Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ- หนุ่มวัย 30 ปีชาวบ้านโป่ง เผยความภาคภูมิใจ เก็บรักษาผ้าห่มพระราชทาน ในหลวงรัชกาลที่ 9 สมบัติล้ำค่า 62 ปี จากเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่อำเภอบ้านโป่ง ปี 2497

วันนี้ (16 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากครอบครัวของหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วิปโยคไฟไหม้ครั้งใหญ่ในตลาดบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ว่า ปัจจุบันได้เก็บรักษาผ้าห่มพระราชทาน ซึ่งนับเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีอายุกว่า 62 ปี จึงเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว เลขที่ 183 ถ.แสงชูโต เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

พบกับนายธงชัย จงสถาพรพันธุ์ อายุ 30 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งเป็นผู้เก็บรักษาผ้าห่มพระราชทานไว้ และยังได้พบกับนายเหงี่ยวซุ่ย จงสถาพรพันธุ์ วัย 75 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อ 62 ปีก่อน โดยที่ทั้งหมดได้เผยภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นและความประทับใจที่ครอบครัวได้เก็บรักษาผ้าห่มพระราชทานไว้ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงไม่ทอดทิ้งประชาชน

เมื่อย้อนกลับไปเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน 2497 นับเป็นวันที่โศกเศร้าที่สุด และเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวตลาดบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี แค่ในชั่วพริบตาเดียว เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมควันไฟดำทะมึน มีเสียงร้องตะโกนว่า ไฟไหม้…ไฟไหม้ ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงและเรียกร้องเสียงหลงเพื่อขอความช่วยเหลือ

นายเหงี่ยวซุ่ย จงสถาพรพันธุ์ วัย 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183 ถ.แสงชูโต เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เล่าถึงภาพความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือน กับเหตุการณ์วิปโยคครั้งนั้นว่า

ตอนนั้นตนเองมีอายุได้เพียง 12 ปี เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 กำลังเรียนหนังสืออยู่ภายในชั้นเรียน ได้ยินคนร้องตะโกนว่า ไฟไหม้…ไฟไหม้ จึงรีบวิ่งกลับมาที่บ้านเพื่อช่วยเก็บข้าวของหนีไฟ โดยเหตุไฟไหม้เกิดขึ้นที่บริเวณชั้นบนของร้านฮั่วเส็ง ซึ่งเป็นร้านขายของชำ โดยมีนายบุ้นเส็ง หรือสมบัติ แซ่แต้ เป็นเจ้าของ ซึ่งตั้งอยู่กลางใจเมืองบ้านโป่ง (มุมถนนสุขาวดีด้านถนนแสงชูโตในปัจจุบัน) ติดกับร้านตั้งเง็กเซ้ง ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จากการวางเพลิงเพื่อเผาหวังเอาเงินประกันเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท

โดยภายหลังคนร้ายได้ถูก ร.ต.อ.แก้ว พรหมพินิจ ผบ.กอง สภ.อ.บ้านโป่ง ควบคุมตัวไว้ได้และยอมรับสารภาพอย่างหมดสิ้นว่า ได้วางแผนไว้นานแล้ว เพลิงได้โหมไหม้อย่างรุนแรง แม้ประชาชนที่พบเห็นได้ช่วยกันสกัดไฟแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้แต่อย่างใด ตนเองและชาวบ้าน นักเรียน ลูกเสือของโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง ได้ช่วยกันขนสิ่งของออกจากบ้านเรือนกันจ้าละหวั่น

บางคนร้องเรียกขอความช่วยเหลือ บางคนเรียกหาบุตรหลานของตนเองเพื่อหลบภัย วุ่นวายกันไปทั่วเมือง จนไม่รู้ว่าใครเป็นใครกัน นักฉวยโอกาสได้อาศัยช่วงจังหวะนี้ ขโมยสินค้าของผู้ประสบภัยอีกทอดหนึ่งด้วย ไฟได้ลุกไหม้บ้านเรือนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านเกือบทั้งเมือง และเพลิงได้สงบลงเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. รวมเวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง

นายเหงี่ยวซุ่ย เล่าต่อว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2497 เวลาประมาณ 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมุหราชองครักษ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์จากพระที่นั่งอัมพรสถานอย่างกะทันหัน โดยมิให้ใครรู้พระราชประสงค์ที่จะทรงไปเยี่ยมพสกนิกรที่ถูกเพลิงไหม้ ทั้งนี้ เพื่อมิให้เจ้าหน้าที่เตรียมการต้อนรับอย่างเอิกเกริก เพราะประชาชนกำลังอยู่ในระหว่างเศร้าโศก เนื่องจากถูกเพลิงไหม้ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก

การเสด็จครั้งนั้น มีพระราชญาติรักษา ผู้ว่าราชการภาค 7 เข้าเฝ้ารับเสด็จ รถยนต์พระที่นั่งได้วนรอบบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ทรงทักทายถามทุกข์สุขผู้ประสบอัคคีภัยครั้งนี้โดยถ้วนหน้า พร้อมกับพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1 แสนบาท ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และยังทรงพระราชทานเสื้อผ้า อาหาร ตลอดจนยารักษาโรค อีกส่วนหนึ่งด้วย

ครั้นเวลา 15.30 น. ได้เสด็จกลับกรุงเทพฯ ประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จต่างรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

นายธงชัย จงสถาพรพันธุ์ วัย 30 ปี เล่าว่า ครอบครัวของตนเองได้เก็บรักษาผ้าห่มพระราชทานผืนนี้ไว้เป็นอย่างดี และเป็นการสืบทอดมาจาก น.ส.กำฟ้า จงสถาพรพันธุ์ ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้วเมื่อราวปี 2558 โดยเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานผ้าห่ม ข้าวสาร และปลาทู ซึ่งเป็นสิ่งของพระราชทานที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือราษฎรชาวบ้านโป่ง ซึ่งในขณะนั้น น.ส.กำฟ้า มีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น

ปัจจุบันผ้าห่มพระราชทานผืนดังกล่าวมีสภาพเสื่อมโทรมและเนื้อผ้าเริ่มเปื่อยและขาด เป็นไปตามอายุของผืนผ้า เป็นผ้าห่มพระราชทานผืนสีเขียว มีรอยขาดสภาพเก่า แต่ตนเองก็เก็บเป็นอย่างดี บรรจุใส่ถุงไว้เพื่อไม่ให้ฝุ่นจับ ทั้งนี้ตนเองและครอบครัวซึ่งมีคุณพ่อและคุณแม่ได้ตั้งปณิธานเดินทางไปกราบพระบรมศพ เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อครอบครัวและวงศ์ตระกูล

และครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 00.50 น.ของวันที่ 6 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่สำนักพระราชวังได้เปิดโอกาสให้เข้าไปกราบพระบรมศพ ซึ่งตนเองและครอบครัวก็ได้เฝ้ารอจนประตูพระบรมมหาราชวังปิด รวมเข้ากราบพระบรมศพทั้งหมด 26 ครั้ง

ทั้งนี้ครอบครัวได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อพระองค์ว่า จะขอเป็นคนดีและทำความดีต่อสังคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า