองเบาะจากรถยนต์ของตน มางัดกระจกจนแตก และช่วยเหลือหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับ และเด็กอีก 2 ราย ซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังจนสำเร็จ ส่วนคนขับนั้นร่างติดกับตัวรถ ประกอบกับไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง จึงไม่สามารถช่วยเหลือได้

นายจักรพันธุ์ ผูกดวง
เบื้องต้นตำรวจได้ถ่ายภาพและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุคาดว่า รถคันดังกล่าวมากันแบบครอบครัว พ่อ แม่ และลูกอีก 2 คน ระหว่างเดินทางกลับบ้าน พ่อผู้เป็นคนขับเกิดหลับใน จนรถเสียหลักตกร่องกลาง และพุ่งชนกับท่อระบายน้ำจนเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นคืนสติ ก่อนจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป